เฮ่อหว่านอีก็มาที่ห้องหนึ่งห้าศูนย์แปดด้วยเช่นกัน ทันทีที่เธอเดินเข้ามาในห้อง ถังซีก็เข้ามาจับแขนเธอไว้ จ้องหน้าเธอด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “พี่หว่านอีคะ ทำไมพี่ถึงอยู่ต่อที่สถานที่จัดโชว์ตามลำพัง พี่อยู่รอฉู่หลิงเหรอคะ”
เฮ่อหวานอีมองหน้าถังซีอย่างประหลาดใจ ถามว่า “เธอรู้ได้ยังไงว่าพี่อยู่ต่อตามลำพัง”
ถังซีหัวเราะอยู่ในลำคอ หยิบโทรศัพท์ออกมาให้เธอดูประเด็นที่มีคนค้นหามากที่สุด “มีคนถ่ายรูปพี่กอดผู้ชายคนหนึ่ง! ถึงจะไม่เห็นหน้าผู้ชายคนนั้น ฉันก็รู้แน่นอนว่าเขาคือใคร” ถังซีกล่าวพร้อมกับหลิ่วตาให้เฮ่อหว่านอี ดวงตาเธอเป็นประกายเจ้าเล่ห์ “พี่หว่านอี พี่เริ่มคบกับฉู่หลิงตั้งแต่เมื่อไรคะ”
เธอไม่เคยรู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าทั้งสองคนรู้จักกัน ทำไมพี่หว่านอีถึงอยู่ต่อจนดึกเพียงเพื่อรอฉู่หลิง และทำไมฉู่หลิงถึงกอดเธอ
เฮ่อหว่านอีคิดไม่ถึงว่าจะเผลอให้มีคนจับได้! พระเจ้า แล้วนี่เธอจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร!
ขณะเดียวกันนั้นเองฉู่หลิงก็เดินเข้ามา เฮ่อหว่านอีขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยถามว่าเขามาทำอะไรที่นี่ แต่ถังซีชิงกล่าวขึ้นก่อนว่า “นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองให้เดอะควีน ฉันเลยโทรเรียกเขามาด้วย อีกสักครู่ลู่หลีกับพี่เหวินนิ่งก็คงมาถึงเหมือนกันค่ะ” แล้วเธอจึงถามเฮ่อหว่านอีว่า “พี่หว่านอี พี่ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยว่าพวกพี่รู้จักกันได้ยังไง!”
เฮ่อหว่านอียิ้มให้เธออย่างอ่อนใจ “เธอรู้ตัวไหมว่าตอนนี้เธอดูเหมือนนักข่าวซุบซิบไม่มีผิด กิริยามารยาทภาคภูมิสูงศักดิ์หายไปไหนหมด พี่อยากเห็นคุณเซียวโหรวผู้สง่างามและสูงส่ง อยากเห็นราชินีที่อยู่บนเวทีมากกว่านะ!”
“โอ ตอนนี้พวกเขาไม่สะดวกมาพบพี่เลยค่ะ มีแต่นักข่าวซุบซิบเซียว” ถังซีหัวเราะในลำคอ แล้วกวักมือเรียกหลี่มั่นเหยียนให้มาร่วมวง สามสาวพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ปล่อยให้พวกผู้ชายคุยกันไปเอง
หลี่มั่นเหยียนคอยมองโทรศัพท์มือถือของเธออยู่เป็นระยะอย่างใจไม่อยู่กับตัว ถังซีเลิกคิ้วขึ้นมองเธอ “จิ้นหันจะมาถึงเมื่อไรเหรอ”
หลี่มั่นเหยียนเก็บโทรศัพท์ “เขาบอกว่าอีกไม่นานก็จะถึงแล้วค่ะ” แล้วเธอก็หันไปมองเฮ่อหว่านอี ยกแก้วไวน์ขึ้น กล่าวอย่างระมัดระวังว่า “คุณหว่านอีคะ ฉันเป็นแฟนตัวยงของคุณ ขอให้ฉันได้ดื่มอวยพรให้คุณได้ไหมคะ”
ถังซียิ้ม ขยับแขนกระทบเฮ่อหว่านอีเบาๆ “ว๊าว พี่หว่านอี พี่นี่สุดยอดไปเลย ขนาดมั่นเหยียนยังเป็นแฟนพี่เลยค่ะ”
เฮ่อหว่านอีหัวเราะ ชนแก้วกับหลี่มั่นเหยียน “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
เมื่อได้สนทนากับคนที่ชื่นชอบ หลี่มั่นเหยียนก็แก้มแดงเรื่อด้วยความตื่นเต้น ถังซีอดยิ้มไม่ได้ บางทีเธออาจสงบนิ่งเกินไปสักนิดตอนที่ได้พบกับเฮ่อหว่านอีครั้งแรก…
คงเป็นเพราะเธอไม่ได้เป็นสมาชิกแฟนคลับของเฮ่อหว่านอีนั่นเอง
เมื่อมีหลี่มั่นเหยียนอยู่ตรงนี้ด้วย ถังซีจึงเลิกเซ้าซี้ถามเฮ่อหว่านอีถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับฉู่หลิง เธอไม่ควรให้ใครล่วงรู้เรื่องส่วนตัวของเฮ่อหว่านอี…
พวกเธอร่วมวงสนทนากันอย่างสบายๆ ถังซีขอให้เฮ่อหว่านอีร้องเพลงคาราโอเกะ นอกจากจะเป็นนักแสดงแล้ว เฮ่อหว่านอียังร้องเพลงได้ไพเราะอีกด้วย เธอมักจะได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เธอแสดงอยู่บ่อยๆ เมื่อโดนถังซีขอให้ร้องเพลงสักหนึ่งเพลง เธอจึงตอบตกลงในทันทีและเลือกร้องเพลงในแนวคลาสสิก
น้ำเสียงเธอนุ่มนวลสดใส เพลงที่เลือกก็เหมาะสมกับเธอเป็นอย่างดี ในทันทีที่เธอเริ่มร้องเพลงทุกคนจึงหยุดพูดคุยกัน หันมาตั้งใจฟังเธอร้องเพลง
ถังซีต้องยอมรับว่าเฮ่อหว่านอีเป็นนักแสดงที่มีความสามารถรอบด้านอย่างแท้จริง
คนอื่นๆ พากันวางแก้วลง และตั้งใจฟังเธออย่างเต็มที่ ฉู่หลิงเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อมองดูเฮ่อหว่านอีนั่งร้องเพลงอยู่บนเก้าอี้ตัวสูง เขาเผลอยิ้มออกมา แต่แล้วหนิงเหยี่ยนก็กล่าวขึ้นว่า “นี่เธอกำลังคิดถึงผู้ชายคนไหนอยู่หรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้ยินเธอร้องเพลงนี้มานานมากแล้ว” เฮ่อหว่านโจวเลิกคิ้ว มองดูน้องสาว “เธอร้องได้ไพเราะมาก ถึงจะร้องได้ไม่ดีเท่ากับนักร้องต้นฉบับ แต่การแสดงออกของเธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึก น้องสาวฉันนี่มีพรสวรรค์จริงๆ”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้วขึ้น รินไวน์ให้ตนเองหนึ่งแก้ว แล้วหันไปมองถังซีซึ่งกำลังจิบไวน์อยู่ เขาเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างเธอ ถังซีมองเขาพลางยิ้มหวานให้ “พี่หว่านอีร้องเพลงเพราะจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงนี้ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังนั่งดูหนังรักโรแมนติกอยู่เลยล่ะ”
เฉียวเหลียงคว้าแก้วไวน์จากมือเธอมาดื่มเองจนหมด แล้วส่งขวดน้ำผลไม้ให้ “ดื่มนี่”
ถังซีอึ้ง “…” เธอมองขวดน้ำผลไม้ แล้วกล่าวขึ้นอย่างไม่ค่อยถูกใจนัก “แต่นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองของเดอะควีนนะ”
“ฮื่อ” เฉียวเหลียงมองหน้าเธอ “แล้วไง”
หางตาของเธอหรี่ลง แล้วเธอจึงรีบส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไร ฉันหมายความว่าฉันดื่มน้ำผลไม้ก็ได้”
เฉียวเหลียงยิ้ม แล้วขยี้ผมเธอเบาๆ “เด็กดี”
ถังซียิ้มมุมปาก แต่เฉียวเหลียงเพียงชำเลืองมองเธอนิ่งๆ และไม่ลุกจากไปไหน เฮ่อหว่านโจวเห็นภาพนี้จึงตะโกนมาว่า “เฮ้ เฉียวเหลียง ผู้ชายควรใส่ใจดูแลคนรักน่ะถูกต้องแล้ว แต่นายดูแลแฟนราวกับเป็นลูกสาว! ทั้งที่เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว นายไปบังคับให้เธอดื่มน้ำผลไม้ได้ยังไง”
เซียวจิ่งรู้ดีว่าน้องสาวไม่ควรดื่มไวน์ จึงรีบพูดขึ้นว่า “พูดอะไรไร้สาระ น้องสาวฉันยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายอยู่เลยนะ!”
ถังซีอึ้ง “…” ทำไมถึงไม่อยู่เงียบๆ นะ พี่จิ่ง
เฉียวเหลียงเหลือบตามองเฮ่อหว่านโจวอย่างไม่ถือสา เขาเลิกคิ้วขึ้น “คุณไม่เข้าใจหรอก”
“อะไร ผมไม่เข้าใจเรื่องอะไร คุณหมายความว่ายังไง!” เฮ่อหว่านโจวลุกเดินมาหาเฉียวเหลียงทันที นั่งลงข้างๆ เขา “อธิบายมาสิ!”
“คุณไม่เข้าใจ เพราะคุณไม่อยู่ในสถานะที่จะเข้าใจได้” เฉียวเหลียงชำเลืองมองเขา สีหน้าไม่แสดงความรู้สึก ขณะส่งแอปเปิลปอกเปลือกชิ้นหนึ่งให้ถังซี
ถังซีรับแอปเปิลไปกัดคำหนึ่ง แล้วมองเฉียวเหลียงด้วยสายตามีคำถาม เฮ่อหว่านโจวเองก็ทำหน้านิ่ว ถามเฉียวเหลียงว่า “คุณหมายความว่ายังไง”
“ผมหมายความว่า คุณยังไม่เคยมีแฟนแม้แต่คนเดียว” เฉียวเหลียงมองหน้าเฮ่อหว่านโจวด้วยสายตาสมเพช
เฮ่อหว่านโจวมีสีหน้าถมึงทึง ถังซีมองดูเฉียวเหลียงแล้วหัวเราะ “ฉันไม่เคยรู้เลยว่าคุณก็กัดเจ็บแบบนี้ได้ด้วย!”
เฮ่อหว่านโจวตาคว่ำจ้องหน้าเขาเขม็ง “คอยดูไปก็แล้วกัน!”
เขาเคยมีคนรัก เคยมีตั้งหลายคน!
เฉียวเหลียงยักไหล่ ชูแก้วไวน์เป็นเชิงว่าขอดื่มให้เฮ่อหว่านโจว ก่อนจะยกขึ้นจิบ หนิงเหยี่ยนมองหน้าเฮ่อหว่านโจว แล้วอดกล่าวขึ้นไม่ได้ว่า “ใจเย็น พี่ชาย มานั่งกับพวกเราดีกว่า หนุ่มโสดเหมือนกัน อย่าเปิดโอกาสให้เขาพูดจาทำร้ายจิตใจได้อีก”