หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1057 มังกรพยัคฆ์สู้กัน
ครืน!
ภูเขาน้ำแข็งที่ดูราวกับหงส์ฟ้าสยายปีกพุ่งลงมาด้วยความเย็นไม่มีขีดจำกัด เมื่อความหนาวเย็นพัดผ่านกระทั่งมิติก็ยังถูกแช่แข็ง ช่างเป็นภาพงดงามตระการตาเมื่อมองจากระยะไกล
ทว่าภายใต้ความงดงามกลับเป็นอันตรายที่ทำให้หัวใจของผู้คนหวาดกลัว
เมื่อภูเขาน้ำแข็งขยายตัวอย่างรวดเร็วในม่านตาของมู่เฉิน เขาก็สูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าเคร่งขรึมลงหลายส่วน ก่อนที่จะเริ่มวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว
ฮึ่ม!
คลื่นหลิงทรงพลังระเบิดออกจากภายในร่างของมู่เฉินราวกับน้ำท่วม เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้าคลื่นพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากหลายเท่า
“ที่แท้ก็บรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดแล้วนี่เอง!” เมื่อรับรู้ถึงคลื่นพลังงานรอบตัวมู่เฉิน สายตาทุกคนก็วูบไหว ตอนที่พวกเขาพบกับมู่เฉินที่นอกสุสานสักการะเทพ เขาอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นหกระยะปลายสุดเท่านั้น ไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นในเวลาอันสั้นได้
แต่ถึงแม้จะบรรลุได้ เขาก็อยู่ที่ระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดเท่านั้น ขณะที่ไป๋หมิงอยู่ในขั้นแปดของแท้!
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตหมุนวนรอบตัวขณะที่สายตามู่เฉินกะพริบวูบไหว ตราประทับเปลี่ยนไปอีกครั้ง แสงสีทองเบ่งบานออกมาจากร่างกาย เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังก้องกังวาน มีแรงกดดันทรงพลังกระจายออกมาเบาบาง
มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่สถิตอยู่ในแขนของมู่เฉินส่งเสียงคำรามลั่นชั้นฟ้า แสงสีทองเอิบอาบไปทั่วเนื้อหนังของมู่เฉิน เกล็ดมังกรสีทองและปีกหงส์ฟ้าสีทองผุดขึ้นบนแขนของเขา ราวกับว่ากำลังก่อร่างเป็นชุดเกราะแขน ครอบคลุมแขนเขาเอาไว้เป็นชั้นๆ
พลังหลิงและพลังกายระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ในขณะนี้
ตู้ม!
แสงหลิงที่มองเห็นด้วยตาเปล่าผันผวนบนร่างของมู่เฉิน แรงกระเพื่อมทำให้จอมยุทธ์หลายคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้สึกถึงภัยคุกคามที่รุนแรงที่เกิดขึ้นจากมู่เฉิน
แม้แต่จอมยุทธ์ระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุดยังรู้สึกว่าหนังหัวลุกชันเมื่อเผชิญหน้ากับมู่เฉินในตอนนี้
“เจ้านั่นมีความสามารถใช้ได้ มิน่าล่ะถึงกล้าท้าทายไป๋หมิง!” ใบหน้าของจอมยุทธ์เหล่านั้นค่อยๆ เปลี่ยนเคร่งเครียด อาการเยาะเย้ยก่อนหน้าหายไปมาก นั่นเป็นเพราะภาพเบื้องหน้าพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดธรรมดาจะมีได้
ปัง!
เมื่อความคิดวนเวียนอยู่ในใจ พวกเขาก็เห็นมู่เฉินถอยกลับไปครึ่งก้าวหลังจากรวมพลังกายและพลังหลิงเข้าด้วยกัน ร่างของเขาราวกับคันธนู ศอกง้างกลับไปด้านหลังจากนั้นก็ซัดออกมา
หมัดดูเชื่องช้าราวกับเคลื่อนที่ผ่านโคลน ทว่าทุกคนสามารถมองเห็นมิติบิดเบี้ยวในวิถีหมัด ระลอกคลื่นกระจายออกไปจากกำปั้นของเขาอย่างต่อเนื่อง
ตู้ม!
หมัดเหวี่ยงออกไป แสงหลิงที่รุนแรงก็ถูกกวาดออกปะทะกับภูเขาน้ำแข็งที่เคลื่อนลงมาภายใต้สายตาเคร่งเครียดที่จับจ้องมากมาย
ความผันผวนที่มองเห็นได้ปะทุเปรี้ยงปร้าง รอยร้าวกระจายออกไปอย่างรวดเร็วบนลานประลอง ร่างของมู่เฉินถูกภูเขาน้ำแข็งกดลงไปหนึ่งชุ่น เท้าจมลงในแผ่นพื้นที่แข็งแรง
เมื่อมองจากที่ไกล มู่เฉินดูราวกับพยัคฆ์ร้ายที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง พยายามดิ้นรนอย่างขมขื่น
เมื่อไป๋หมิงเห็นภาพนี้จากบนท้องฟ้าก็ยิ้มเย็นพร้อมกับขยับไปปรากฏตัวบนภูเขาน้ำแข็ง ตั้งใจที่จะกระทืบฝ่าเท้าลงไปเพื่อให้มู่เฉินฝังตัวอยู่ในลานประลอง
แต่ขณะที่เท้าของเขากำลังจะเหยียบลงไป ภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็สั่นสะเทือน!
โฮก!
เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังก้องออกมาจากใต้ภูเขาน้ำแข็ง เสาแสงมังกรหงส์ขนาดหนึ่งร้อยจั้งก็พวยพุ่งขึ้นแยกภูเขาน้ำแข็งทะลุไปถึงยอด แสงสีทองที่ครอบงำนาบลงที่ใต้ฝ่าเท้าของไป๋หมิง
ใบหน้าของไป๋หมิงมืดครึ้ม ก่อนที่ร่างจะสว่างวาบหายไป ทิ้งภาพมายาไว้เบื้องหลังซึ่งถูกแสงสีทองแทงทะลุผ่านมา
ปัง!
แสงสีทองพุ่งขึ้นสู่ชั้นฟ้าดูราวกับเสาสูงตระหง่านที่เชื่อมโยงสวรรค์และโลก ภายใต้แสงสีทองอำไพ ภูเขาน้ำแข็งก็โยกคลอนก่อนที่จะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างรวดเร็วแล้วอันตรธานหายไป
เมื่อกลุ่มอื่นๆ บนแท่นบูชาเห็นภาพนี้ก็ตกใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดว่าการประลองซึ่งควรจะเป็นการต่อสู้ด้านเดียวจะเหนือความคาดหมายเช่นนี้
รัศมีเย็นเยือกค่อยๆ จางหายไป ทุกคนจ้องมองไป ก็เห็นมู่เฉินกำลังดึงขาขึ้นจากพื้นโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นสายตาจับจ้องที่ท้องฟ้า
จุดนั้นไป๋หมิงปรากฏตัวขึ้นในพริบตา แม้เขายังแสดงสีหน้าไม่แยแส แต่ในดวงตามีแววอัศจรรย์ใจปรากฏอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางเขาจะตกใจไปกับพลังที่มู่เฉินแสดงออกมาก่อนหน้า
ด้วยการรวมกันของพลังหลิงและพลังกาย แม้ว่ามู่เฉินจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่เขาครอบครองมีมากเกินขอบเขตไปไกลมาก
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมู่เฉินถึงกล้าท้าทายเขา ที่แท้ก็มีความสามารถบางอย่างนี่เอง
ตู้ม!
ขณะที่ดวงตาของไป๋หมิงกะพริบ มู่เฉินที่อยู่เบื้องล่างก็กระทืบเท้าลงบนพื้นส่งแรงพุ่งเป็นสายแสงทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าพุ่งเข้าหาไป๋หมิง
ความปั่นป่วนสะท้อนไปทั่วบริเวณ มู่เฉินยังกล้าเป็นฝ่ายเริ่มตีโต้กลับรึ?
ฟิ้ว!
มู่เฉินปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับเหนือไป๋หมิง มือวาดตราประทับอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกมา มิติบิดเบี้ยวที่ด้านหลัง จุดจื้อจุนไห่เผยขึ้นอย่างเลือนราง แสงสีทองพุ่งออกมารวมตัวกันเป็นร่างขนาดใหญ่ที่สูงตระหง่านประหนึ่งเทพเซียน
มู่เฉินซัดใส่อย่างโหดร้ายทันทีที่เริ่มการโจมตี เขาเร้าร่างเทพสุริยะตั้งแต่เริ่มต้น เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าไป๋หมิงเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากต่อกร ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะลากการต่อสู้ให้ยาวเลือกดึงพลังเต็มที่ออกมาอย่างรวดเร็ว
ร่างเทพสุริยะยืนอยู่บนท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยแสงสีทองและดูลึกลับมาก มู่เฉินปรากฏบนหัวร่างใหญ่พร้อมกับตราประทับในมือเปลี่ยนแปลงวูบไหว ดวงตะวันห้าดวงลุกโชติช่วงขึ้นจากร่างเทพสุริยะ สุดท้ายก็ระเบิดออกมา
“เปิดห้าตะวัน หอกสุริยะ!”
สายธารสีทองควบแน่นอยู่บนฝ่ามือของร่างเทพสุริยะกลั่นเป็นหอกทองคำขนาดใหญ่ที่มีดวงตะวันห้าดวงโคจรโดยรอบ เปล่งพลังทรงประสิทธิภาพออกมา
ด้วยขุมพลังปัจจุบันของมู่เฉิน เพียงแค่พลิกมือก็ใช้กระบวนท่าระดับนี้ออกมาได้
ฟิ้ว!
หอกทองคำพุ่งออกไป ทำให้อากาศระเบิดออก จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีทองพุ่งไปทางไป๋หมิง ความผันผวนที่น่าสะพรึงกลัวราวกับอุกกาบาตดิ่งลงมานำมาซึ่งการทำลายล้าง
“หึ!”
หอกทองคำกวาดลงมา ไป๋หมิงสัมผัสได้ถึงการโจมตีไร้ขอบเขตใบหน้าก็มืดครึ้มลง เขาเค้นเสียงเย็นชา ทันใดนั้นมือทั้งสองข้างก็ประสานเข้ากันสร้างตราประทับ สัญลักษณ์ลึกซึ้งกระจายออกมาจากฝ่ามือ ก่อนที่เขาจะกดลงไปที่อากาศตรงหน้า
“ขนหงส์ฟ้าน้ำแข็ง!”
ฮึ่ม!
แสงหลิงไร้ขอบเขตควบแน่นกลายเป็นขนนกสีฟ้าน้ำแข็งร้อยจั้งแผ่ซ่านด้วยไอเย็นสะท้านปะทะกับหอกทองคำ
ปัง!
คลื่นกระแทกรุนแรงพัดออกมา หอกทองคำและขนนกน้ำแข็งก็ระเบิดพร้อมกัน
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ขณะที่คลื่นกระแทกกวาดอาละวาด เสียงมวลลมพัดกระหึ่มก็ดังกึกก้องอยู่เบื้องหน้า ไป๋หมิงเงยหน้าขึ้นทันทีก่อนที่ม่านตาจะหดลง
สายธารสีทองสิบกว่าสายปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า สายธารแต่ละสายล้วนก่อจากหอกทองคำที่มีพลังพอจะจัดการจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุดให้บาดเจ็บหนักได้
เมื่อพลังของมู่เฉินเข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นเจ็ด เขาก็สามารถใช้พลังหอกสุริยะได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในอดีตเขาต้องเค้นความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะสามารถใช้การโจมตีกระบวนท่านี้ได้
ขนาดของกระบวนท่านี้เพียงพอที่จะทำให้เหล่าจอมยุทธ์รู้สึกหนังหัวชาดิกไปหมด
“ทักษะปัญญาอ่อน!”
พร้อมกับใบหน้าเย็นชา นิ้วของไป๋หมิงก็พวยพุ่งด้วยแสงเย็นเยือก เขาวาดตราประทับบนมิติตรงหน้า อึดใจต่อมานิ้วก็หยุดลง สายธารเย็นเยือกถั่งโถมออกมาก่อตัวเป็นโล่หนาขนาดพันจั้งที่มีภาพหงส์ฟ้าสยายปีกสลักอยู่ด้านบน ช่างงดงามและแข็งแกร่งมาก แม้แต่การโจมตีของจอมยุทธุ์มพลังจื้อจุนขั้นแปดก็ไม่สามารถเจาะทะลุผ่านได้
ปัง! ปัง!
หอกทองคำครางกระหึ่มกระแทกกับโล่หงส์ฟ้าน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการโจมตีจะดุร้ายก็ทำได้เพียงให้เกิดรอยแตกบนโล่ ไม่สามารถทะลุผ่านได้
“ไม่มีพลังระดับจื้อจุนขั้นแปด ก็ฝันไปเถอะที่จะทำลายโล่วิญญาณหงส์ฟ้าน้ำแข็งของข้า” ยืนอยู่ข้างหลังโล่ไป๋หมิงสาดยิ้มเย็นชา
ฮึ่ม!
ทันทีที่เขาพูดจบ แสงสีทองก็ระเบิดออกมาที่เบื้องหน้า ลำแสงสีทองสองสายยิงออกมาราวกับดาวหาง ซึ่งภายในก็คือคทาสีทองขนาดใหญ่สองเล่ม
นี่คือกระบวนท่าย่อยเปิดเจ็ดตะวัน—คทาขวางฟ้า!
ในอดีตมู่เฉินสามารถควบแน่นได้เพียงหนึ่งเล่มด้วยพลังกาย แต่เมื่อรวมกับการพัฒนาขุมพลังตอนนี้ เขาสามารถควบแน่นคทาสองเล่มได้เพื่อใช้โจมตีพร้อมกัน
พลังคทาสองเล่มเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดของแท้ก็ไม่กล้าประมาท
ตู้ม!
คทาสีทองทะลุขอบฟ้า อึดใจต่อมาก็กระแทกกับโล่วิจิตรบรรจง อาวุธทั้งสองชะงักลงชั่วคราว จากนั้นคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวก็กวาดออกมา โล่น้ำแข็งที่สามารถต้านการโจมตีของระดับจื้อจุนขั้นแปดก็ระเบิดออก
สะเก็ดน้ำแข็งและแสงสีทองสร้างหายนะไปทั่ว ไป๋หมิงก็ถอยร่นออกไปในสภาพที่น่าสมเพช ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด เห็นได้ชัดว่าการโจมตีรุนแรงกะทันหันของมู่เฉินทำให้เขาเสียเปรียบ
บริเวณใกล้เคียงเหล่าจอมยุทธ์ฉายแววตาตกตะลึง เพราะไม่มีใครคาดว่ามู่เฉินจะบีบให้ไป๋หมิงเข้าสู่สภาวะน่าอนาถได้
บนแท่นบูชาใบหน้าของไป๋ปิงก็เปลี่ยนเป็นความไม่เชื่อเช่นกัน ที่ด้านข้างใบหน้าของฉื่อหงหวู่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ทั้งสองไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะมีความแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับไป๋หมิงได้
บนแท่นบูชาภายใต้สายตาตะลึงพรึงเพริดนับไม่ถ้วน ไป๋หมิงก็ทรงตัวได้มั่นคงบนลานประลอง สายตาราวกับใบมีดขณะที่จ้องมองมู่เฉินด้วยสีหน้าโกรธแค้น
เขาไม่คิดว่าการจัดการกับมนุษย์คนนี้จะทำให้เขาลำบากเช่นนี้
ทว่าไป๋หมิงไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นความโกรธในใจจึงถูกระงับลงอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชาก่อนที่จะเหยียดมือออกช้าๆ แสงเย็นเยือกวูบไหว พัดขนนกน้ำแข็งสีฟ้าก็ปรากฏขึ้น
เมื่อไป๋หมิงจับพัด แม้แต่มู่เฉินก็ต้องหดตาลง เนื่องจากภัยคุกคามจากอีกฝ่ายในตอนนี้ถูกยกขึ้นไปอีกขั้น
“ในที่สุดก็จะใช้อาวุธเสมือนมหสวรรค์แล้วเรอะ”
**สำนวน มังกรพยัคฆ์สู้กัน แปลได้ว่า การต่อสู้ดุเดือดหรือหฤโหดมาก