ฉินซินหยิ่งหรี่ตาลง ลุกขึ้นมองฉินเปิ่นหยวน เธอถามด้วยประกายตาตื่นเต้น “พ่อว่าเราควรเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณปู่ถังใช่ไหมคะ” เธอหยุดนิดหนึ่งแล้วกล่าวต่อไป “แต่ตอนนี้เราไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน เราจะบอกเรื่องนี้กับท่านได้ยังไงล่ะคะ”
“เด็กโง่” ฉินเปิ่นหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข่าวนี้เพิ่งจะออกไป ตอนนี้เขาอาจยังไม่รู้ แต่เขาจะรู้แน่หลังจากกลับมาเมืองหลวง ถ้ารู้ว่าหลานสาวตัวเองยกหุ้นให้บอดีการ์ดจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาจะจัดการอะไรไม่ได้ หลังจากนั้นเอ็มไพร์กรุปก็จะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย!”
ฉินเปิ่นหยวนกล่าวด้วยเสียงหัวเราะเยาะ “ถ้าเป็นอย่างนั้นคนตระกูลถังจะไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน พวกเขาจะพยายามเต็มที่ในการผลักเอ็มไพร์กรุปให้จมดิ่งลงสู่ก้นเหว” แล้วหลังจากนั้นเขาจะสั่งสอนบทเรียนแก่หญิงสาวคนนี้! เธอกล้ารีดไถเงินจากเขาได้อย่างไร! เขาไม่มีวันยอม!
ฉินซินหยิ่งยังคงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนี้ เธอกล่าวว่า “แต่ทำไมถังซีถึงหายตัวไปในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หนูค่อนข้างกังวลว่าเธอจะซ่อนเล่ห์กลอะไรบางอย่างไว้”
ฉินเปิ่นหยวนตบไหล่ฉินซินหยิ่งเบาๆ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง เป็นเรื่องดีสำหรับลูกที่ตอนนี้ถังซีติดพันอยู่กับบอดีการ์ด ลูกกลับไปเมือง A และพยายามหาทางใกล้ชิดเฉียวเหลียงให้ได้ ตราบใดที่ลูกได้แต่งงานกับเศรษฐีคนนั้น เราก็ไม่ต้องกลัวเอ็มไพร์กรุปอีกต่อไป!”
ฉินซินหยิ่งขมวดคิ้วมองฉินเปิ่นหยวน แล้วกล่าวอย่างจริงจัง “หนูต้องการคบกับเขาไม่ใช่เพราะเงินนะคะ แต่เพราะหนูรักเขา”
“โอเค พ่อรู้” ฉินเปิ่นหยวนยิ้มขณะกล่าวว่า “ตอนนี้เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปมีอำนาจเหนือแวดวงธุรกิจทั้งหมดของเมือง A พ่ออ่านข่าวทางการเงิน เขาบอกว่าเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปซื้อบริษัทอีกหลายแห่งที่มีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จสูงในเวลาอันรวดเร็ว พ่อคิดว่าเฉียวกรุปจะแซงหน้าเอ็มไพร์กรุปในไม่ช้า แม้ว่าเฉียวกรุปจะอยู่ที่เมือง A และเอ็มไพร์กรุปอยู่ในเมืองหลวงก็ตาม แต่ธุรกิจไม่ได้ถูกจำกัดด้วยอาณาเขตทางภูมิศาสตร์ ลูกอยากเห็นใช่ไหมว่าถังซีจะผิดหวังแค่ไหน เมื่อได้เห็นลูกคบหากับเฉียวเหลียง”
ฉินซินหยิ่งค่อยๆ กำมือแน่นขึ้นๆ และขมวดคิ้วกล่าวอย่างหนักแน่น “ตอนนี้เฉียวเหลียงยังหลงทางอยู่ หนูจะทำให้เขารู้ให้ได้ว่าใครคือคนที่ห่วงใยเขาอย่างแท้จริง ใครคือคนที่สมควรยืนเคียงข้างเขา! หนูจะต้องได้แต่งงานกับเฉียวเหลียงแน่นอนค่ะ!”
รอยยิ้มบนใบหน้าฉินเปิ่นหยวนกว้างขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ แล้วจู่ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหยิบภาพวาดสองภาพออกมาจากลิ้นชัก ส่งให้ฉินซินหยิ่งและกล่าวว่า “เอานี่ พ่อได้ภาพสเก็ตช์งานออกแบบมาอีกสองชิ้น คิดว่าสไตล์คล้ายๆ กับผลงานก่อนหน้านี้ของลูก พ่อเลยซื้อมาจากนักศึกษาในราคาสูง ลองดูสิ ลูกคิดว่าจะใช้สำหรับงานแฟชั่นวีกได้ไหม”
ฉินซินหยิ่งกำลังกังวลอยู่ว่าจะจัดการกับงานแฟชั่นวีกอย่างไรดี ภาพสเก็ตช์งานออกแบบที่ฉินเปิ่นหยวนส่งให้เธอครั้งก่อนไม่น่าพอใจนักในความคิดของเธอ แต่คราวนี้เมื่อเห็นภาพสเก็ตช์งานออกแบบสองชิ้นนี้ดวงตาเธอก็เป็นประกาย เธอมองหน้าฉินเปิ่นหยวนอย่างตื่นเต้นและกล่าวอย่างมีความสุขว่า “พ่อคะ พ่อไปหางานออกแบบพวกนี้มาจากไหนคะ หนูแน่ใจว่าสองแบบนี้ต้องได้รับความนิยมในงานแฟชั่นวีก อย่างแน่นอนเลยค่ะ!”
ฉินเปิ่นหยวนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของฉินซินหยิ่ง เขาเอื้อมมือไปตบไหล่ฉินซินหยิ่งเบาๆ และกล่าวว่า “ลูกไม่ต้องกังวลอะไร ตราบใดที่ลูกได้รับการยอมรับว่าเป็นดีไซเนอร์อัจฉริยะ ลูกจะได้ทุกอย่างที่ลูกต้องการ และเฉียวเหลียงจะมองเห็นลูกไม่ช้าก็เร็ว นี่เที่ยวบินของลูกกี่โมง”
“หนูจะบินไปปารีสวันพุธ เที่ยวบินของหนูเครื่องจะขึ้นสี่ทุ่มค่ะ” ฉินซินหยิ่งกล่าว “ตอนนี้หนูต้องนำภาพสเก็ตช์ไปให้ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบก่อน หนูจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว จับตาดูถังซีไว้ให้ดีนะคะ เผื่อว่าเธอจะสร้างความเดือดร้อนให้เรา!”
ดูเหมือนถังซีจะรู้ว่าเธอมีส่วนในอุบัติเหตุทางอากาศครั้งนั้น แม้ถังซีจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เธอก็รู้ว่าถังซีกำลังรอโอกาสที่จะแก้แค้น!
“ไม่ต้องห่วง เธอทำให้เราเดือดร้อนไม่ได้หรอก!” ฉินเปิ่นหยวนยิ้มอย่างดูถูกและกล่าวว่า “เธอไม่ได้ฉลาดอย่างที่เราคิด เธอไม่ถามเรื่องผลประโยชน์ของโครงการของเราอีกเลย หลังจากพ่อให้เงินเธอไปแค่แปดสิบล้านหยวน โง่มาก พรุ่งนี้พ่อจะไปที่แผนกการเงินของเอ็มไพร์กรุป ให้พวกเขาเซ็นสัญญากับเรา หลังจากเซ็นสัญญาแล้ว ถังซีจะทำอะไรไม่ได้อีกเลย” เมื่อเห็นฉินซินหยิ่งมองเขาด้วยสายตาไม่แน่ใจ ฉินเปิ่นหยวนก็กล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “เชื่อมั่นในตัวพ่อสิ พ่อมี ‘เพื่อนเก่า’ อยู่ในเอ็มไพร์กรุป เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้พ่อไม่สะดวกที่จะใช้ความสัมพันธ์นี้”
ตอนนี้ถังซียอมรับบริษัทของเขาแล้ว พวกเขาใช้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่ได้แล้ว! ถ้าคนในเอ็มไพร์กรุปรู้ว่าถังซีรับสินบน…
กรรมการบริษัทจะไม่ยอมปล่อยเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม!
ฉินเปิ่นหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ ไม่ว่าถังซีจะฉลาดแค่ไหน เธอก็เป็นแค่เด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเมื่อเผชิญหน้ากับเขา เธอเทียบเขาไม่ติดเลย!
…
ถังซีกับเฉียวเหลียงไม่ได้อยู่ด้วยกันในตอนนี้ เฉียวเหลียงไปร่วมงานเลี้ยงของภาครัฐ ที่ต้องใช้ตัวตนของเฉียวเหลียง และเธอก็ต้องทำแบบเดียวกันด้วยตัวตนของประธานกรรมการเอ็มไพร์กรุป อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าทั้งสองเลิกรากันแล้ว ดังนั้นทั้งสองจึงไปที่ศาลาประชาคมโดยรถคันเดียวกันไม่ได้
ถังซีนั่งอยู่ในรถ กดโทรศัพท์โทรออก ปลายสายอีกด้านหนึ่งรับสายในไม่ช้า ถังซีกล่าวว่า “ในห้องทำงานฉันมีใบรับรองการเป็นเจ้าของสินทรัพย์สามใบ ขายสินทรัพย์ทั้งสามชิ้น นำเงินเข้าบัญชีบริษัท ลงบันทึกว่าเป็นเงินปันผลจากฉินกรุป แล้วค้นข้อมูลหาว่าฉินกรุปได้ผลกำไรจากโครงการที่เราลงทุนไปทั้งหมดเท่าไร ส่งรายละเอียดไปยังฉินกรุปเช้าวันพรุ่งนี้ จากนั้นแจ้งให้ผู้บริหารของเราไปที่ฉินกรุป เรียกร้องให้พวกเขาจ่ายเงินปันผลให้เรา เพราะเรายังไม่ได้รับตามจำนวน หากพวกเขาปฏิเสธ เราจะฟ้องฉินกรุปข้อหายักยอก”
ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งถามถังซีว่าทำไมเธอถึงต้องการทำเช่นนี้ ถังซีมองหน้าผู้ช่วยและกล่าวอย่างเยือกเย็น “ฉันว่าฉันเพิ่งบอกเหตุผลกับคุณไปนะ หวังว่าคุณจะแสดงให้ฉันเห็นประสิทธิภาพการทำงานของคุณก่อนที่ฉันจะกลับมาในวันศุกร์หน้า และหวังว่าฝ่ายกฎหมายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”
เมื่อรถมาถึงศาลาประชาคมถังซีก็ลงจากรถ และเข้าไปภายในโดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำไป งานเลี้ยงของรัฐบาลจัดขึ้นเพื่อต้อนรับประธานาธิบดีของประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่ง ถังซีคิดว่าเธออาจได้พบผู้มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศนั้น แต่เธอต้องประหลาดใจที่พบแต่ดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงเท่านั้น เธอเลิกคิ้วมองหาที่นั่งของเธอ แล้วหันไปรอบๆ ห้องโถง มองหาเฉียวเหลียง
ในเวลาเดียวกันเฉียวเหลียงก็เดินเข้ามาในศาลาประชาคม และฝูงชนก็ตกอยู่ในความโกลาหลทันที แม้แต่ดวงตาของประธานาธิบดีแห่งประเทศนั้นก็เป็นประกายขึ้น เฉียวเหลียงกำลังจะเดินเข้าไปหาถังซี ทว่ามีใครคนหนึ่งเรียกเขา เฉียวเหลียงจึงหันกลับไปมองและเลิกคิ้ว ก่อนเอ่ยออกมา “คุณเซียว”