ฉินซินหยิ่งลืมตาขึ้นเห็นตัวเองอยู่ในห้องพักคนไข้ เธอกะพริบตาและยิ้มอย่างเยือกเย็น ในเมื่อเธอลงทุนสูงมากขนาดนี้ จะไม่มีใครมาหยุดยั้งไม่ให้เธอก้าวไปสู่ความสำเร็จได้
พยาบาลที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเดินเข้ามา กล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าฉินซินหยิ่งฟื้นแล้ว “คุณฉิน ฟื้นแล้วเหรอคะ”
ฉินซินหยิ่งพยักหน้าและยิ้มให้พยาบาลอย่างอ่อนโยนที่สุด แม้ยังมึนงงอยู่ “ค่ะ ฉันขอถามหน่อย ท่านประธานเซียวอยู่ไหนคะ…”
“คุณเซียวได้รับโทรศัพท์ทันทีหลังจากที่เขามาส่งคุณที่นี่ ก็เลยรีบออกไป เขายังไม่กลับมาอีกเลยค่ะ ฉันได้ยินเหมือนว่าเขาจะมีอะไรเร่งด่วนต้องไปทำน่ะค่ะ” พยาบาลอธิบายด้วยรอยยิ้ม
ฉินซินหยิ่งพยักหน้า “ฉันรู้ว่าท่านประธานเซียวไม่ว่างจริงๆ ขอบคุณค่ะ”
“ยินดีค่ะ พักผ่อนเถอะนะคะ คุณยังไม่ต้องรีบจ่ายค่ารักษาพยาบาลหรอกค่ะ” เมื่อกล่าวจบพยาบาลก็ออกจากห้องไปและดูแลปิดประตูห้องให้ฉินซินหยิ่งอย่างเรียบร้อย
ฉินซินหยิ่งจ้องมองเพดานด้วยความงุนงง อะไรนะ ค่ารักษาพยาบาลหรือ บัดซบจริงๆ เซียวจิ่ง!
…
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในระหว่างนี้ถังซีทำการฝังเข็มให้เฉียวอวี่ซินและหลินหรูทุกวัน หลินหรูลุกขึ้นนั่งทานอาหารเองได้แล้ว และยังสามารถพูดคำง่ายๆ เช่น ‘ขอบคุณ’ และ ‘ไม่เป็นไร’ ได้ด้วย ส่วนเฉียวอวี่ซินก็สามารถลุกขึ้นยืนได้โดยใช้ไม้เท้า
บริษัทของถังซีตกแต่งปรับปรุงใหม่เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถรับพนักงานอย่างเป็นทางการได้ทันทีที่กลิ่นสีจางลง
ตอนนี้ถังซีกำลังดื่มน้ำชายามบ่ายกับเฮ่อหว่านอี หญิงสาวมองถังซีซึ่งดูสวยขึ้นผิดหูผิดตา ขณะนั่งอยู่ตรงกันข้ามกัน และเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “โหรวโหรว เธอแทบไม่เคยชวนพี่ออกมาข้างนอกเลย ทำไมวันนี้ถึงชวนพี่ออกมาดื่มน้ำชากับเธอล่ะ”
ถังซียิ้ม มองดูดาราใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามและกล่าวว่า “ฮะๆ … ก็อย่างที่เขาพูดกันไงคะ คนเราไม่คิดจะเยี่ยมเยียนกันหรอก เว้นเสียแต่อยากได้อะไรบางอย่าง ฉันมีเรื่องอยากขอร้องให้พี่ช่วยค่ะ แล้วก็ต้องเป็นความช่วยเหลือจากพี่เท่านั้น พี่หว่านอี”
เฮ่อหว่านอีมองหน้าถังซีที่จู่ๆ ก็ดูจริงจังขึ้นมา และกล่าวติดตลกว่า “นี่เธออยากให้พี่ช่วยทำการบ้านที่เธอทำไม่ได้หรือเปล่า” จากนั้นเธอก็หัวเราะและกล่าวต่อไป “ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ช่วยไม่ได้หรอกนะ พี่ลืมไปหมดแล้วว่าเคยเรียนอะไรมาบ้างจากโรงเรียน เพราะฉะนั้นพี่คงช่วยเธอไม่ได้หรอก…”
ถังซีไปไม่ถูก ยกกาแฟขึ้นจิบแล้วกล่าวว่า “ฉันไม่มีการบ้านหรอกค่ะ…”
“ไม่มีการบ้านเหรอ” เฮ่อหว่านอีเบิกตาโต กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมเธอถึงไม่มีการบ้าน! พี่จำได้ว่าตอนที่พี่เรียนมัธยม พี่ต้องอยู่บ้านเพื่อทำการบ้านแม้แต่ในช่วงวันหยุดยาว! บางครั้งจนกระทั่งวันหยุดหมดไปแล้ว การบ้านก็ยังไม่เสร็จ พี่เลยไม่เคยใฝ่หาวันหยุด!”
ถังซีส่ายศีรษะแล้วยิ้ม “กลับมาที่ประเด็นก่อนค่ะ ฉันต้องการความช่วยเหลือจากพี่ค่ะ พี่หว่านอี ฉันอยากเชิญพี่มาเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของบริษัทฉัน”
“พี่น่ะเหรอ” เฮ่อหว่านอีมองถังซีด้วยความประหลาดใจ “บริษัทของเธอเหรอ”
ถังซีพยักหน้า “บริษัทเครื่องแต่งกายของฉันกำลังจะเปิดตัวค่ะ แต่ฉันต้องการดึงความสนใจจากสาธารณชนให้มากที่สุด ฉันต้องการพัฒนาให้เป็นแบรนด์ยอดนิยม ไม่ใช่มาแรงแค่ตอนเปิดตัวแล้วก็หายไป ฉันก็เลยอยากขอความช่วยเหลือจากพี่ซึ่งเป็นดาราใหญ่” ถังซีหยุด มองหน้าเฮ่อหว่านอี แล้วกล่าวต่อไป “ฉันรู้ว่าอาจดูน่าอายที่จะพูดแบบนี้ แต่พี่เป็นดาราดังคนเดียวในจำนวนเพื่อนที่ฉันมี และฉันอยากให้พี่มาเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของบริษัทฉัน”
เฮ่อหว่านอีมองหน้าถังซี และกล่าวขึ้นหลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “โหรวโหรว เธอโง่หรือเปล่า”
ถังซีตกตะลึงมองหน้าเธอ “ฮึ ทำไมล่ะคะ”
เฮ่อหว่านอียิ้มขณะกล่าวว่า “เด็กโง่ ตอนนี้เธอก็เป็นดาราใหญ่เหมือนกัน! เธอไม่เห็นข่าวบันเทิงที่เพิ่งลงในออนไลน์หรือ”
ถังซีมองเฮ่อหว่านอีด้วยความงุนงง เฮ่อหว่านอียิ้มแล้วส่ายศีรษะ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “พี่ชายพี่เพิ่งเปิดตัวโฆษณาน้ำหอมเมจิกบัตเตอร์ฟลายทางโทรทัศน์เมื่อสามวันก่อน ตอนนี้น้ำหอมรุ่นนี้ขายดีมากในประเทศจีน ยอดขายทะลุยอดแบรนด์ชั้นนำระดับโลกสามอันดับ นางแบบโฆษณาน้ำหอมรุ่นนี้ดังมาก ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมากมายในไมโครบล็อก”
ถังซีไม่เชื่อ เฮ่อหว่านอีจึงเปิดแฮชแท็กที่มีผู้คนค้นหามากที่สุดสามรายการในไมโครบล็อก ‘#นางเอกโฆษณาน้ำหอมบัตเตอร์ฟลาย’ ‘#ถังเซียวนางเอกโฆษณาน้ำหอมบัตเตอร์ฟลาย’ และ ‘#ถังเซียวภายใต้หน้ากาก’ ถังซีมองดูแฮชแท็กและกะพริบตาปริบๆ “พี่ชายพี่ไม่ได้บอกฉันว่าโฆษณาทีวีเปิดตัวแล้ว”
เฮ่อหว่านอียิ้ม “ถ้าเธอเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของบริษัทเอง พี่คิดว่าจะได้รับความสนใจมากกว่านะ”
ถังซียิ้ม “แต่ฉันไม่ชอบทำงานในแวดวงบันเทิง ฉันไม่มีความสามารถขนาดนั้นค่ะ ที่ฉันตั้งบริษัทก็เพราะงานอดิเรกของฉันคือการออกแบบ ฉันชอบมากค่ะ แต่ฉันจะรู้สึกกดดันถ้าต้องเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของบริษัทตัวเอง ฉันก็เลยอยากขอให้พี่มาช่วยฉัน แต่ถ้าพี่รู้สึกไม่อยากทำ ฉันก็ไม่บังคับค่ะ”
เฮ่อหว่านอีเหลือบมองถังซี แล้วเลิกคิ้ว “พี่จะปฏิเสธได้ยังไง ในเมื่อเธอขอความช่วยเหลือจากพี่” แล้วเธอก็ยิ้ม “แต่พี่อยากเห็นการออกแบบของเธอก่อน ถ้าออกมาน่าเกลียดเกินไป พี่คงจะสวมใส่เสื้อผ้าของเธอเดินพรมแดงไม่ได้หรอก”
ถังซีมองเฮ่อหว่านอีด้วยความประหลาดใจ เฮ่อหว่านอียิ้ม “มองอะไร” เธอถือถ้วยกาแฟและจิบเบาๆ “จะมีเทศกาลภาพยนตร์กลางเดือนพฤศจิกายน พี่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใส่ชุดไหน ให้พี่ดูภาพสเก็ตช์ของเธอก่อน ถ้าพี่คิดว่าดี พี่จะสวมชุดที่เธอออกแบบ” จากนั้นเธอก็กะพริบตาปริบๆ ให้ถังซี “พี่ใส่ให้ฟรีเลยนะ เธอไม่ต้องจ้างพี่”
ถังซีจับมือเฮ่อหว่านอีแล้วกล่าวว่า “พี่หว่านอี ขอบคุณค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะออกแบบชุดสำหรับพี่เป็นพิเศษเลย ใส่แล้วจะไม่หนาวด้วย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่มีใครที่ได้แต่งตัวสวยๆ ในเดือนพฤศจิกาแล้วจะรู้สึกอบอุ่นหรอก” เฮ่อหว่านอียิ้ม “พี่ไม่ว่าอะไร ตราบใดที่ชุดสวย อ้อ…อีกอย่างหนึ่ง นักเรียนโรงเรียนเธอจะเดินพรมแดงในชุดสำหรับงานแสดงศิลปะของโรงเรียน ในฐานะศิษย์เก่าพี่ต้องไปปรากฏตัวในงานด้วย ชุดต้องเลิศ อย่าให้พี่ผิดหวัง”
เมื่อจบคำพูดเธอก็มองดูถังซีที่อยู่ในชุดแบรนด์ ZWS และกล่าวว่า “พี่คิดว่าเธอไม่น่าจะดูเป็นสาวมั่นมีสไตล์ได้ ในเสื้อผ้าแบบนี้”
ถังซียิ้ม กะพริบตาปริบๆ อย่างเจ้าเล่ห์ “ฉันเตรียมชุดของตัวเองไว้แล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง ฉันออกแบบเอง และแน่ใจว่าฉันจะเป็นดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุดบนพรมแดงเมื่อสวมใส่ ถึงจะไม่อยากแย่งความโดดเด่นของนักเรียนคนอื่นๆ ก็ตาม”