ทางปลายสายอีกด้านเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้นขอถามหน่อยว่าคุณเป็นใคร”
ฉินซินหยิ่งเม้มริมฝีปาก แล้วกล่าวว่า “ฉันเป็นเพื่อนร่วมห้องของเธอ เธอออกไปข้างนอก และลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วย คุณเป็นใคร ฉันจะบอกให้เธอโทรกลับไปหาคุณ เมื่อเธอกลับมา”
“เราโทรจากสถานทูตจีนในฝรั่งเศส เรามีบางอย่างที่ต้องตรวจสอบเธอ โปรดบอกให้เธอมาที่สถานทูตหลังจากเธอกลับมา ไม่อย่างนั้นเราจะขอให้ตำรวจฝรั่งเศสไปจับกุมเธอ”
ฉินซินหยิ่งใจหายวาบเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอวางสายและรีบโทรออก เป็นเวลานานพอสมควรกว่าอีกฝ่ายจะรับสาย ฉินซินหยิ่งกล่าวเสียงสั่น “ท่านปู่คะ หนูคิดว่าหนูกำลังมีปัญหาค่ะ”
ฉินซินหยิ่งไม่เคยขอความช่วยเหลือจากปู่ของเธอ เว้นแต่เมื่อจำเป็นจริงๆ ตอนนี้สถานทูตโทรหาเธอ ถ้าเธอไม่ไปที่สถานทูตเธอต้องลำบากแน่ๆ
เสียงผู้สูงวัยดังขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกับแก”
ฉินซินหยิ่งเล่าเรื่องที่เธอทำทั้งหมดให้เขาฟัง ชายชรานิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ฉันบอกแกแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับคนตระกูลถัง แต่แกไม่ฟังฉัน ก็เหมือนกับพ่อสารเลวของแก! เราต้องไม่ทำอะไรที่เป็นการยั่วยุตระกูลถัง แต่แกพยายามฆ่าถังซีครั้งแล้วครั้งเล่า! แกมันโง่พอๆ กับความอวดดีของแกนั่นแหละ…!”
“คุณปู่คะ หนูรู้แล้วว่าหนูผิด หนูรู้แล้วว่าหนูผิด คุณปู่ต้องช่วยหนูนะคะ หนูสัญญาว่าหนูจะทำตัวดี จะไม่ทำให้คุณปู่เดือดร้อน ได้โปรดช่วยหนูด้วยนะคะ!” เมื่อจบคำพูดดวงตาเธอก็เปล่งประกายเยือกเย็น ถังซี ฉันจะไม่มีวันปล่อยแก! ทำไมปู่ฉันต้องเข้าข้างแกด้วย! ไม่ยุติธรรมเลย!
“เอาละๆ แกไปที่สถานทูตก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะโทรไปหาพวกเขา แต่แกต้องสัญญากับฉันก่อน ว่าจะไม่ยุ่งกับตระกูลถังอีก”
“หนูรู้แล้วคะ คุณปู่” ฉินซินหยิ่งวางสาย เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปที่สถานทูต
เธอเชื่อว่าตราบใดที่คุณปู่ยอมช่วยเธอ เขาจะพาเธอกลับออกมาได้ ถึงแม้เธอจะก้าวเข้าไปในสถานทูตแล้วก็ตาม!
อย่างไรก็ตามท่ามกลางความตกใจของฉินซินหยิ่ง สวีฟังได้บันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ของพวกเธอไว้ นั่นเป็นสาเหตุให้สถานทูตเรียกตัวเธอมาที่นี่ เมื่อเห็นหน้าสวีฟังซึ่งถูกคุมขังอยู่ในห้องและดูซีดเซียว ฉินซินหยิ่งก็อยากเข้าไปตบหล่อนแรงๆ สักฉาด หล่อนหักหลังเธออย่างนี้ได้อย่างไร!
ฉินซินหยิ่งจ้องสวีฟังเขม็งราวกับจะฉีกหล่อนออกเป็นชิ้นๆ ทันใดนั้นจู่ๆ สวีฟังก็เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นฉินซินหยิ่งดวงตาหล่อนก็สดใสขึ้นมา หล่อนผุดลุกขึ้นและกรีดร้องบอกกับฉินซินหยิ่ง “คุณ! พาฉันออกไป! พาฉันออกไปจากที่นี่ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคุณ! ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันก็คงไม่ตกเป็นเป้าหมายของพวกมันหรอก ทั้งหมดเป็นความผิดของคุณ รีบพาฉันออกไป ไม่อย่างนั้นฉันจะปล่อยคลิปเสียงที่เราคุยโทรศัพท์กัน ถึงฉันจะทำโทรศัพท์หาย แต่ฉันก็มีข้อมูลสำรองเก็บไว้ ถ้าคุณไม่พาฉันออกไปจากที่นี่ ฉันจะปล่อยคลิปเสียง! คุณคิดว่าเอ็มไพร์กรุปจะปล่อยคุณเหรอ!”
ฉินซินหยิ่งจ้องมองสวีฟังซึ่งดูท่าทางบ้าคลั่ง ดวงตาเธอมีประกายเย็นชา เธอตะคอกขณะมองสวีฟังอย่างเหยียดหยาม และยิ้มเยือกเย็น “แกคิดว่าตำรวจจะเชื่อในสิ่งที่คนติดยาพูดเหรอ พวกเขาต้องคิดว่าแกไม่มีสติ! พวกเขาจะไม่เชื่อแก!”
“แล้วแกล่ะ แกก็จะถูกผู้คนประณามทันทีที่ออกไปจากที่นี่ ชีวิตแกพังพินาศแล้ว แกคิดว่าแกจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข หลังจากออกไปจากที่นี่เหรอ”
“ถ้าอย่างนั้นแกก็ติดคุกไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน!”
ดวงตาฉินซินหยิ่งเต็มไปด้วยความรังเกียจและเหยียดหยัน ขณะมองสวีฟังเธอกล่าวอย่างเย็นชาว่า “สวีฟัง ฉันจะไม่มีทางร่วมมือกับแก ถ้าฉันรู้ว่าแกเป็นคนงี่เง่าบัดซบอย่างนี้”
ฉินซินหยิ่งกล่าว พร้อมกับหันหลังเดินออกไปจากห้อง ไปยังห้องทำงานอีกห้องหนึ่ง
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดฉินซินหยิ่งก็ได้เดินออกจากห้องนั้น ตอนที่เดินออกมาเธอดูเหนื่อยอ่อนเล็กน้อย เธอหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยิ้มออกมา ทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และต่อสายโทรศัพท์ เมื่ออีกฝ่ายรับสายเธอก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณค่ะ คุณปู่ ปัญหาของหนูเรียบร้อยแล้วค่ะ”
คุณปู่ฉินคำรามฮึดฮัดเป็นการตอบรับแล้ววางสาย
ฉินซินหยิ่งจ้องมองโทรศัพท์ เลิกคิ้ว และหัวเราะเยาะ เธอนั่งแท็กซี่กลับไปที่พัก ทันใดนั้นโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น เธอมองดูชื่อผู้โทรแล้วรับสาย “ผู้อำนวยการ มีอะไรหรือคะ”
“คุณฉิน กรุณามาที่เวทีการแสดงของบริษัทเรา” น้ำเสียงวิเวียนฟังดูโมโหเล็กน้อย
ฉินซินหยิ่งขมวดคิ้ว รู้สึกมีลางสังหรณ์ เธอเม้มริมฝีปากแล้วถามว่า “ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าคะ”
“มาที่นี่ ฉันจะบอกคุณว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อคุณมาถึงที่นี่แล้ว” วิเวียนกล่าวแล้ววางสาย
วิเวียนหันไปหาเฉียวเหลียงซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เธอก้มศีรษะลง และเอาแต่กล่าวขอโทษ “ท่านประธานคะ ขอโทษค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง ถ้าคุณไม่ทราบเรื่องนี้ทันเวลาชื่อเสียงบริษัทเราอาจพังพินาศ ฉันจะแถลงข่าว และยื่นฟ้องฉินซินหยิ่ง ฉันสัญญาว่าบริษัทเราจะไม่ได้รับความสูญเสียใดๆ ค่ะ”
เฉียวเหลียงพยักหน้า มองวิเวียนและขมวดคิ้วถามว่า “เรามีเสื้อผ้าพอสำหรับงานแฟชั่นโชว์หรือเปล่า”
“ไม่พอค่ะ เราอาจต้องขอยกเลิกการแสดงแฟชั่นโชว์ล่วงหน้า” วิเวียนกล่าวด้วยความผิดหวัง นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับพวกเขา แต่ตอนนี้โอกาสนั้นได้สูญเสียไปแล้ว เพราะคนโกหกฉินซินหยิ่ง!
เฉียวเหลียงพยักหน้ากล่าวว่า “ผมมอบให้เป็นหน้าที่คุณ” จากนั้นเขาก็ส่งเครื่องบันทึกเสียงให้วิเวียน โดยกล่าวว่า “ถ้าเธอปฏิเสธ ไม่ยอมรับสิ่งที่เธอกระทำ ก็เปิดเสียงที่บันทึกนี้ให้เธอฟัง ยังไงก็ตาม… ผมไม่อยากเห็นเธอปรากฏตัวในวงการแฟชั่นอีกต่อไป คุณเข้าใจใช่ไหม ว่าผมหมายความว่าอย่างไร”
วิเวียนชะงัก แล้วพยักหน้า “ฉันเข้าใจค่ะ”
นั่นหมายความว่าท่านประธานต้องการให้ฉินซินหยิ่งหายไปจากวงการแฟชั่น! นั่นคือวิธีการของท่านประธาน ผู้ไม่เคยยอมให้ใครหักหลังเขา!
วิเวียนมองไปยังหญิงสาวที่สวมหน้ากาก ยืนอยู่ข้างหลังเฉียวเหลียง…