หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1034

ตอนที่ 1034

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1034 เจ็ดตะวัน-คทาขวางฟ้า
ตู้มมม!

เมื่อดวงตะวันดวงที่เจ็ดลุกโชนขึ้นจากหัวใจของร่างเทพสุริยะ ริ้วแสงที่ปรากฏก็ราวกับอัญมณี รัศมีลึกลับแผ่กำจายออกไปปกคลุมสวรรค์และโลก

เกลียวแสงนับไม่ถ้วนที่กระจายออกจากร่างเทพสุริยะพุ่งเข้าไปเขย่าสวรรค์ ทำให้มิติเกิดการบิดเบือน

มู่เฉินก็เงยหน้ามองดวงอาทิตย์ดวงที่เจ็ดในร่างเทพสุริยะ ความสุขกระจายเต็มใบหน้า เขาไม่คิดว่าความพยายามนี้จะประสบความสำเร็จจริงๆ

ด้วยพลังกาย เขาสามารถสร้างดวงอาทิตย์ที่ดวงเจ็ดได้ นำทักษะเทห์สวรรค์ของร่างเทพสุริยะเปิดเจ็ดตะวันออกมาใช้ได้!

ตอนแรกจากการประเมินของมู่เฉิน อย่างน้อยตัวเขาก็ต้องบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดให้ได้ก่อนที่จะปลดปล่อยดวงอาทิตย์ดวงที่เจ็ด แต่ไม่คิดว่าเมื่อกายามังกรหงส์บรรลุขั้นสอง พลังกายของเขาจะทะยานเกินกว่าพลังหลิง จนมีความสามารถในการปลดปล่อยดวงอาทิตย์ดวงที่เจ็ดได้

ฮา

เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่เจ็ดถูกปลดปล่อยออกมา มู่เฉินก็สูดหายลึกสุดปอดก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น กระแสคลื่นทองคำขยายอย่างรวดเร็วในม่านตา มองจากที่ไกลราวกับดาวหางสีทองที่พุ่งมาจากนอกโลก ซึ่งเต็มไปด้วยพลังงานการทำลายล้าง

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเต็มกำลังของจิงฉิงเทียน มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีก ตราประทับในมือเปลี่ยนแปลงเร็วรี่ ก่อนที่เสียงลึกต่ำจะก้องกังวานในหัวใจ “คลื่นเก้าตะวัน เปิดเจ็ดตะวัน”

ครืน!

ทันใดนั้นดวงตะวันทั้งเจ็ดก็ระเบิดขึ้นในร่างเทพสุริยะ สายธารสีทองกวาดออก ในเวลานี้ร่างเทพสุริยะราวกับมีรูปร่างแท้จริงเมื่อมองจากระยะไกล

สายธารสีทองไหลผ่านร่างเทพสุริยะ สุดท้ายก็มารวมตัวกันในมือก่อร่างเป็นคทาทองคำขนาดมหึมาที่ยากจะพรรณนา คทามีเก้าส่วน ทุกส่วนมีความยาวเก้าพันเก้าร้อยจั้ง เมื่อรวมทุกส่วนเข้าด้วยกันก็มีขนาดเกือบหมื่นจั้ง ประหนึ่งเสาหลักที่สามารถรองรับผืนฟ้า ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างสวรรค์และโลก

บนคทามีลวดลายนับไม่ถ้วนสลักอยู่ กำจายความผันผวนแปลกประหลาด ราวกับว่าท้องฟ้ายังถูกแยกออกเป็นสองส่วน

ร่างเทพสุริยะถือคทาทองคำในมือ จากนั้นก็เหวี่ยงใส่กระแสคลื่นสีทอง

“เปิดเจ็ดตะวัน คทาขวางฟ้า!”

เสียงต่ำลึกดังก้องกังวานในใจมู่เฉิน ขณะที่คทาทองคำขนาดมหึมาเหวี่ยงลงมา ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำมืด มีเพียงแสงสีทองคลี่กระจาย ราวกับว่าคทาบรรจุด้วยพลังน่าสะพรึงกลัวที่สามารถแบ่งแยกสวรรค์และโลกออกจากกันได้

เมื่อมู่เฉินโบกคทาออก ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน

แม้แต่จิงฉิงเทียนที่สงบสติไว้มั่น ดวงตาก็ยังหดเกร็ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะยังมีกระบวนท่าที่ทรงพลังเช่นนี้เหลืออยู่อีก

“บ้าเอ๊ย นั่นมันคัมภีร์เทพประเภทไหนกัน? ทำไมถึงทรงพลังขนาดนี้?!”

คลื่นโหมกระหน่ำไปทั่วหัวใจของจิงฉิงเทียน พลังของคทามู่เฉินไม่ได้ด้อยไปกว่าสามหมัดเทพของเขาเลย แต่หมัดเทพราชสีห์สามกลืนกินถือเป็นวิทยายุทธระดับเสินซู่ขั้นเต็มที่ดีที่สุดของเผ่าราชสีห์ทองคำ ยากสำหรับคนทั่วไปที่จะฝึกฝน แล้วมู่เฉินมีวิชาระดับคล้ายคลึงกันแบบนี้ได้อย่างไร?

ทว่าแม้หัวใจจะสั่นไหว แต่จิตสังหารในแววตาของจิงฉิงเทียนก็ยังข้นคลั่ก เขามีความมั่นใจมากกับวิชาของตนเอง เขาเชื่อว่าเมื่อพลังการทำลายล้างพุ่งเข้าโจมตี มู่เฉินก็จะตายคาที่แน่

“แกเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามจริงๆ แต่วันนี้ข้าคือผู้ชนะ!”

จิงฉิงเทียนแผดร้องในใจ จากนั้นกระแสคลื่นทองคำที่พุ่งทะลุขอบฟ้าก็ปะทะกับคทาทองคำขนาดใหญ่ที่มู่เฉินโบกสะบัดหนักหน่วงออกมา

จังหวะที่ปะทะกันชั้นฟ้าและชั้นดินก็แข็งตัว ทุกสรรพเสียงเงียบงัน ความสว่างและความมืดสลับไปมา แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือไม่มีเสียงระเบิดดังก้องจากการปะทะ ราวกับว่าแม้แต่เสียงก็ถูกกลืนหายโดยการปะทะของคลื่นหลิงยิ่งใหญ่

คทาทองคำมหึมาและกระแสคลื่นทองคำชนกันพร้อมกับมิติยุบตัวเป็นหย่อมๆ พลังงานที่น่ากลัวสองสายกัดกร่อนซึ่งกันและกันอย่างรุนแรง

เมื่อพลังงานพล่านไปถึงขีดสุด คลื่นพลังทั้งสองสายก็ไม่สามารถรักษาความสมดุลได้อีกต่อไป ดังนั้นพายุสีทองที่น่าสะพรึงกลัวจึงกวาดออกอย่างรุนแรง

ปัง!

พายุกวาดอาละวาดรุนแรง ส่งผลกระทบต่อท้องฟ้าในรัศมีหนึ่งพันลี้

ร่างของมู่เฉินและจิงฉิงเทียนเป็นคนแรกที่ได้รับผลกระทบ พวกเขากระเด็นออกไปพ่นเลือดเป็นสาย ทว่าโชคดีที่ทั้งสองคนตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่ละคนรีบเรียกร่างเทห์สวรรค์และร่างเทพอสูรออกมาป้องกันทันท่วงที

แต่ถึงอย่างนั้นร่างเทพของพวกเขาก็จางลงอย่างรวดเร็ว ชัดว่าไม่สามารถทนต่อคลื่นกระแทกที่น่ากลัวได้…

แคร็ก!

รอยแตกกระจายออกบนร่างเทพสุริยะ ก่อนที่จะระเบิดภายใต้สีหน้าเคร่งเครียดของมู่เฉิน ในเวลาเดียวกันราชสีห์ทองคำเก้าหัวก็เปล่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราดแล้วระเบิดเป็นแสงสีทอง

อ็อก!

ทั้งสองกระอักเลือดอีกคำ สภาพแต่ละคนดูน่าอนาถมาก

การปะทะกันทรงพลังสิ้นสุดลงที่จอมยุทธ์ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บตามกัน!

“มู่เฉิน…ขวางการทำลายล้างหมัดเทพราชสีห์สามกลืนกินได้รึ?” ฮั่วหยังตกตะลึงเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้านี้ ความหวาดผวาพลุ่งพล่านออกมาจากดวงตา กระบวนท่าของจิงฉิงเทียนเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุดยังยากที่จะแบกรับ แล้วมู่เฉินทำได้อย่างไรด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกที่มี?

ใบหน้าของจิงเลี่ยเขียวคล้ำ ซึ่งแฝงด้วยความตกตะลึงคลุมเครือ นั่นเป็นเพราะผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้เหนือการควบคุมของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ตั้งแต่เริ่มต้นพวกเขาไม่คิดเลยว่าจิงฉิงเทียนที่พวกเขามองว่าเป็นจอมยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดก็ยังถูกขัดขวางโดยมู่เฉินได้

จิงฉิงเทียนเป็นจอมยุทธ์ที่สามารถแข่งขันกับอัจฉริยะเทพอสูรชั้นยอดได้พอฟัดพอเหวี่ยงเลยนะ!

สายตาของจิงเลี่ยเปลี่ยนไป สุดท้ายก็สงบใจลงก่อนจะกัดฟัน แม้ว่าเขาจะตัดสินมู่เฉินผิดพลาด ปล่อยให้มู่เฉินสามารถพลิกสถานการณ์ได้ แต่ความแข็งแกร่งของทั้งสองกลุ่มยังเท่าเทียม ที่สุดแล้วกลุ่มของมู่เฉินก็ไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้

บนท้องฟ้าจิงฉิงเทียนค่อยๆ เช็ดรอยเลือดที่มุมปากออก สายตาจ้องเขม็งไปที่มู่เฉินด้วยจิตสังหารพลุ่งพล่านทั่วนัยน์ตา สถานการณ์ตอนนี้เกินความคาดหมายของเขามากเช่นกัน

พลังของมู่เฉินนั้นเหนือกว่าที่เขาคาดไว้ไปไกล

“แม้แต่หมัดเทพราชสีห์กลืนกินก็ไม่สามารถฆ่ามันได้…” ดวงตาของจิงฉิงเทียนแสดงความโหดเหี้ยม แต่ใบหน้าเคร่งเครียดล้นเหลือ จากการปะทะกันกระบวนท่าก่อน แม้ว่ามู่เฉินจะขัดขวางการโจมตีไว้ได้ แต่ก็น่าจะได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน ดังนั้นนี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการฆ่ามู่เฉิน!

เมื่อคิดได้อย่างนี้ ไอสังหารก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสายตาของจิงฉิงเทียนทันที

ทว่าขณะที่ความตั้งใจฆ่าในดวงตาพุ่งสูงขึ้น มู่เฉินซึ่งอยู่ไกลออกไปก็สัมผัสได้จึงเงยหน้าขึ้น จากนั้นมุมโค้งเยือกเย็นก็ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา

ฝ่าเท้ากระทืบลงไป เขาไม่สนใจแม้แต่จะเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก ร่างเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าหาจิงฉิงเทียนทันที

“รนหาที่ตาย!”

เมื่อจิงฉิงเทียนเห็นว่ามู่เฉินยังกล้าที่จะทะยานเข้าหา แววเหี้ยมโหดในสายตาก็หนาแน่นยิ่งขึ้น ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะพอใจกับผลลัพธ์นี้ นอกจากนี้มู่เฉินยังสามารถหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขที่จะแบ่งปันกันเรื่องสมบัติของอสูรโบราณโภคะ แต่ใครจะไปคิดว่าความทะเยอทะยานของอีกฝ่ายจะมากกว่านั้น มู่เฉินต้องการเอาชนะเขารึ? เพ้อฝันชัดๆ!

ฟิ้ว!

ขณะที่จิงฉิงเทียนแผดเสียงลั่น ร่างเงาของมู่เฉินก็พุ่งออกมามองไปที่จิงฉิงเทียนอย่างไม่แยแส ดวงตาพวยพุ่งด้วยไอสังหาร เขาวาดตราประทับด้วยมือเดียว เสียงคำรามลึกระเบิดออกมาจากหัวใจ “คัมภีร์เทพเส่อเซิน หมัดปีศาจพลีชีพ!”

ทันใดนั้นไอสังหารไม่มีที่สิ้นสุดก็กวาดออกมาจากภายในหัวใจมู่เฉิน ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะเดียวกันรัศมีน่ากลัวก็ระเบิดจากร่างราวกับกับพายุทอร์นาโด

รัศมีนี้น่าทึ่งมาก มีความตั้งใจที่จะเสียสละตนเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม

นี่คือการเอาชีวิตเข้าแลกอย่างแท้จริง!

ดวงตามู่เฉินเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขณะวาดหมัดออกไป ภายใต้หมัดไม่เหลือทางถอยให้ บีบตัวเองให้เข้าสู่เส้นทางมรณะอย่างแท้จริง!

เมื่อจิงฉิงเทียนเห็นการโจมตีของมู่เฉินที่สละชีวิตเพื่อจะทำลายของศัตรู ใบหน้าก็เปลี่ยนแปลงรุนแรง หัวใจของเขาสั่นคลอนเพราะไม่คิดว่ามู่เฉินจะเป็นคนโหดเหี้ยมเช่นนี้

ต่อให้ตัวเองต้องตาย ก็ต้องฆ่าเขาให้ได้!

มู่เฉินถึงกับยอมสละชีวิตเพื่อสมบัติของอสูรโบราณโภคะเลยเรอะ?

“ไอ้บ้า! วิกลจริต!”

จิงฉิงเทียนคำรามลั่นจากหัวใจ จิตวิญญาณการต่อสู้หดหายไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ต้องการที่จะตายที่นี่เพื่อสมบัติอสูรโบราณโภคะ เขาเป็นอัจฉริยะของเผ่าราชสีห์ทองคำที่มีอนาคตไกล จะมาตายที่นี่ได้ไง?

เมื่อจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เหือดหาย รัศมีของจิงฉิงเทียนก็ถูกกดทับลง เขารีบถอยหนีจ้าละหวั่นในสภาพน่าสมเพช

ดวงตาแดงก่ำของมู่เฉินมองไปที่จิงฉิงเทียนที่ถอยกรูดออกไป แสงก็พริบพราวในดวงตา รอยยิ้มเยาะเย้ยแขวนอยู่บนมุมปาก กระบวนท่าที่เขาใช้ไม่ใช่หมัดปีศาจของจริง นี่เป็นเพียงเจตจำนงเสียสละตนเองที่ได้มาจากการทำความเข้าใจในกระบวนการกระหายเลือด นั่นหมายความว่าขณะนี้กระบวนท่านี้เป็นเพียงหน้าฉากเท่านั้น!

แต่ในการต่อสู้บางครั้ง เมื่อรัศมีถูกกดทับ ผลลัพธ์ก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว!

ยามนี้จิตวิญญาณการต่อสู้จิงฉิงเทียนมอดไหม้ไปหมดแล้ว เขาไม่มีความสามารถที่จะสู้ได้อีกต่อไป

จิงฉิงเทียนก็รู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนในหัวใจ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะถอยทันที ไม่เหลือความเฉียบคมในการเผชิญหน้ากับมู่เฉินต่อไป

ตู้ม!

มู่เฉินกระทืบเท้า ร่างทะยานไปอย่างลึกลับปรากฏตัวเบื้องหน้าจิงฉิงเทียนก่อนที่ชุดหมัดจะรัวออกมา เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังก้อง หมัดที่น่าสะพรึงกลัวทำลายแนวปกป้องคลื่นหลิง ซัดลงบนอกของจิงฉิงเทียนที่สูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้

ปัง! ปัง!

เสียงลึกต่ำดังขึ้น ใบหน้าของจิงฉิงเทียนก็ซีดเผือด เลือดกระอักออกมาไม่หยุด ร่างกระเด็นออกไปตกลงพื้นดินราวกับว่าวสายป่านขาด สร้างรอยลึกยาวพันจั้ง

ร่างจิงฉิงเทียนนอนพังพาบอยู่ในรอยลึก ทั่วตัวเต็มไปด้วยเลือดโดยที่คลื่นหลิงลดฮวบลง

มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้า สีแดงในดวงตาหายไปอย่างสมบูรณ์ ใบหน้าซีดลงเล็กน้อย แต่สายตายังคงความคมชัดขณะที่จ้องมองลงมาราวกับเหยี่ยว

เบื้องล่างตกอยู่ในความเงียบอย่างสมบูรณ์

ทุกคนมองจิงฉิงเทียนที่พ่ายแพ้สิ้นเชิงอย่างตะลึงงัน ใครจะคิดได้ว่าสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บจะถูกพลิกกลับด้วยรัศมีการเสียสละชีวิตของมู่เฉิน

ตอนนี้จิงฉิงเทียนบาดเจ็บหนักอย่างแท้จริง ไม่สามารถต่อสู้กับมู่เฉินได้อีก!

จิ่วโยวและหานซันอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ความสุขจะพล่านในนัยน์ตา

ส่วนจิงเลี่ยและฮั่วหยังมีสีหน้าซีดขาว พวกเขารู้สึกว่าร่างกายเย็นยะเยือก

พวกเขารู้ว่าในศึกแย่งชิงสมบัติอสูรโบราณโภคะครั้งนี้พวกเขาแพ้อย่างสมบูรณ์แล้ว…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท