ตามที่คาดไว้ นักข่าวไล่ตามรถของทั้งคู่ แต่รถเบี่ยงออกจากถนนของโรงเรียน และพุ่งออกไปขณะเฉียวเหลียงเหยียบคันเร่งอย่างแรง ถังซีมองเฉียวเหลียงด้วยรอยยิ้มหวานบนใบหน้า แล้วถามว่า “คุณมาที่นี่ทำไม”
รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปตอนรักกันใหม่ๆ อีกครั้ง แม้ว่าทั้งคู่จะเรียนวิชาเอกเดียวกัน แต่ก็เลือกวิชาเลือกต่างกัน ทุกครั้งที่เข้าเรียนในวิชาต่างกัน เธอจะออกจากชั้นเรียนก่อนหมดเวลา มารอที่หน้าห้องเรียนของเขา เมื่อเห็นเธอเขาจะแอบย่องออกจากห้องเรียน แล้วทั้งคู่ก็จะจูงมือกันวิ่งไปที่โรงอาหาร
เฉียวเหลียงจับมือถังซี กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ “ผมทำงานเสร็จแล้ว” เขาไม่อยากบอกเธอว่า ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้ เขาคิดว่าทุกอย่างจนถึงตอนนี้เป็นความฝัน เป็นสาเหตุให้เขามาที่นี่ เพื่อยืนยันว่าเขาแค่ฝันจริงหรือเปล่า
ถังซีมองใบหน้าด้านข้างของเฉียวเหลียง เขามีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เกือบจะไร้ที่ติ เพียงแต่ตอนนี้เขาผอมเกินไป คางเรียวแหลม และร่างกายผ่ายผอม เมื่อนึกย้อนกลับไปว่าเขาเป็นอย่างไรในอดีต ถังซีก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอถามว่า “คุณทานอาหารไม่ได้เลยใช่ไหม ในหลายปีที่ผ่านมา”
เขาเคยเป็นคนทานเก่งเวลาที่อยู่กับเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอไม่ทานเขาทานหมด แต่ตอนนี้เขาไม่อยากทานอะไรเลย เขามีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือเปล่า
เมื่อได้ยินเธอพูดถึงอาหารเฉียวเหลียงก็ชะงัก แล้วยิ้มออกมาขณะจับมือเธอและถามว่า “คุณอยากทานอะไร เราไปทานกันดีกว่า”
ถังซีรู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่เธอยังคงเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้เฉียวเหลียง “แน่นอนค่ะ ว่าต้องเป็นกุ้งก้ามกรามออสเตรเลียกับปูขน! ใช่ ใช่ แล้วก็ต้องทานกับกุ้งในซอสต้นหอมด้วย”
เฉียวเหลียงหันมามองถังซีและได้เห็นว่าเธอดูเศร้า แม้จะพยายามแสดงท่าทางมีความสุขต่อหน้าเขา แต่เขารู้ว่าเธอไม่มีความสุขเลย เขาไม่อยากเล่าให้เธอฟังว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง เขาทำไม่ได้ เขาไม่อาจทำให้หญิงสาวผู้เป็นที่รักรู้สึกผิด เขาไม่ใจร้ายพอที่จะทำให้เธอวิตกกังวลเรื่องสุขภาพของเขา แม้ว่าการที่เธอใส่ใจเขาจะทำให้เขามีความสุขก็ตาม
เขารู้ดีว่าหลังเลิกเรียนถังซีต้องกลับบ้านในตอนบ่าย เฉียวเหลียงจึงพาถังซีไปทานบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลที่อยู่ห่างจากโรงเรียนเพียงไม่กี่ถนน เฉียวเหลียงสวมหน้ากากและหมวก ถังซีก็เช่นกัน อย่างไรก็ตามถังซียังสวมชุดนักเรียน ในขณะที่เฉียวเหลียงอยู่ในชุดสูท ดังนั้นทั้งสองจึงดู… ใช่… ดูแปลกๆ ที่ทั้งสองจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ นอกจากนี้ในช่วงเวลาห้า-หกโมงเย็นมีผู้คนมากมายที่ภัตตาคารบุฟเฟ่ต์ พวกเขาจึงได้รับความสนใจอย่างมาก…
มีคนจำได้ว่าชุดที่ถังซีสวมนั้นเป็นชุดนักเรียนของโรงเรียนมัธยมตี้อี และชี้นิ้วมาที่เธอโดยวิจารณ์ดังๆ ว่า “นักเรียนมัธยมปลายทุกวันนี้ประพฤติตัวแย่จริงๆ ดูสิ ออกมากับผู้ชายตั้งแต่อายุแค่นี้ แถมยังมาทั้งชุดนักเรียนอีกด้วย…”
บางคนก็อัดคลิปวิดีโอด้วยโทรศัพท์มือถือ และจะโพสต์ลงออนไลน์ ถังซีขมวดคิ้วแล้วกล่าวกับเฉียวเหลียง “เราไปที่อื่นกันเถอะ”
เธอไม่สามารถเปิดใช้งาน 008 ได้ในขณะนี้ เธอจึงไม่มีทางลบคลิปวิดีโอที่คนพวกนี้จะอัปโหลดทางอินเทอร์เน็ตได้ในเวลาอันสั้น เธอตัดสินใจว่าไม่ควรปรากฏตัวในสถานที่แห่งนี้กับเฉียวเหลียง แม้เธอจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ถ้าคนเหล่านี้อัพโหลดวิดีโอลงในโลกออนไลน์ จะส่งผลกระทบทางลบต่อโรงเรียนของเธออย่างแน่นอน
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว ใบหน้าเขาเย็นเยือกขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นมองคนเหล่านั้น แม้เขาจะสวมหมวกและหน้ากาก แต่สายตาเย็นยะเยือกก็ทำให้คนพวกนั้นหวั่นเกรง หลายคนรีบลบคลิปวิดีโอในโทรศัพท์ของตน และบางคนก็ถอยห่างออกไปจากคนทั้งสอง
เมื่อเห็นเฉียวเหลียงโกรธ ถังซีก็รีบจับมือเขาไว้ เอ่ยเสียงดังด้วยท่าทางสนิทสนมว่า “พี่คะ คุณพ่อคุณแม่ยังไม่มาอีกเหรอ ไหนท่านบอกว่าจะมาถึงตอนห้าโมงครึ่งไงล่ะ”
ทันทีที่เฉียวเหลียงได้ยินเสียงนุ่มๆ รังสีความก้าวร้าวของเขาก็หายไปทันที เขาหันมามองถังซีซึ่งกำลังขยิบตาให้เขา จากนั้นเขาก็เม้มริมฝีปากหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วบอกว่า “พี่จะโทรตามท่านก่อน”
เมื่อได้ยินการสนทนาของทั้งสอง ทุกคนก็รู้ว่าพวกเขาเข้าใจผิด ปรากฏว่าทั้งสองเป็นพี่ชายกับน้องสาว ไม่แปลกใจที่ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมาก พวกเขาไม่น่าหยาบคายแบบนี้เลย บางคนถึงกับกล่าวขอโทษ ถังซีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม และบอกว่าไม่เป็นไร “เพราะว่าพี่ชายฉันหล่อและฉันก็สวย เวลาที่ฉันออกมาข้างนอกกับพี่ชายโดยไม่ได้สวมเครื่องแบบนักเรียน ใครๆ ก็มักเข้าใจผิดว่าเราเป็นคู่รักกันค่ะ”
เฉียวเหลียงหันไปหาถังซี ใบหน้าบึ้งตึงขณะพูดโทรศัพท์ “คุณพ่อคุณแม่ยังมาไม่ถึงหรือครับ ถ้าอย่างนั้นเราจะกลับแล้วนะครับ… ตกลงครับ อธิบายกับน้องสาวผมเองก็แล้วกัน ครับ ผมเข้าใจแล้ว สวัสดีครับ”
เขาวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า มองหน้าถังซีและกล่าวว่า “คุณพ่อคุณแม่ติดงานนะ พวกท่านมาฉลองวันเกิดน้องไม่ได้”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ มองหน้าเฉียวเหลียง หลังจากนั้นแป๊บหนึ่งจึงรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เธอตอบว่า “คุณพ่อคุณแม่สัญญาว่าจะมาฉลองวันเกิดกับฉัน”
แม้ถังซีจะสวมหน้ากากและหมวก แต่ดวงตาที่โผล่พ้นหน้ากากนั้นเข้มและเจิดจ้าราวกับพูดได้ เมื่อเห็นดวงตาอันสวยงามแต่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ผู้คนต่างก็รู้สึกเสียใจไปกับเธอ บางคนเดินเข้ามาปลอบเธอ แล้วเสนอว่าจะฉลองวันเกิดให้เธอ
ถังซียิ้ม ขอบคุณเขา เฉียวเหลียงมองดูผู้คนรอบๆ ตัว ก่อนจะพาถังซีเข้าไปในห้องพิเศษที่เขาให้เลขานุการจองไว้
…
ทางอีกด้านหนึ่ง ในห้องทำงานรองประธานเฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุป เซียวจิ่งได้แต่จ้องมองโทรศัพท์มือถือ มีใครบอกเขาได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น
เฉียวเหลียงพูดถึงอะไร
ยังมาไม่ถึงหรือครับ มาที่ไหนเหรอ
และเขาบอกว่าพวกเขาจะกลับแล้ว เขากับใคร จะกลับมาที่บริษัทหรือ
อธิบายกับน้องสาวผมเองก็แล้วกัน มีใครบอกเขาได้บ้างว่า เฉียวเหลียงมีน้องสาวตั้งแต่เมื่อไหร่!
น้องสาว… โอ ไม่!
โอ พระเจ้า!
เซียวจิ่งผลุดลุกขึ้นทันที หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดหมายเลข บัดซบที่สุด เฉียวเหลียงแอบย่องออกจากบริษัทไปจีบน้องสาวเขา โดยไม่สนใจเขาเลย! อภัยให้ไม่ได้! เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด!
…
ในห้องพิเศษของภัตตาคาร เฉียวเหลียงมองดูหน้าจอโทรศัพท์ ปิดเสียงเรียกเข้า แล้วหันมาถามถังซี “เมนูสุดคลาสิคทั้งหมดเลยใช่ไหม”
“ปลาหมึกยักษ์สดๆ …” ถังซีมองเฉียวเหลียงด้วยดวงตาเปล่งประกาย
เฉียวเหลียงยิ้ม ขณะที่โทรศัพท์ยังคงสั่น เขาหยิบขึ้นมา เมื่อเห็นชื่อผู้โทรเข้าถังซีก็อดถามไม่ได้ “เมื่อกี้คุณโทรหาพี่จิ่งเหรอ”
เฉียวเหลียงขยิบตาให้เธอก่อนจะรับโทรศัพท์ “ฮื่อ ว่าไง”
“เฉียวเหลียง นายอยู่กับโหรวโหรวใช่ไหม” น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของเซียวจิ่งดังออกมาจากโทรศัพท์
เฉียวเหลียงนั่งลง รินน้ำจากกาทำความสะอาดช้อนส้อมให้ถังซี “ไม่ใช่” เขาตอบอย่างใจเย็น
น้ำเสียงเซียวจิ่งฟังดูลังเลเล็กน้อยเมื่อถามว่า “แล้วนายอยู่กับใคร”
เฉียวเหลียงยื่นตะเกียบ มีด และส้อม ที่ทำความสะอาดแล้วให้ถังซี ขณะตอบว่า “ฉันอยู่กับซีซี”