หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1037

ตอนที่ 1037

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1037 คว้าสมบัติ
ทะเลสาบเป็นประกายแวววาว

ดวงตาของมู่เฉินและคนอื่นๆ ก็ลุกโชนขณะยืนอยู่ริมทะเลสาบ สายตาจดจ้องไปราวกับว่าต้องการมองให้ทะลุเพื่อค้นหาสมบัติที่อยู่ภายใน

“เตรียมลงมือกันเถอะ” หานซันเลียริมฝีปาก ตลอดการเดินทางที่ยากลำบาก ในที่สุดพวกเขาก็บรรลุเป้าหมาย ตอนนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวบ้างแล้ว

เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินก็พยักหน้า เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนร้อนรุ่มไปหมดแล้ว

“พยายามอย่าให้โดนน้ำในทะเลสาบ ให้โชคชะตานำพาสมบัติที่จะได้ครอบครอง” หานซันยิ้ม จากนั้นก็พุ่งออกไปเป็นคนแรก เมื่อเขาสะบัดแขนเสื้อ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็สร้างกระแสคลื่นเชี่ยวกราก ครั้นคลื่นพวยพุ่งก็เผยให้เห็นกระดูกสีขาวขนาดมหึมาในทะเลสาบ

หานซันมองหาจุดลง ภาพเงาวูบไหวจากนั้นก็ปรากฏบนกระดูกสีขาวและนั่งลง คลื่นหลิงสร้างพายุเฮอริเคนล้อมรอบตัวปกป้อง ไม่ว่าน้ำในทะเลสาบจะเกรี้ยวกราดอย่างไร ก็ไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้

เมื่อจอมยุทธ์ทั้งสามของเผ่าแรดอสูรเห็นภาพนี้ พวกเขาก็ทะยานออกไป แต่ละคนค้นหากระดูกสีขาวที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำในทะเลสาบและนั่งลง

“เราก็เริ่มกันมั่งเถอะ”

มู่เฉินพยักหน้าไปทางจิ่วโยว มั่วเฟิงและมั่วหลิง เขาไม่ลังเลอีกต่อไป ร่างขยับก่อนที่จะไปปรากฏเหนือทะเลสาบ เมื่อก้มมองลงไปก็เห็นกระดูกขนาดใหญ่เลือนรางยากจะบรรยายอยู่ภายใน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนับหมื่นปี แต่ก็ยังคงเปล่งความลึกลับที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกกลัว

มู่เฉินพึมพำในใจจากนั้นร่างก็พลิ้วลงมาบนกระดูกสีขาวก่อนจะนั่งลง ทันใดนั้นความเย็นเยือกผิดปกติก็พล่านออกมา ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน

“ให้ข้าลองหน่อยว่าจะได้รับสมบัติชิ้นไหนบ้าง” มู่เฉินพึมพำกับตัวเองขณะหลับตาลง คลื่นจิตของเขาเคลื่อนไปยังกระดูกขาวอย่างเงียบๆ โดยใช้สิ่งนี้เป็นสื่อกลางทอดยาวลงไปในทะเลสาบ

เมื่อคลื่นจิตเข้าสู่ทะเลสาบ มู่เฉินก็รู้สึกถึงแรงกดดันทรงพลังโอบล้อมมาจากทุกทิศทาง ภายใต้แรงกดดันนี้ ประสาทสัมผัสของเขาที่ยอดเยี่ยมก็ช้าลงมาก นอกจากนี้ระยะการรับรู้ของเขาก็ลดลงเกือบเก้าส่วน

“ไม่ง่ายอย่างที่ข้าคิดไว้เลย” มู่เฉินถอนหายใจในใจ เขารู้อยู่แล้วว่าคงไม่ราบรื่นนักที่จะได้รับสมบัติซึ่งพิสูจน์ได้ในขณะนี้แล้ว ด้วยการยับยั้งของน้ำในทะเลสาบก็ยากมากสำหรับพวกเขาที่จะได้สัมผัสกับสมบัติที่นี่

แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างมู่เฉินจะยอมแพ้ ดังนั้นเขาจึงสงบใจลงค้นหาสมบัติต่อไป นั่นเป็นเพราะถ้าเขาหมดความอดทน เขาต้องกลับมามือเปล่าแน่

ในทะเลสาบเย็นเยือก คลื่นจิตของมู่เฉินก็เคลื่อนผ่านกระดูก เวลานี้เองที่มู่เฉินรู้ว่ากระดูกมีขนาดใหญ่โตเพียงใด จากการประเมินของเขาอสูรโบราณโภคะคงมีขนาดใหญ่เป็นแสนจั้ง

ยิ่งกว่านั้นกระทั่งมันตายไปนับหมื่นปี กระดูกก็ยังแข็งแรงราวกับเหล็กกล้า แม้ว่าพลังกายของมู่เฉินจะทรงพลังแต่ก็ยังด้อยกว่ามากเมื่อเทียบกัน

ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ไม่สามารถขนย้ายกระดูก เพียงแค่โครงกระดูกนี้ก็สามารถปรับแต่งอาวุธเทพได้จำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว

คลื่นจิตจมลงไป มู่เฉินก็อุทานตามหลายครั้ง ตอนที่อสูรดบราณโภคะยังมีชีวิตอยู่ คงไม่ด้อยกว่าราชันสงครามโลหิตเลย แต่การดำรงอยู่เช่นนี้ก็ยังตายตกไปเมื่อดินแดนเสินโซ่ถูกทำลายล้าง ยากที่จะจินตนาการว่าเผ่าปีศาจต่างมิติน่ากลัวแค่ไหน

เวลาผ่านไปมู่เฉินก็ยังคงค้นหาต่อ ก่อนที่จะรู้ตัวคลื่นจิตของมู่เฉินก็แพร่กระจายไปทั่วโครงกระดูกเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกช่วยไม่ได้ก็คือในครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาคลื่นจิตของเขาเดินทางไปได้เพียงระยะหนึ่งพันจั้งเท่านั้น ช่างขี้ปะติ๋วเมื่อเทียบกับโครงกระดูกที่มีขนาดแสนจั้ง

นอกจากนี้ตลอดทางมู่เฉินก็ไม่รู้สึกถึงความผันผวนของสมบัติเลย หากไม่ใช่เพราะไว้ใจหานซันและรู้ว่าโครงกระดูกเบื้องหน้าไม่ธรรมดาละก็ เขาอาจสงสัยว่าค้นพบเป้าหมายผิดไปหรือเปล่า

ทว่าความสงสัยของมู่เฉินก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อคลื่นจิตสัมผัสลึกเข้าไป ทันใดนั้นเขาก็พบความผันผวนแปลกประหลาดมาจากส่วนหนึ่งของโครงกระดูกเบื้องหน้า

เมื่อสัมผัสได้ถึงความผันผวน มู่เฉินก็รู้สึกยินดีในหัวใจและรีบส่งคลื่นจิตเข้าไป จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงมีดสั้นสีเทาลอยอยู่เบื้องหน้าอย่างเงียบๆ อาวุธนี้ถูกสลักด้วยลวดลายโบราณบนพื้นผิว แสงสีม่วงที่แล่นแปลบปลาบบนใบมีดกำจายความรู้สึกคมชัด ซึ่งทำเอารู้สึกเย็นเยือก

มีดสั้นนี้เป็นอาวุธพบสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยม

มู่เฉินเดาะลิ้น อาวุธพบสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมเจอได้ง่ายเชียว นี่เป็นสิ่งที่แม้จะอยู่ในมือจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดก็เป็นศาตราวุธที่น่าเกรงขาม

คลื่นจิตของมู่เฉินหยุดลงชั่วคราวขณะที่ลอยอยู่เบื้องหน้ามีดสั้น เขาลังเลเล็กน้อยพลางพิจารณาว่าควรนำออกไปหรือไม่ หากอาวุธพบสวรรค์ชิ้นนี้ถูกนำขึ้นในการประมูล ก็อาจจะขายได้ในราคาของเหลวจื้อจุนหลายแสนหยด

เขาลังเลชั่วครู่ก่อนที่จะดึงคลื่นจิตออกไป แล้วขยับลึกลงไปเรื่อยๆ ละความสนใจจากอาวุธชิ้นนี้

แม้ว่าราคาของอาวุธพบสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมจะไม่ต่ำ แต่ก็ไม่ใช่เป้าหมายของเขา อาวุธระดับดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะสั่นคลอนหัวใจของเขา

ในเมื่อยังไม่ใช่วัตถุที่สามารถสั่นคลอนหัวใจได้ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลา เขาต้องการไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เท่านั้น

ถ้าเขาเจออะไรก็เอาหมด สุดท้ายอาจกลับไปมือเปล่า ต่อให้ได้เก็บเกี่ยวก็ไม่ถึงระดับที่คาดไว้แน่นอน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะไปทำให้เสียเวลาทำไม

เมื่อคิดถึงจุดนี้ คลื่นจิตของมู่เฉินก็เริ่มหยั่งลึกลงไปในโครงกระดูก เมื่อคลื่นจิตดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ เขาก็ต้องตกใจเมื่อค้นพบสมบัติทรงพลังตลอดทาง

วัตถุเหล่านี้ไม่ได้ด้อยกว่าอาวุธพบสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยม บางชิ้นเป็นหนึ่งในอันดับต้นเลยก็ว่าได้ ซึ่งทรงพลังมากจนแม้แต่มู่เฉินก็ตกใจ

อาวุธพบสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมวาบผ่านคลื่นจิตของมู่เฉินไปชิ้นแล้วชิ้นเล่า ในสถานการณ์ที่สามารถคว้าอาวุธพบสวรรค์ทรงคุณค่าได้เพียงเอื้อมมือ ความละโมบก็เกิดขึ้นได้ง่าย

กระทั่งคนอย่างมู่เฉินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่เมื่อความโลภในใจเพิ่มพูนขึ้น เขาก็รู้สึกตื่นตัวและรับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเป็นครั้งแรก

มู่เฉินอธิบายไม่ได้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แต่สัญชาตญาณบอกว่าถ้าเขาคว้าอาวุธเหล่านั้นมา เขาจะต้องเสียใจมาก

ความคิดไหลเวียนอยู่ในใจ สุดท้ายมู่เฉินก็ยึดมั่นหัวใจเอาไว้ หากเขาไม่สามารถได้รับอาวุธเสมือนมหสวรรค์ใดๆ เขายอมกลับไปมือเปล่า!

ทันทีที่มู่เฉินยึดมั่นในหัวใจ เขาก็ต้องตกใจ เนื่องจากรับรู้ว่าอาวุธพบสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมเหล่านั้นได้หายวับไปกับตา ราวกับว่าไม่เคยมีตัวตนมาก่อน

“แปลกประหลาดจริงๆ” หัวใจของมู่เฉินตื่นตัวมากขึ้น สมบัติของอสูรโบราณโภคะไม่ง่ายที่จะได้รับอย่างที่คิดไว้ เหตุการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้จะต้องเป็นแผนของเจ้าอสูรตัวนี้แน่

หากเขาคว้าอาวุธเหล่านั้นไว้ ต่อให้มู่เฉินไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขามั่นใจว่าจะไม่ได้รับอาวุธเสมือนมหสวรรค์ที่ต้องการอย่างแน่นอน

ด้วยความตื่นตัวคลื่นจิตของมู่เฉินก็ดำดิ่งลึกลงไปในกระดูก แต่ขณะที่คลื่นจิตเพิ่งจะเคลื่อนไหว โครงกระดูกเบื้องหน้าก็หายไป น้ำทะเลสาบโดยรอบกลายเป็นความมืดมิด ราวกับว่าตัวเขาถูกดึงเข้าไปในมิติอื่น

คลื่นจิตของมู่เฉินอยู่ในความมืด แต่เขาไม่ได้ตื่นตระหนก นั่นเป็นเพราะไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ ดังนั้นจึงรออยู่เงียบๆ เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าตอนที่อสูรโบราณโภคะทิ้งร่างไว้ที่นี่ จะต้องทิ้งวิธีบางอย่างไว้เบื้องหลังเพื่อป้องกันไม่ให้สมบัติถูกยึดครองโดยคนโลภมาก ดังนั้นสิ่งที่เขาเห็นมาก่อนหน้านี้อาจจะเป็นการทดสอบ

ฮึ่ม!

ทันใดนั้นแสงสว่างก็กำจายในความมืด กระแสน้ำใหญ่โตมโหฬารส่งเสียงดังก้อง ยามนี้อาวุธเทพล้ำค่ามากมายกำลังเริงระบำอยู่ในกระแสน้ำ ความผันผวนของคลื่นหลิงทรงประสิทธิภาพถูกปลดปล่อยออกมาจากพวกมัน

มู่เฉินขานรับความรู้สึกก็สูดอากาศเย็นเข้าไปในหัวใจ นั่นเป็นเพราะเขาพบว่าในกระแสน้ำมีอาวุธพบสวรรค์นับพันนับหมื่นชิ้น

“สมกับเป็นอสูรโภคะ…”

มู่เฉินอุทาน คุณภาพของอาวุธพบสวรรค์เหล่านี้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว หากนำทั้งหมดไปประมูลในมหาพันภพ ราคารวมคงยากที่จะจินตนาการ ปริมาณของเหลวจื้อจุนอาจเพียงพอสนับสนุนจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหนึ่งทะยานไปถึงขั้นเก้าเลยทีเดียว

มู่เฉินจ้องมองสายธารอาวุธเทพ จากนั้นดวงตาก็หดเกร็ง เขาจดจ่ออยู่ที่ตรงกลางของสายธาร ก็เห็นลูกแสงสามลูกลอยอยู่ ทุกลูกทรงพลังจนถึงขั้นที่มู่เฉินรู้สึกกดดันจากความผันผวนที่เปล่งออกมา

โดยรอบมีอาวุธพบสวรรค์นับหมื่นเกี่ยวพันล้อมรอบลูกแสงทั้งสาม ราวกับว่าเป็นคนรับใช้ที่ปกปักเจ้านาย

มู่เฉินอึ้งไปขณะมองลูกแสงทั้งสาม จากนั้นหัวใจของเขาก็ร้อนวูบวาบกระทั่งการเต้นของหัวใจก็เพิ่มขึ้น เขาจ้องไปที่ลูกแสงทั้งสามด้วยสายตาร้อนแรง ความผันผวนทรงพลังนั้นเกินขอบเขตของอาวุธพบสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมไปมาก!

เทียบกับอาวุธที่เขาพบมาก่อนหน้าก็ประหนึ่งหิ่งห้อยกับดวงจันทร์!

อาวุธเหล่านั้นจะต้องเป็นอาวุธเสมือนมหสววรค์ของแท้แน่นอน!

ก้าวข้ามขอบเขตพบสววรค์เข้าสู่มหสวรรค์!

เผชิญหน้ากับอาวุธเสมือนมหสวรรค์ทั้งสามที่ปรากฏขึ้น แม้แต่มู่เฉินที่มีจิตใจตั้งมั่น ยังอดไม่ได้ที่จะหัวใจเต้นรัว สายตาร้อนแรงจนแทบปะทุเป็นไฟ

เขาเพ่งมองไปที่ลูกแสงทั้งสาม เมื่อแสงจางลง ในที่สุดก็เห็นวัตถุภายในได้อย่างชัดเจน

ขวาน ไม้บรรทัดและกระจก

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท