เฉียวเหลียงยืนอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง จนเขาจามออกมาเมื่อสูดหายใจ เขากระแอมเบาๆ ในลำคอแล้วยิ้มเล็กน้อย อย่างไรก็ตามดวงตาเขาเศร้า “ผมเห็นทุกอย่าง ไม่อยากเชื่อเลยว่าซีซีของผมจะเป็นผู้หญิงที่มีสองภาคแบบนี้ คุณไม่ยอมโทรหาผม แม้คุณจะคิดถึงผมมาก”
เมื่อได้ยินคำพูดเฉียวเหลียง อีกด้านหนึ่งของหัวใจถังซีก็เจ็บแปลบขึ้นมาเช่นกัน เธอกล่าวเสียงแผ่ว “ฉันก็มีศักดิ์ศรีของฉัน จริงไหม” หญิงสาวผู้มีศักดิ์ศรีของตนเองลืมไปสนิทว่า เมื่อกี้เธอตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ใส่ใจเฉียวเหลียงสักหนึ่งสัปดาห์
เฉียวเหลียงยิ้ม “ฮึ?”
ถังซีรู้ว่าเฉียวเหลียงหมายความว่าอย่างไร เธอเม้มริมฝีปากแล้วเบาเสียงทีวีลง กระซิบว่า “น่าเสียดายที่ศักดิ์ศรีโง่ๆ พวกนั้นหายไปหมด หลังจากฉันเจอคุณอีกครั้ง และได้ยินเรื่องราวของคุณ”
ประกายแวววาวของความรู้สึกอันซับซ้อนไหวระริกไปทั่วดวงตาเฉียวเหลียง “ขอบคุณนะครับ ที่ยอมให้ศักดิ์ศรีทั้งหมดของคุณหายไป”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเฉียวเหลียง ถังซีก็รู้สึกอบอุ่นในใจ ใบหูเธอแดงก่ำ “นี่ดูเหมือนเป็นครั้งแรกที่คุณพูดว่า ‘ผมรักคุณ’ กับฉัน” เธอกล่าวเสียงแผ่วต่ำ
“ไม่จริง” เฉียวเหลียงยิ้ม “ผมพูดมาแล้วหลายครั้งมาก”
“ไม่จริง นี่เป็นครั้งแรกที่คุณพูดคำนี้กับฉัน ฉันสารภาพรักกับคุณ แต่คุณไม่เคยสารภาพรักกับฉัน” ถังซีหลุบตาลง ใบหน้าแดงก่ำ “บอกฉันอีกครั้งสิ”
เฉียวเหลียงหัวเราะเบาๆ “ไม่ คุณยังไม่ยอมพูดแบบนี้กับผมเลย ครั้งต่อไปที่เราเจอกัน คุณบอกผมนะ แล้วผมจะบอกคุณ”
ถังซีเม้มริมฝีปากแล้วพึมพำว่า “ไม่ ฉันเป็นผู้หญิง ฉันอาย พูดไม่ได้หรอก!”
“ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งคุณเคยบอกว่าความเขินอายเป็นเรื่องไร้สาระ” เฉียวเหลียงกล่าว เขาเงยหน้าขึ้นดูภาพการ์ตูนบนฝาผนัง ซึ่งเป็นภาพถังซีที่บอกว่า ‘ฉันรักคุณ’ กับเขา เขาหัวเราะ แต่ในไม่ช้ารอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็เลือนหายไป เขากระซิบ “ซีซี ผมรักคุณ เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งผมไปอีก อยู่เคียงข้างผมไปตลอดชีวิตของผมนะ”
เขาเคยคิดว่าเขาเป็นคนให้ความรักแก่ซีซีมากกว่า แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าซีซีไม่ได้ให้ความรักแก่เขาน้อยไปกว่าที่เขาให้เธอเลย บางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เขาจำอะไรไม่ได้มากมายนักในเรื่องราวระหว่างที่ทั้งสองคบกัน แต่ซีซีจำรายละเอียดทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ถึงแม้จะอธิบายช่วงเวลานั้นไว้ในรูปแบบการ์ตูนก็ตาม
ในอดีตทุกครั้งที่ถังซีขอให้เฉียวเหลียงพูดคำสามคำนี้กับเธอ เขาปฏิเสธเสมอ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอหน้ามุ่ยและหมดความสุข เฉียวเหลียงจะให้ขนมมาร์ชแมลโลว์แก่เธอ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เธอก็อดยิ้มไม่ได้ขณะกระซิบว่า “ฉันก็รักคุณเหมือนกัน ฉันขอโทษที่ไม่เคยบอกคุณเลยจนกระทั่งตอนนี้”
เธอจำคำพูดที่เคยพูดกับเฉียวเหลียงได้ดี ‘ในเมื่อคุณชอบฉันมาก และฉันก็บังเอิญรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่น่าพึงพอใจในสายตาฉัน ทำไมเราไม่คบกันล่ะ’
ในครั้งนั้นเธอคิดว่าเฉียวเหลียงคงหาว่าเธอบ้า และจับเธอโยนออกไป แต่เฉียวเหลียงกลับมองหน้าเธออย่างจริงจังอยู่นานสองนาที ก่อนจะพยักหน้าและกล่าวว่า ‘ตกลง ถ้าอย่างนั้นเรามาคบกัน’
ในนาทีนั้นเธอรู้สึกว่าเธอโชคดีจริงๆ ที่มีเฉียวเหลียง และในนาทีนี้เธอรู้แล้วว่าการได้เป็นคนรักของเฉียวเหลียงคือโชคดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอ
ทั้งคู่กำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาอันแสนหวาน ทันใดนั้นถังซีก็เห็นข่าวทางโทรทัศน์ เป็นข่าวเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปเชิญดีไซเนอร์ฉินซินหยิ่ง หนึ่งในนักออกแบบที่มีความสามารถมากที่สุดในประเทศจีนมาร่วมงานอย่างเป็นทางการ เพื่อออกแบบชุดเสื้อผ้าในฤดูกาลใหม่ ถังซีหรี่ตาลงถามเฉียวเหลียง “คุณยังอยู่ในห้องฉันหรือเปล่า”
เฉียวเหลียงตอบด้วยเสียงฮื่อเบาๆ ถังซีเม้มริมฝีปากก่อนจะกล่าวต่อไป “ในลิ้นชักที่สองของตู้ในห้องฉัน มีภาพสเก็ตช์งานออกแบบที่ฉันเขียนไว้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา แล้วก็มีแฟล็ชไดร์ฟสองอันอยู่ที่ชั้นบนสุดของตู้ที่ห้องแต่งตัวในห้องฉันชั้นบน…” เมื่อได้ยินอย่างนี้เฉียวเหลียงก็ขมวดคิ้วถามว่า “คุณอยากให้ผมเอาไปให้คุณหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ ไปที่ตู้ข้างเตียง จะมีปุ่มเล็กมากๆ ปุ่มหนึ่งในลิ้นชักตู้ กดปุ่มนั้น” ถังซีขมวดคิ้ว ไม่มีทางเป็นได้ที่เฉียวเหลียงจะนำภาพสเก็ตช์งานออกแบบจำนวนมากออกมาจากอุทยานเอ็มไพร์ได้อย่างเปิดเผย คุณปู่จะไม่ยอมให้เขานำข้าวของของเธอออกมาแน่ ดังนั้นเป็นการดีที่สุดที่จะเก็บของเหล่านี้ไว้ในที่ที่ปลอดภัยในอุทยานเอ็มไพร์
เฉียวเหลียงเดินไปนั่งลงตรงหน้าตู้ข้างเตียง หยิบปากกาจากแขนเสื้อเขา ใช้ไขเปิดลิ้นชัก จากนั้นก็เอื้อมมือเข้าไปควานหา เขาพบปุ่มเล็กๆ ปุ่มหนึ่ง และกดลงเบาๆ ทันใดนั้นเตียงก็เคลื่อนที่ พื้นด้านล่างเปิดออกช้าๆ เฉียวเหลียงมองไปยังพื้นซึ่งเปิดออกแล้วยิ้ม ขณะถือโทรศัพท์อยู่ในมือ “คุณมีความลับเล็กๆ น้อยๆ เยอะแยะมากมายที่นี่”
ถังซีทำปากยื่นขณะตอบว่า “ฉันออกแบบให้มีกลไกพวกนี้ เพราะรู้สึกว่าสนุกดี…” จากนั้นเธอก็ถามต่อ “คุณเปิดออกแล้วหรือยัง”
เฉียวเหลียงส่งเสียงตอบจากลำคอ พร้อมกับเดินเข้าไป เมื่อเห็นตู้เซฟขนาดใหญ่ในนั้น หางตาเขาก็หรี่ลง นี่เป็นครั้งแรกที่สีหน้าแบบนี้ปรากฏบนใบหน้าเขา เขาเลิกคิ้วขณะอุทาน “ตู้เซฟหรือ”
ถังซีส่งเสียงตอบรับในลำคอ “รหัสผ่านคือ 03191121”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “03191121 หรือ”
ถังซีอธิบายว่า “ใช่ค่ะ เป็นวันตายของคุณพ่อคุณแม่และคุณย่าฉัน คนส่วนใหญ่ใช้วันเกิดตัวเอง หรือวันเกิดคนที่รักเป็นรหัสผ่าน แต่รหัสผ่านของฉันคือวันตายของคุณพ่อคุณแม่และคุณย่าฉัน ฉันคิดว่าไม่มีใครจำวันพวกนี้ได้นอกจากฉันกับคุณปู่”
อันที่จริงคุณปู่เป็นคนบอกเธอวันเหล่านี้แก่เธอ บางทีอาจเป็นเพราะเธอไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่มาก่อนเลยตั้งแต่ยังเด็ก เธอจึงจดจำได้อย่างแม่นยำ คุณปู่พาเธอไปเยี่ยมหลุมฝังศพคุณพ่อคุณแม่ในวันครบรอบการเสียชีวิตของพวกท่านทุกปี สำหรับคุณย่า… ด้วยเหตุใดไม่รู้ในวันครบรอบการเสียชีวิตของคุณย่า คุณปู่จะพาเธอไปเยี่ยมหลุมฝังศพสองแห่ง และท่านจะนั่งและพูดคุยกับหลุมศพทั้งสอง หลุมศพหนึ่งไม่มีรูปที่หน้าหลุม ขณะที่อีกหลุมมีรูปคุณย่าอยู่ คุณปู่มักจะเรียกคุณย่าว่าซูหวา แต่ชื่อจริงๆ ของคุณย่าคือถานซิง
ทุกครั้งที่คุณปู่พาเธอไปเยี่ยมหลุมฝังศพคุณย่า ท่านจะมีท่าทางแปลกๆ แต่เธอไม่อยากทำให้ท่านเศร้า จึงไม่เคยถามท่านว่าทำไม
เฉียวเหลียงกระซิบ “ผมจะจดจำวันเหล่านี้ นับจากนี้ไป”
ถังซียิ้ม “ตกลงค่ะ แล้วคราวนี้ก็เอาภาพสเก็ตช์กับแฟล็ชไดร์ฟมาใส่ไว้ในเซฟ ฉันคิดว่าเก็บไว้ในนี้จะปลอดภัยกว่า”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว นิ้วเขาลูบโทรศัพท์ไปมาเบาๆ “ทำไมคุณถึงคิดว่าภาพสเก็ตช์กับแฟล็ชไดร์ฟจะไม่ปลอดภัย ในเมื่อคุณเก็บไว้ในบ้านคุณเอง หรือจะมีใครมาเอาภาพสเก็ตช์ของคุณไปใช้”
ถังซีเลิกคิ้ว “คุณนี่ความรู้สึกไวเกินไปแล้ว ฉันแค่ขอให้คุณทำแบบนี้เผื่อว่าจะมีใครขึ้นไปข้างบน แล้วนำภาพสเก็ตช์กับแฟล็ชไดร์ฟของฉันไปทิ้ง ฉันออกแบบในช่วงเวลาต่างกัน เลยเก็บไว้ในแฟล็ชไดร์ฟคนละอัน แล้วตอนที่คุณออกมาหยิบชุดสีแดงออกมาด้วยนะคะ มีทางออกลับที่ห้องใต้ดิน คุณสามารถไปถึงประตูทางเข้าบ้านโดยทางออกนั้น มีจักรยานอยู่ในนั้นด้วย คุณขี่จักรยานออกไปได้ค่ะ”
ตราบใดที่เฉียวเหลียงแอบนำชุดนั้นออกไปโดยทางลับ คุณปู่ก็ไม่มีทางรู้