หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1032

ตอนที่ 1032

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1032 ปะทะอย่างดุเดือด
ตู้ม!

แสงสีทองป่าเถื่อนกวาดออกมาทั่วบริเวณ ราวกับดวงอาทิตย์ลุกโชติช่วงในจุดที่ปะทะกัน คลื่นกระแทกทองคำน่าสะพรึงทำลายล้างเป็นวงกว้าง พื้นดินพังทลายทีละชั้น..ละชั้นจากแรงปะทะ

จอมยุทธ์สามคนเผ่าแรดอสูรกับมั่วหลิงได้ถอยห่างออกไปนานแล้ว แต่ถึงกระนั้นคลื่นกระแทกก็ยังส่งผลทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวดบนผิวหนัง

แต่ละคนจ้องมองที่จุดกำเนิดของแสงสีทอง ตรงจุดนั้นเมื่อดวงอาทิตย์สีทองปรากฏขึ้นที่แสงสีทองอันน่าสะพรึงก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง

ปัง!

แสงสีทองกวาดออก ร่างสองร่างก็พุ่งถอยออกมาทันที

ทุกย่างก้าวของมู่เฉินทำให้เกิดปากหลุมแผ่ออกไประยะร้อยจั้งบนพื้นดิน เกิดระลอกคลื่นในมิติขณะสร้างความผันผวน

มู่เฉินถอยหลังไปได้หลายสิบก้าวก่อนจะทรงตัวได้มั่นคง แสงสีทองพวยพุ่งขึ้นบนพื้นผิวทำให้เขาดูทนทานอย่างยิ่ง แต่ยามนี้เขามีสีหน้าเคร่งเครียดขณะมองไปที่เบื้องหน้า

หมัดเมื่อครู่เขาได้เร้าวิชากายามังกรหงส์ขั้นสองจนถึงขีดสุด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถได้เปรียบในกระบวนท่านี้

พลังของจิงฉิงเทียนเกินกว่าระดับของจงเถิงไปไกลอย่างแท้จริง

ขณะที่ใบหน้าของมู่เฉินมืดครึ้ม จิงฉิงเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับก้มมองที่กำปั้นของตัวเองโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ทว่าในดวงตากลับมีแรงสั่นสะเทือนวูบวาบ

“พลังกายแข็งแกร่งอะไรอย่างนี้!” จิงฉิงเทียนมองมู่เฉินขณะพูดช้าๆ

แม้ว่าหมัดของมู่เฉินจะไม่ทำให้เขาบาดเจ็บ แต่เขารู้ว่าในการปะทะกระบวนท่าก่อนหน้าเขามีข้อเสียเปรียบเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่าในแง่ของความแข็งแกร่งทางพลังกายเพียงอย่างเดียว มู่เฉินแข็งแกร่งกว่าเขาด้วย

ดังนั้นแม้แต่เขายังอดตกใจไม่ได้เลย เพียงแค่พลังกายของมู่เฉินอย่างเดียว ก็เปรียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดแล้ว มิน่าล่ะภัยคุกคามที่เขารู้สึกจากมู่เฉินที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นหกเท่านั้นกลับเกินกว่าจอมยุทธ์ส่วนใหญ่ในขั้นเจ็ด

จากที่ไกลใบหน้าของจิงเลี่ย ฮั่วหยังและคนอื่นๆ ที่มองการต่อสู้ก็เปลี่ยนไป ในเวลานี้พวกเขาถึงได้เข้าใจว่าในกลุ่มของคู่ต่อสู้ หานซันและจิ่วโยวไม่ได้เป็นภัยคุกคามมากที่สุด ตรงกันข้ามกลับเป็นมู่เฉินที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกเท่านั้น

ชายคนนี้ไม่เพียงแต่สามารถสร้างค่ายกลระดับเทียน กระทั่งพลังกายของเขาก็สุดยอดไม่แพ้กัน

โชคดีที่เขามีขุมพลังระดับจื้อจุนขั้นหกเท่านั้น ไม่เช่นนั้นหากอยู่ในขั้นเจ็ดละก็ วันนี้ต่อให้มีจิงฉิงเทียนอยู่ที่นี่ก็คงยากที่จะปราบปรามอีกฝ่ายได้

จิงเลี่ยและฮั่วหยังแลกเปลี่ยนสายตากันต่างก็รู้สึกโล่งใจ แม้ว่าเมื่อสักครู่มู่เฉินจะสกัดการโจมตีของจิงฉิงเทียนได้ แต่ก็เป็นเพราะจิงฉิงเทียนไม่ได้ใช้พลังหลิง ถ้าเขาใช้คลื่นระดับสูงสุดของขั้นเจ็ด กระทั่งมู่เฉินก็ต้องแพ้ยับแน่

บนท้องฟ้าจิงฉิงเทียนพยักหน้าเบาๆ “ไม่รู้ว่าเจ้าเพาะบ่มพลังกายให้ทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร ในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นใหม่ที่ข้าได้พบน้อยมากที่มีคนสามารถฝึกฝนพลังกายได้ในระดับเดียวกับเจ้า”

พูดถึงตรงนี้จิงฉิงเทียนก็หยุดชะงัก จากนั้นรอยยิ้มอำมหิตและกระหายเลือดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ดังนั้นเพื่อแสดงความจริงใจ ข้าจะให้เจ้าได้สัมผัสถึงพลังยิ่งใหญ่ของระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุดมั่ง!”

ตู้ม!

ทันทีที่พูดจบ พายุทอร์นาโดพลังงานสีทองก็ระเบิดขึ้น ซึ่งเหมือนเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์และโลก ช่างเป็นฉากที่น่าตื่นตายิ่งนัก

แรงกดดันคลื่นหลิงทรงพลังถูกปลดปล่อยออกมา

“แกกล้ารับหมัดจากข้าอีกไหม?!”

จิงฉิงเทียนยืนอยู่ท่ามกลางพายุทอร์นาโดราวกับเทพราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เผด็จการ เขาเงยหน้าหัวเราะเสียงดังพลางชกหมัดออกไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เมื่อหมัดพุ่งออกมา ไม่เพียงแต่มีพลังกายที่น่ากลัวระเบิดขึ้น ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือมีคลื่นหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่งอยู่ด้วย

นี่เป็นสายธารทองคำที่ราวกับเชื่อมโยงระหว่างฟ้าดิน สิ่งใดที่ขัดขวางก็จะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์

หมัดของจิงฉิงเทียนทำให้สีหน้าของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดเปลี่ยนแปลง หากถูกซัดเข้าตัวต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่

ตอนนี้แม้แต่หานซัน จิ่วโยวและคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกถึงภัยคุกคามทรงพลังถูกปล่อยออกมาจากหมัดของจิงฉิงเทียน

สายธารสีทองเชื่อมโยงฟ้าดินสะท้อนในม่านตาของมู่เฉิน สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเช่นกัน แต่กลับไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย

จิงฉิงเทียนทรงพลังอย่างแท้จริง แต่ก็เป็นเรื่องเพ้อฝันที่คิดจะทำให้เขากลัว

บางทีอาจมีความยากลำบากไปบ้างถ้ามู่เฉินต้องการเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุดด้วยพลังกายเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าใครคิดว่าเขาอาศัยร่างกายล้วนๆ พวกเขาก็ถึงวาระแน่…

กร๊อบ

ทันใดนั้นมือของมู่เฉินก็กำแน่น อึดใจถัดมามิติก็ผันผวนอยู่ข้างหลัง มหาสมุทรคลื่นหลิงแผ่ซ่านออกมา นี่คือจุดจื้อจุนไห่ของเขา

ในจุดจื้อจุนไห่ ทะเลพลังดันคลื่นหมื่นจั้งขึ้นมา คลื่นหลิงไร้ขอบเขตสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

ฮา

มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกแล้วเหยียดมือออกพร้อมกับหันฝ่ามือไปข้างหน้า

แสงสีทองทรงพลังทะลุผ่านขอบฟ้า ขยายอย่างรวดเร็วในม่านตาของมู่เฉิน สุดท้ายก็กวาดเข้ามา

ทันทีที่คลื่นกระแทกน่าสะพรึงมาถึง จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็ปรากฏขึ้นบนแขนทั้งสองของเขา คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพุ่งออกมาจากฝ่ามือ ก่อร่างเป็นโล่มังกรหงส์ที่เบื้องหน้า

“โล่ทองคำมังกรหงส์!”

ตู้ม!

พริบตาที่สร้างโล่ทองคำขึ้น แสงสีทองทรงพลังก็พุ่งเข้าใส่ ทำให้มิติถึงกับบิดเบือน แต่ที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงก็คือไม่ว่าลำแสงสีทองจะอาละวาดแค่ไหน โล่ที่ดูบางเฉียบสีทองตรงเบื้องหน้ามู่เฉินก็ตั้งตระหง่าน ไม่มีร่องรอยการแตกสลาย

ลำแสงสีทองจางลง ก่อนที่จะหดตัวอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายคลื่นหลิงภายในก็สลายอย่างสมบูรณ์

เมื่อลำแสงสีทองหายไปโล่ทองคำก็แตกกลายเป็นประกายแสงสีทองปกคลุมท้องฟ้า

“แกเสียเปรียบแน่ถ้าดูถูกขุมพลังขั้นหกของข้า” เมื่อโล่ทองคำหายไปมู่เฉินก็มองจิงฉิงเทียนพร้อมรอยแย้มยิ้ม

จิงฉิงเทียนขมวดคิ้ว เขารู้สึกได้คลุมเครือว่าถึงแม้การฝึกฝนขุมพลังหลิงของมู่เฉินจะอยู่ที่ระดับจื้อจุนขั้นหกเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของคลื่นหลิงก็อยู่เหนือกว่าจอมยุทธ์คนอื่นๆ ในระดับเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นพลังกายหรือพลังหลิง มู่เฉินก็มีความสามารถสูง

ตัวปัญหาจริงๆ

แต่ก็มีเพียงศัตรูตัวฉกาจแบบนี้เท่านั้นที่สามารถปลุกวิญญาณการต่อสู้ของเขาได้ การเหยียบย่ำศัตรูเช่นนี้ให้อยู่ใต้ฝ่าเท้า ถึงจะทำให้เขาก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง!

เส้นทางของการฝึกฝนจำเป็นต้องเอาชนะศัตรูที่ทรงพลังครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่แล้ว!

“ฮ่าๆ เสียเปรียบเหรอ? น้อยคนที่จะทำให้ข้าเสียเปรียบได้ แต่ข้าไม่คิดว่าคนอย่างแกจะมีคุณสมบัติเป็นหนึ่งในนั้นนะ” จิงฉิงเทียนหัวเราะเสียงเย็น อึดใจต่อมาก็กระทืบเท้าลงไป อากาศที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าระเบิดออก ร่างเงาของเขากลายเป็นลำแสงสีทองยิงออกมาพร้อมกับเสียงคำรามของสิงโตในกำปั้นพุ่งเข้าซัดมู่เฉิน

แสงสีทองพร่างพราวปกคลุมร่างมู่เฉิน เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าก้องกังวานไปทั่วสรรพางค์กายไม่มีที่สิ้นสุด ทะเลพลังที่อยู่ข้างหลังก็ผันผวน พลังกายภาพและพลังงานหลิงหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ เขาเลือกเข้าประจัญบานกับพายุการโจมตีของจิงฉิงเทียนโดยตรง

ตู้ม! ตู้ม!

ร่างเงาสีทองสองร่างโรมรันพันตูกันอย่างดุเดือดบนท้องฟ้า กำปั้นและฝ่ามือซัดกันนัว การปะทะกันทุกครั้งทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง ขณะที่สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นฟ้าดินไปหมด

ที่เบื้องล่างทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะมองการปะทะกันบนท้องฟ้า คลื่นกระแทกที่กวาดออก ทำให้เมฆภายในรัศมีหลายหมื่นจั้งแตกสลายอย่างสมบูรณ์

ในเวลาเพียงไม่กี่นาที จอมยุทธ์ทั้งสองบนท้องฟ้าก็แลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปร้อยกว่าท่าแล้ว

ทั้งสองฝ่ายเลือกวิธีที่ตรงแรงที่สุดในการปะทะโดยไม่มีการหลบหลีกใดๆ ทุกหมัดซัดลงบนร่างกาย การเผชิญหน้าที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ทำให้หานซันและคนอื่นๆ รู้สึกว่าหนังหัวชาหนึบไปหมด

ฝั่งจิงเลี่ยและฮั่วหยังก็มีสีหน้าน่าเกลียดยิ่งขึ้น เมื่อมู่เฉินปะทะกับจิงฉิงเทียนแล้วยังไม่ตกอยู่ในฝ่ายเสียเปรียบ พวกเขาไม่คิดว่าต่อให้จิงฉิงเทียนจะงัดคลื่นหลิงในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุดออกมา เขาก็ยังไม่สามารถบดขยี้มู่เฉินได้

“ทำไมเจ้านั่นถึงทรงพลังขนาดนี้?” จิงเลี่ยกัดฟันพลางรู้สึกอึ้งในใจ ที่แท้หานซันก็ได้เชิญผู้ช่วยที่ทรงพลังเช่นนี้มา โชคดีที่ครั้งนี้พวกเขาเตรียมตัวมาอย่างดีไม่งั้นคงต้องแพ้ให้หานซันจริงๆ

“แม้ว่าไอ้นั่นจะทรงพลังแต่พื้นพลังยังคงอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นหกเท่านั้น ความหนาแน่นของคลื่นหลิงด้อยกว่าพี่ใหญ่อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาไม่น่าจะยืนหยัดได้นานในสถานการณ์นี้ได้”

ดวงตาของจิงเลี่ยวาบวับ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นอัจฉริยะ จึงมีสายตาค่อนข้างแหลมคม ดังนั้นเขาจึงพบจุดสำคัญในทันที แม้ว่าการต่อสู้ตอนนี้อาจจะดูสูสี แต่มู่เฉินจะแพ้แน่นอนหากการต่อสู้ถูกลากยาวออกไป

ตู้ม!

ภายใต้สายตาที่จับจ้องมามากมาย การปะทะกันน่าอัศจรรย์อีกครั้งก็เกิดขึ้นบนท้องฟ้า ร่างเงาทั้งสองถลาออกไป ขณะที่เสื้อผ้าขาดวิ่นกันไปหมด ท่าทางสะบักสะบอมกันน่าดู

บนร่างกายของพวกเขามีรอยฟกช้ำมากมาย พวกเขาประสบกับพลังทรงประสิทธิภาพของคู่ต่อสู้ ดีที่พวกเขามีพลังกายอันแข็งแกร่ง ไม่งั้นถ้าเป็นคนอื่นร่างกายคงแตกยับเยินไปนานแล้ว

การหายใจของจิงฉิงเทียนหนักหน่วง เขามองไปที่มู่เฉินด้วยสายตากระหายเลือด อึดใจก็ฉีกยิ้มให้มู่เฉิน ยื่นมือออกเช็ดเลือดที่มุมปาก เขาไม่ได้พูดอะไร สร้างตราประทับในมือทันที

โฮก!

เสียงคำรามของสิงโตที่น่าอัศจรรย์ดังกึกก้อง แสงสีทองพุ่งออกมาจากด้านหลัง สุดท้ายก็กลายเป็นร่างแสงสีทองขนาดพันจั้ง

นอกจากนี้ยังมีภาพซ้อนของหัวสิงโตทองคำแปดหัวบนหัวสิงโตขนาดใหญ่นั้นด้วย ทว่าหัวเหล่านั้นค่อนข้างเบลอและไม่ค่อยชัดเจน

แต่นั่นก็เพียงพอพิสูจน์ว่าจิงฉิงเทียนได้ปลุกสายเลือดราชสีห์ทองคำเก้าหัวแล้ว

“จิงฉิงเทียนถึงกับเรียกร่างเทพอสูรออกมาเลย…” เมื่อหานซันและคนอื่นๆ เห็นภาพนี้ดวงตาก็หดลง ในฐานะที่เป็นเทพอสูร พวกเขาเข้าใจดีว่าเมื่อเรียกร่างเทพอสูรขึ้นมาความแข็งแกร่งในการต่อสู้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ฮา

มู่เฉินมองราชสีห์ทองคำเก้าหัวที่ยืนตระหง่านก็สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด จากนั้นมือทั้งคู่ก็ประสานกันก่อร่างตราประทับ

แสงหลิงที่ไร้ขอบเขตกวาดเป็นวงรัศมี จากนั้นทุกคนก็สามารถเห็นร่างเทห์สวรรค์ใหญ่โตก่อตัวขึ้นที่ด้านหลังมู่เฉินอย่างช้าๆ

ร่างนี้มีสีทองเช่นเดียวกับพระพุทธรูปทองคำ มีดวงตะวันลุกโชติช่วงอยู่ด้านหลังศีรษะปกคลุมไปด้วยความลึกลับ สั่นสะเทือนทั่วฟ้าดิน

แกมีร่างเทพอสูร

ข้าก็มีร่างเทห์สวรรค์เช่นกัน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็มาดูกันว่าใครจะหัวเราะเป็นคนสุดท้าย?!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท