หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1051 บุกเข้าหุบเขา
“เป็นยังไงบ้าง?”
บนยอดเขาจิ่วโยวมองมู่เฉินที่ลืมตาขึ้นมาก็รีบถาม พื้นที่ตรงหน้านั้นอันตรายยิ่ง คิดว่าคงไม่ธรรมดาแน่นอน
เมื่อมู่เฉินเห็นทุกคนจ้องมองมาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ในหุบเขามีอสูรวิญญาณขั้นแปดสิบแปดตัว… และอสูรวิญญาณขั้นเก้าหนึ่งตัว”
“ซี้ด!”
พอได้ยินคำพูดของมู่เฉินแม้ว่าทุกคนจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเย็นเข้าลึกสุดปอด พวกเขาคาดว่าคงจะมีอสูรวิญญาณขั้นแปดอยู่ แต่ไม่นึกว่าจะมีอสูรวิญญาณขั้นเก้าด้วย
นั่นเป็นสิ่งที่สามารถเทียบเคียงได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าเลยนะ! ต่อให้อยู่ในเผ่าต่างๆ ก็สามารถได้รับตำแหน่งสูงส่ง กลายเป็นสมาชิกชั้นสูงในเผ่าได้
สายตาจิ่วโยวฉายแววเคร่งเครียด จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า ในอาณาเขตกงเวทสววรค์มีเพียงสามจอมพลเท่านั้นที่ไปถึงระดับนั้นได้…
“ข้าตั้งใจจะเข้าไป”
ทว่าขณะที่พรรคพวกกำลังตกตะลึง ประโยคต่อไปของมู่เฉินก็ทำให้พวกเขาสติหลุดไปเลย มากจนกระทั่งจิ่วโยวยังเบิกตากว้างมองมู่เฉินด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่านางไม่เข้าใจว่าทำไมมู่เฉินต้องการที่เข้าไปเสี่ยงตายเช่นนี้ อย่าว่าแต่กลุ่มของพวกเขาเลย ต่อให้กลุ่มระดับต้นอื่นๆ ทั้งหมดมารวมตัวกัน ก็เละไม่เป็นท่าแน่
มู่เฉินมองทุกคนที่อยู่ในอาการตกตะลึงก็กล่าวต่อ “พวกเจ้าไม่ต้องไปกับข้า ข้าจะเข้าไปคนเดียว”
เผชิญหน้ากับการรวมตัวที่ดุร้ายนี้ พวกเขาเข้าไปก็เป็นภาระ
คนอื่นๆ มองหน้ากัน สุดท้ายจิ่วโยวก็ขมวดคิ้วพูดว่า “เจ้าคิดจะใช้หัวใจพาฬกินสายฟ้าเหรอ?”
นางเข้าใจมู่เฉินดี แม้ว่าพลังของเขาจะไม่สามารถใช้เกณฑ์ปกติตัดสินได้ แต่ตอนนี้นอกจากว่าเขามีกองทัพทรงพลังและสามารถใช้พลังของจั้นเจินซือ ถึงมีความเป็นไปได้ที่เขาจะประจัญบานกับการรวมตัวน่าหวาดกลัวในหุบเขา แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีวิธีการอย่างว่าในเวลานี้ หากเป็นเช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว มู่เฉินตั้งใจจะใช้หัวใจพาฬกินสายฟ้า
“แต่เมื่อไรที่เจ้าไม่มีหัวใจพาฬกินสายฟ้า ไป๋หมิงเผ่าหงส์ฟ้าก็จะไม่กลัวเจ้าอีกต่อไป” หานซันอดไม่ได้ที่จะชี้ให้เห็นเรื่องนี้ ไป๋หมิงไม่ได้เป็นคนใจดี ก่อนหน้ามู่เฉินสามารถข่มขู่อีกฝ่ายด้วยหัวใจนี้ แต่ทันทีที่ใช้ไป ด้วยนิสัยของไป๋หมิงไม่มีทางปล่อยมู่เฉินไปได้แน่
มู่เฉินยิ้มจ้องมองไปที่หุบเขาที่เต็มไปด้วยรัศมีความตายตอบว่า “ข้านำหัวใจพาฬกินสายฟ้าออกมาเพื่อข่มขู่คนอื่นเท่านั้น ไป๋หมิงยังไม่คู่ควรที่ต้องใช้สิ่งนี้เพื่อปราบปราม”
คำพูดสงบเงียบแต่ความมั่นใจในตัวเองล้นปรี่ ไป๋หมิงเป็นจอมยุทธ์ที่น่าเกรงขามแท้จริงและจากการคาดการณ์ก็น่าจะมีขุมพลังจื้อจุนขั้นแปด นอกจากนี้ยังเป็นจอมยุทธ์ที่มีเล่ห์เหลี่ยมและครอบครองอาวุธเสมือนมหสวรรค์ พลังการต่อสู้มีมากกว่าอสูรวิญญาณขั้นแปดที่พวกเขาปะทะมาก่อนหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าแม้ไป๋หมิงจะทรงพลัง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามู่เฉินทำอะไรไม่ได้ ถ้าพวกเขาต่อสู้กันจริง มู่เฉินก็มั่นใจว่าไป๋หมิงไม่ได้ตามที่หวังแน่
นอกจากนี้ตัวเขาอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นหกระยะปลายสุด อีกก้าวเดียวก็จะก้าวเข้าสู่ขั้นเจ็ด หากเป็นเวลาปกติเขาคงต้องการเวลาฝึกฝนหนึ่งเดือนถึงจะลองบรรลุได้
แต่ตอนนี้เขากลับมีโอกาส นั่นก็คือดอกบัวมรกตเก้าโคจร แม้ว่าผลประโยชน์หลักจะแสดงให้เห็นตอนบรรลุขั้นตี้จื้อจุน แต่ยังไงมันก็บรรจุด้วยพลังงานที่บริสุทธิ์และมหาศาล หลังจากกลืนกินเข้าไปมู่เฉินก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเจ็ด
ทันทีที่เขาก้าวเข้าสู่ขั้นเจ็ด พลังอำนาจในการต่อสู้ก็จะยกสูงขึ้น ถึงเวลานั้นแม้จะไม่มีหัวใจพาฬกินสายฟ้า เขาก็ไม่กลัวไป๋หมิง
เมื่อคนอื่นๆ เห็นว่ามู่เฉินตัดสินใจแล้ว พวกเขาก็ไม่พยายามโน้มน้าวอีก นอกจากนี้พวกเขาก็รู้ถึงพลังของหัวใจพาฬกินสายฟ้า แม้ว่าการรวมตัวของอสูรวิญญาณในหุบเขาจะทรงพลัง แต่ก็ไม่อาจทนต่อการโจมตีของหัวใจพาฬได้
“งั้นก็ระวังตัว พวกเราจะถอยออกไปก่อน” จิ่วโยวพยักหน้าเชิงรับรู้ เนื่องจากพวกนางไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใดๆ แก่มู่เฉินหากรออยู่ที่นี่ ถ้ามีสิ่งใดเกิดขึ้นพวกเขาอาจทำให้มู่เฉินพะว้าพะวงด้วยซ้ำ
“ฝากดูรอบๆ ให้ข้าด้วย” มู่เฉินกล่าว เขาไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์หลังจากที่เขาจัดการอสูรวิญญาณทั้งหมดที่นี่ด้วยความยากลำบาก
จิ่วโยวพยักหน้า จากนั้นก็ไม่รอช้าหันหลังกลับทะยานออกไป แม้ว่าพวกหานซันจะอยากรู้เป้าหมายของมู่เฉิน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถามอะไร ตามจิ่วโยวไปอย่างรวดเร็ว
มู่เฉินมองส่งร่างเงาพรรคพวกที่แยกย้ายไปจนลับสายตา จากนั้นก็เลื่อนสายตามองไปที่หุบเขาเบื้องหน้าพลางสูดหายใจลึก หัวใจสีเงินที่แล่นแปลบปลาบด้วยสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นในมือ
“ต้องพึ่งเจ้าแล้วนะ คู่หู…” มู่เฉินพึมพำขณะกลายเป็นร่างแสงพุ่งเข้าไปยังหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยรัศมีความตาย
ยิ่งเข้าใกล้รัศมีความตายก็ยิ่งหนาทึบมากขึ้น ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆรัศมีความตายสีดำ สายฝนสีดำตกลงมา ทำให้บริเวณนี้ถูกปกคลุมด้วยไอเย็นเยือก
ภายใต้ความเย็นเยือกนี้ คลื่นหลิงในร่างกายของมู่เฉินก็เริ่มเฉื่อยชาลง ผิวหนังถูกปกคลุมด้วยไอเย็น ราวกับว่ากำลังกัดกร่อนร่างกายของเขา
เมื่อสัมผัสได้ถึงสถานการณ์นี้ มู่เฉินก็ไม่กล้าชักช้าเร้ากายามังกรหงส์อย่างรวดเร็ว แสงสีทองกำจายอยู่บนร่าง เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังก้องออกมาขับไล่รัศมีความตายที่บุกเข้ามาในร่างกายของเขาทั้งหมด
ฟิ้ว!
ด้วยการปกป้องร่างของกายามังกรหงส์ มู่เฉินก็พุ่งเข้าไปในหุบเขาที่ปกคลุมด้วยรัศมีความตายอย่างรวดเร็ว จังหวะที่เขาก้าวเข้าไปในหุบเขา เงาสีดำที่อยู่ในหุบเขาก็เบิกตาโพลง เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากปากของพวกมัน
วาบ!
เงาดำจำนวนมากพุ่งออกมาเปลี่ยนเป็นแสงสีดำซัดใส่มู่เฉิน พยายามล้อมฆ่าเขา
มู่เฉินมองเงาดำเหล่านั้นที่พุ่งเข้ามาก็ไม่กล้าเข้าโรมรันพันตู เพราะเขารู้ว่าถ้าถูกสกัดเอาไว้ วันนี้เขาคงไม่สามารถหนีจากหุบเขาไปได้แล้ว
ฮา!
มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึก ตราประทับเปลี่ยนไป วิญญาณหงส์ฟ้าแท้จริงที่สถิตอยู่บนแขนของเขาก็ขยับไปที่ด้านหลัง แสงหลิงพวยพุ่ง ปีกหงส์ฟ้าขนาดใหญ่คู่หนึ่งก็กางออก
ตู้ม!
ปีกหงส์ฟ้ากระพือวูบวาบ ความเร็วของมู่เฉินก็เพิ่มสูงขึ้น เขาทะยานผ่านแนวกีดขวางของอสูรวิญญาณขั้นแปดไปอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าไปในส่วนลึก
โฮก!
เมื่ออสูรวิญญาณเหล่านั้นเห็นว่าการสกัดกั้นล้มเหลวก็ส่งเสียงคำรามอย่างโกรธแค้น พวกมันกระโจนขึ้นก่อนที่จะทะยานล้อมรอบร่างมู่เฉิน
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ด้วยความช่วยเหลือของปีกหงส์ฟ้า ความเร็วของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นจนน่าตกใจ เขาผ่านการสกัดกั้นของอสูรวิญญาณอย่างคล่องแคล่ว โดยใช้ข้อบกพร่องจากการขาดสติปัญญาของพวกมัน ค้นหาช่องโหว่ พุ่งลึกเข้าไปในหุบเขาลึก
หลังจากเสียเวลาไปไม่กี่นาทีจากการตามล่าและการล้อมกรอบ ในที่สุดมู่เฉินก็เข้าสู่บึงน้ำ
ขณะที่เขาก้าวเข้ามายังบึงรัศมีความตาย อสูรวิญญาณขั้นเก้าที่นั่งอยู่บนต้นไม้ความตายในส่วนลึกก็เปิดตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นไม่ได้ว่างเปล่า เหมือนมีแสงไฟกะพริบเลือนราง เมื่อเปรียบเทียบกับอสูรวิญญาณขั้นแปด เห็นได้ชัดว่ามันมีร่องรอยของจิตวิญญาณ
โฮก!
อสูรวิญญาณขั้นเก้ามองไปในทิศทางของมู่เฉินก็ปล่อยเสียงคำรามลึกพลางชกหมัดออกมาจากระยะไกล
ตู้ม!
กำปั้นเหวี่ยงออก ฉีกรอยร้าวบนมิติราวกับเป็นกระจกร้าว รัศมีความตายไร้ขอบเขตเจาะทะลุมิติอย่างรวดเร็วแล้วมาปรากฏต่อหน้ามู่เฉิน ก่อนที่จะกระโจนเข้ามาอย่างดุร้าย
รัศมีความตายอันน่าสะพรึงกลัวครอบงำแผ่ซ่าน ตราประทับในมือมู่เฉินก็เปลี่ยนไป ร่างที่กำลังพุ่งก็แข็งทื่อ จากนั้นก็ทิ้งตัวลงมาจากท้องฟ้าราวกับก้อนหินหนักพันชั่งถ่วงไว้ เมื่อเหยียบย่ำลงไปบนพื้นดิน รัศมีความตายก็ลอยหวือเหนือร่างไป ทำลายผาหินขนาดใหญ่
แต่ถึงแม้ว่าจะสามารถหลบหลีกรัศมีความตายได้ มู่เฉินก็ยังรู้สึกถึงเลือดและรัศมีที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย เขาแอบตกตะลึงและหวาดผวาในใจ อสูรวิญญาณขั้นเก้าน่ากลัวเสียจริง…
หากเขาเผชิญหน้ากับมันตรงๆ ด้วยพลังในปัจจุบัน ต่อให้เขาใช้ทุกวิถีทางก็ไม่สามารถหลบอสูรวิญญาณขั้นเก้าไปได้…
เมื่ออสูรวิญญาณเห็นว่ามู่เฉินหลีกเลี่ยงการโจมตีไปได้ มันก็ไม่ได้ไล่ตามเพราะไม่ต้องการออกห่างจากดอกบัวมรกตเก้าโคจร เนื่องจากกลัวมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
แต่มู่เฉินต้องการดึงมันออกมาให้ได้ถ้าเขาต้องการใช้หัวใจพาฬกินสายฟ้า ความคิดสายหนึ่งวูบไหว จากนั้นเขาก็หันไปอีกทางหนึ่ง ชัดว่าคิดจะเข้าไปส่วนลึกบ่อจากขอบบ่อ
ด้านหลังแม้ว่าอสูรวิญญาณขั้นแปดเหล่านั้นจะไล่ตามมาไม่หยุด แต่พวกมันก็ไม่สามารถตามทันได้
โฮก!
อสูรวิญญาณขั้นเก้าก็รับรู้ถึงความตั้งใจของมู่เฉิน มันสัมผัสมู่เฉินที่เคลื่อนไหวลึกเข้าไปในบึงเรื่อยๆ ในที่สุดก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป ทันใดนั้นมันก็ปลดปล่อยเสียงคำราม รัศมีความตายครอบงำราวกับพายุทอร์นาโด
มันกระทืบเท้า ร่างหายไปทันที เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็อยู่ที่ขอบฟ้าแล้ว
ขณะที่อสูรวิญญาณขั้นเก้าเข้ามาอยู่ในสายตาของมู่เฉิน เขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันของบริเวณนี้พุ่งขึ้นฉับพลัน ความเจ็บปวดบนผิวหนังพล่านไป เนื่องจากสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามใหญ่หลวง
ดังนั้นมู่เฉินจึงหยุดชะงักทันที ปีกของหงส์ฟ้ากระพือ เขาหันไปทางอื่นแล้วหลบหนี
ที่เบื้องหลังอสูรวิญญาณขั้นเก้าไล่ตามมาพร้อมกับอสูรวิญญาณขั้นแปดตามติดมาอย่างกระชั้นชิด แม้ว่าพวกมันจะทรงพลังแต่สติปัญญาก็ขาดหาย
แต่สิ่งที่ทำให้มู่เฉินตกใจก็คือความเร็วของอสูรวิญญาณขั้นเก้า กระทั่งหลังจากการใช้จิตวิญญาณหงส์ฟ้าแท้จริง มันก็ยังสามารถปิดช่องว่างระหว่างพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว
ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันทรงพลังห่อหุ้มจากด้านหลัง เขาสามารถรับรู้ถึงกลิ่นความตายที่มาจากอสูรวิญญาณขั้นเก้าได้แล้ว
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป อสูรวิญญาณขั้นเก้าจะไล่ตามเขาทันในอีกไม่นาน
ดวงตาของมู่เฉินวูบไหว จากนั้นก็หายใจเข้าลึก ร่างเคลื่อนไหวไปปรากฏบนเนินเขาก่อนจะหันกลับมามองรัศมีความตายที่พล่านออกรุนแรง
มือของเขาเหยียดออกจากแขนเสื้อ หัวใจสีเงินเต้นตุบตับเปล่งเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง
“ได้โอกาสแล้ว…”
มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง จากนั้นสายตาก็ดุร้ายลงหลายส่วน ฝ่ามือสั่นไหว หัวใจสีเงินก็กลายเป็นแสงสีเงินพุ่งเข้าหารัศมีความตายเชี่ยวกราก