หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1019

ตอนที่ 1019

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1019 แก่นเพลิงหงส์ฟ้า
มู่เฉินและมั่วหลิงพุ่งสายตาไปรวมกันที่ก้อนหินสีดำที่ดูเหมือนไข่

เขาเหลือบมองหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างอย่างประหลาดใจ เห็นชัดเขาไม่คิดว่าพวกเขาจะเล็งวัตถุชิ้นนี้พร้อมกัน

หินสีดำที่มีรอยเผาไหม้ดูเป็นสิ่งที่ธรรมดามาก แต่ด้วยประสาทสัมผัสพิเศษ มู่เฉินรู้สึกถึงความผันผวนของความร้อนที่รุนแรงผิดปกติในหินสีดำ

มั่วหลิงเบิกตากว้างด้วยประกายแวววาว จากนั้นก็คว้าแขนเสื้อมู่เฉิน ใช้เสียงที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน “พี่ใหญ่มู่เฉิน มีแก่นเพลิงหงส์ฟ้าในหินสีดำ!”

“แก่นเพลิงหงส์ฟ้า?” หัวใจของมู่เฉินสั่นระรัว ที่เรียกว่าเพลิงหงส์ฟ้าก็คือเปลวไฟเอกลักษณ์ของเผ่าหงส์ฟ้าซึ่งเป็นสิ่งครอบงำมาก แก่นเพลิงหงส์ฟ้าชำระมาจากหงส์ฟ้าเพลิง ถือได้ว่าเป็นสมบัติดี เป็นประโยชน์อย่างมากต่อจอมยุทธ์ที่ฝึกคลื่นหลิงคุณสมบัติเปลวไฟ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือความจริงที่ตัวเขาทำได้เพียงรู้สึกถึงความผันผวนแปลกประหลาดในหินสีดำเบาบางทว่ามั่วหลิงกลับสามารถระบุวัตถุที่ผนึกไว้ภายในได้แน่นอน

“เจ้ารู้ได้ยังไง?” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงถามออกไป

มั่วหลิงกะพริบตากลมโตหัวเราะเสียงพลิ้ว “นั่นเป็นเพราะข้ามีความสามรถพิเศษในการรับรู้โดยกำเนิดที่น่าตกใจ ไม่ว่าจะเป็นผนึกแบบใด ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจพบของข้าไปได้”

หัวใจของมู่เฉินสั่นไหว ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะมีพรสวรรค์โดยกำเนิดแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมนางถึงระบุสมบัติที่ผนึกไว้ในหินสีดำได้

ในแง่ของราคา แก่นเพลิงหงส์ฟ้าชิ้นหนึ่งสูงกว่าของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดเสียอีก ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกคลื่นหลิงเพลิง

มู่เฉินมองมั่วหลิงที่ดวงตาเปล่งประกายวิบวับ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจพลางพูดว่า “เจ้าอยากได้เหรอ?”

มั่วหลิงเหมือนจะมาจากเผ่าหงส์ฟ้า ดังนั้นจึงครอบครองเพลิงหงส์ฟ้าด้วย หากนางได้ดูดซับแก่นเพลิงหงส์ฟ้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนางมากขนาดไหน

มั่วหลิงพยักหน้าหงึกหงัก แต่ก็พูดด้วยความเขินอาย “แต่ข้าไม่มีของเหลวจื้อจุนจำนวนมากอยู่กับตัว… นอกจากนี้แม้ว่าเราจะรู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำลายผนึกได้หรือไม่”

ผลสำเร็จสามส่วนต่ำเกินไป หากพวกเขาล้มเหลวก็จะทำให้เงินกลายเป็นอากาศธาตุ

“ไม่ว่ายังไงก็ต้องลองเสี่ยงนะ”

มู่เฉินยิ้ม ตั้งแต่เขาเข้ามาในดินแดนเสินโซ่ก็ได้รับผลประโยชน์มากมาย มั่วเฟิงโชคดีกว่าเนื่องจากได้เข้าสู่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณ ขณะที่จิ่วโยวและมั่วหลิงรออยู่ข้างนอกเป็นวัน

เขากับจิ่วโยวไม่จำเป็นต้องเกรงใจในเรื่องผลประโยชน์แบบนี้มากนัก แต่สำหรับมั่วหลิงแล้วก็รู้สึกว่าตนเองเป็นหนี้บุญคุณนาง ในเมื่อนางพบบางอย่างที่ต้องการ มู่เฉินก็เต็มใจที่จะใช้จ่ายของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดให้

พูดจบมู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเอื้อมมือดูดลูกผลึกแสงที่มีหินสีดำก็หล่นลงในมือ เวลาเดียวกันเขาก็สะบัดแขนเสื้อส่งขวดหยกบินไปหาชายร่างผอมบางใต้ต้นไม้หิน

อีกฝ่ายรับไว้ หลังจากตรวจสอบจำนวนของเหลวจื้อจุนเสร็จเขาก็สะบัดนิ้วตัดเส้นใยคลื่นหลิงที่เชื่อมติดอยู่กับลูกผลึกแสงออก

บนพื้นผิวของหินสีดำหยาบกระด้างมีรอยไหม้อยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีอักขระโบราณปกคลุม ซึ่งเกิดจากผนึก ทำให้ดูลึกซึ้งอย่างยิ่ง

มู่เฉินจับหินสีดำหลับตาลงอย่างช้าๆ คลื่นหลิงสอดแทรกเข้าไปในหินสีดำเพื่อตรวจสอบผนึกโบราณ ผ่านไปพักใหญ่กว่าเขาจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว

ผนึกนี้ประหลาดมาก หากใช้กำลังทำลายก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก่อนที่ผนึกจะถูกทำลายมีความเป็นไปได้สูงที่จะจุดชนวนทำลายตัวเองเพื่อล้างผลาญวัตถุที่อยู่ภายใน

ดังนั้นเขาจะต้องใช้วิธีพิเศษถ้าต้องการที่จะทำลายผนึกโดยไม่ไปสะกิดของภายใน

“วัสดุที่ใช้ผนึกดูเหมือนจะค่อนข้างพิเศษ”

หลังจากตรวจสอบอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็รู้ถึงจุดสำคัญของอักขระบนพื้นผิวของหินสีดำ อักขระเหล่านี้มีสีแดงเข้มและบรรจุด้วยแรงกดดันเป็นพิเศษ

“ผนึกนี้เกิดขึ้นจากเลือดของมหาเทพอสูร… มิน่าล่ะถึงยังคงอยู่แม้จะผ่านไปนับหมื่นปี”

มู่เฉินสังเกตจนถี่ถ้วน สุดท้ายก็ตระหนักได้ว่าแรงกดดันนี้เป็นสิ่งที่มีเพียงมหาเทพอสูรเท่านั้นที่มีได้ แม้ว่าจะอ่อนกำลังลงไปหลายเท่าแล้ว แต่เนื่องจากในร่างเขามีจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง เขาจึงยังคุ้นเคยกับกลิ่นอายของมหาเทพอสูรนี้อยู่

“พี่ใหญ่มู่เฉินเป็นยังไงบ้าง? ทำลายผนึกได้ไหม?”

มั่วหลิงอดไม่ได้ต้องถามเขาอย่างสงสัย ที่ด้านข้างผู้คนจำนวนมากก็มองมาที่มู่เฉิน ชัดว่าต่างต้องการเห็นจะๆ ว่าคนที่ทุ่มทุนซื้อสิ่งนี้ด้วยของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดจะได้อะไรออกมา

มากจนแม้แต่ชายร่างผอมบางก็หันมามองด้วย ที่จริงเขาพอจะสามารถสัมผัสได้คลุมเครือว่าวัตถุที่ขายไปไม่ใช่ของธรรมดา ครั้งหนึ่งเขาเคยทำใจแข็งที่จะเปิดพวกมันทั้งหมดโดยลองเสี่ยงกับโชคชะตาของตนเองดู หากเขาได้พบกับสมบัติที่แท้จริงก็จะคุ้มค่า ทว่าเขาไม่คิดว่าตนเองจะไม่มีดวงขนาดนั้น ผนึกที่เขาเปิดเองทั้งหมดล้วนล้มเหลว

ดังนั้นรอยแผลจึงถูกทิ้งไว้ในหัวใจหลังจากความล้มเหลว ตัวเขาไม่กล้าที่จะเปิดเองอีกต่อไป เขากลัวว่าจะโชคร้ายจนล้มเหลวทุกครั้ง หากเป็นเช่นนั้นความพยายามทั้งหมดก็จะไร้ผล เขาจึงเลือกวิธีขายพวกมันผ่านการเสี่ยงโชค นั่นเพราะเขายังสามารถหารายได้เป็นของเหลวจื้อจุนกลับเข้ามาในกระเป๋าได้บ้าง

ภายใต้สายตาของทุกคน มู่เฉินยังคงนิ่งเงียบอยู่นานก่อนที่จะพูดช้าๆ “ลองดูได้”

หลังจากค่อยๆ ทำความเข้าใจโครงสร้างวัสดุที่ใช้ในการผนึก เขาก็มีวิธีการบางอย่างที่สามารถลองดูได้ แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจเต็มร้อยเกี่ยวกับโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังดีกว่าการทำลายด้วยความป่าเถื่อน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป นิ้วจับหินสีดำสั่นไหวเบาๆ ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็รวมกันก่อร่างเป็นสัญลักษณ์หลิงยิ่งรวมตัวเข้าในอากาศ

เมื่อสัญลักษณ์หลิงยิ่งรวมเข้าในอากาศ ค่ายกลก็ถักทอขึ้นที่กลางฝ่ามือของมู่เฉิน โดยมีหินสีดำตั้งอยู่ในใจกลาง

ค่ายกลนี้ไม่ใช่ค่ายกลน่ากลัวอะไร มากจนถึงจุดที่ไม่มีความสามารถในการโจมตีเลย ทว่ากลับมีความสามารถในการเปลี่ยนแปรช่วยให้มู่เฉินเทคลื่นหลิงลงไปในผนึกโดยที่ไม่ต้องสัมผัส เขาคิดจะทำลายผนึกจากด้านใน

ทว่าถึงค่ายกลจะดูเรียบง่าย แต่ก็ต้องมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์นี้ โชคดีที่มู่เฉินเป็นหลิงเจิ้นต้าซือแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างค่ายกลนี้ได้ตามที่ต้องการ

ลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบนแขนเต้นเบาๆ จากนั้นแสงสีม่วงทองก็พุ่งออกมา เข้าไปในหินสีดำผ่านทางค่ายกล

ผนึกโบราณนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยเลือดมหาเทพอสูร วิธีการทั่วไปไม่สามารถทำลายได้โดยไม่ไปสะกิดสิ่งที่อยู่ภายในให้เสียหาย สิ่งเดียวที่ทำลายมันได้ก็คือพลังมหาเทพอสูรตัวอื่น

เช่น พลังมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่สถิตในแขนของมู่เฉิน

มีเพียงพลังในระดับเดียวกันเท่านั้นที่สามารถทำลายผนึกได้อย่างสมบูรณ์

แสงสีม่วงทองค่อยๆ รวมเข้ากับหินสีดำสัมผัสอักขระ ก่อนที่แสงสีม่วงทองจะเริ่มกัดกร่อนผนึกอย่างเงียบๆ

การกัดกร่อนนี้ละเอียดมาก เนื่องจากมู่เฉินไม่กล้าประมาท เขากลัวว่าของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดจะสลายเป็นอากาศธาตุหากเขาประมาท

ผู้คนโดยรอบไม่สามารถเข้าใจการกระทำของเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดไปว่ามู่เฉินกำลังฉงนสนเท่ห์ขณะจับก้อนหินสีดำ ทันใดนั้นหลายคนก็เบ้ปากอย่างดูถูกเหยียดหยาม ดูท่าคงเป็นไอ้งั่งอีกคน…

มีเพียงจิ่วโยวและมั่วเฟิงเท่านั้นที่มองไปที่มู่เฉินด้วยความอยากรู้ ด้วยความเข้าใจพื้นนิสัยของมู่เฉิน อีกฝ่ายต้องมีความมั่นใจถึงจะทำ

ชี่! ชี่!

มู่เฉินไม่ใส่ใจต่อสายตาเหล่านั้น ในการรับรู้ของเขา ภายใต้การกัดกร่อนของแสงสีม่วงทอง ในที่สุดรอยแตกก็มีปรากฏขึ้นในผนึก

รอยแตกเพียงแค่นี้ ก็ทำให้เกิดช่องโหว่ในผนึกทันที

“ตอนนี้แหละ!”

เมื่อช่องโหว่ปรากฏขึ้น มู่เฉินก็หดดวงตาลงและไม่ลังเลอีกต่อไป คลื่นหลิงที่เทลงไปในก้อนหินสีดำก็ระเบิด ทำลายผนึกจากด้านในอย่างรวดเร็วและบดขยี้ลงอย่างแรง

ฮึ่ม!

แสงระเบิดออกจากหินสีดำในมือของมู่เฉิน หินแตกเป็นเสี่ยงๆ

เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ก็เบ้ปาก ดูเหมือนว่าคนโง่คนนี้ล้มเหลวแล้ว

ชายร่างผอมบางก็ส่ายหัวขณะเดียวกันก็ดีใจไปด้วย ดูเหมือนว่าเขาทำให้คนอื่นโชคร้ายอีกแล้ว…

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

ทว่าขณะที่พวกเขาส่ายหัวและดึงสายตากลับ เปลวไฟสีแดงก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากฝ่ามือของมู่เฉิน อุณหภูมิสูงขึ้นจนน่ากลัว ทำเอามิติถึงกับบิดเบี้ยว

การเปลี่ยนแปลงฉับพลันทำให้ทุกคนอึ้งไป จากนั้นสายตาของพวกเขาก็หันมาจดจ่อที่ฝ่ามือของมู่เฉิน พลางหายใจเข้าลึก

นั่นเป็นเพราะพวกเขาเห็นในฝ่ามือมู่เฉินหินสีดำหายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยผลึกอัญมณีสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือที่ดูเหมือนมีลาวาไหลเอื่อยอยู่ภายใน

นอกจากนี้ลาวายังก่อตัวเป็นรูปหงส์ฟ้าเพลิงอีกด้วย!

เมื่อมองไปที่หงส์ฟ้าที่ก่อตัวจากลาวา คนที่รู้จักของชิ้นนี้ที่นี่ก็หดดวงตาลงทันที ความโลภหนาแน่นพล่านในแววตา เสียงอุทานด้วยความตะลึงใจดังก้อง

“นั่นมันแก่นเพลิงหงส์ฟ้า!”

ใต้ต้นไม้หินชายร่างผอมบางอ้าปากเหวอ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นตลกอย่างยิ่ง

เมื่อมองไปที่แก่นเพลิงหงส์ฟ้าแม้แต่มู่เฉินก็อดสูดหายใจไม่ได้ ก่อนหน้าตอนที่เขาทำลายผนึกแม้ว่าจะไม่เกิดความปั่นป่วนขนาดใหญ่ แต่เขาก็จำเป็นต้องควบคุมพลังงานให้ดี

“ไม่ได้ทำให้ผิดหวังนะ”

มู่เฉินยิ้มบาง ยื่นแก่นเพลิงหงส์ฟ้าในมือให้มั่วหลิงที่เบิกตากว้างด้วยแสงแวววาว

“ขอบคุณพี่ใหญ่มู่เฉิน!”

มั่วหลิงดีใจมาก จากนั้นก็รับแก่นเพลิงหงส์ฟ้ามาอย่างระมัดระวัง

แต่ขณะที่มือมั่วหลิงกำลังยื่นไปจะรับแก่นเพลิงหงส์ฟ้า ทันใดนั้นแส้ก็จู่โจมเข้ามาห่อหุ้มแก่นเพลิงเอาไว้ เวลาเดียวกันแสงสายหนึ่งก็พุ่งเข้าหามู่เฉิน เสียงหญิงสาวเย็นชาดังก้องขึ้น

“ของเหลวจื้อจุนหกแสนหยดสำหรับแก่นเพลิงหงส์ฟ้านี้”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท