หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1059

ตอนที่ 1059

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1059 สังเวยโลหิตหงส์ฟ้า
เมื่อแสงสีดำและหงส์ฟ้าน้ำแข็งปะทะกัน

ฟ้าดินก็มืดมนลง ราวกับว่าสวรรค์และโลกกำลังหวาดกลัวกับผลกระทบที่น่ากลัว

ผลกระทบนี้ไม่ได้สร้างเสียงขนาดใหญ่เมื่อระเบิดออก แต่เป็นความเงียบที่ทำให้หัวใจสั่นสะท้าน แต่ความเงียบก็คงอยู่ไม่นาน ก่อนที่ทุกคนจะเห็นคลื่นกระแทกเย็นยะเยือกระเบิดออกมา

แคร็ก!

ท้องฟ้าถูกแช่แข็งทันทีที่กระแสเย็นเยือกเคลื่อนผ่านจนกลายเป็นโลกน้ำแข็ง แต่น้ำแข็งนั่นไม่ได้เป็นสีฟ้าเหมือนแต่ก่อน กลับเป็นสีดำมืด บรรจุด้วยพลังงานที่น่ากลัวสองสาย

กระแสน้ำแข็งป่าเถื่อนพัดผ่าน แท่นบูชาขนาดใหญ่ก็ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง บนแท่นบูชาทั้งหมดมีเพียงลานประลองสองแห่งที่ปลดปล่อยคลื่นหลิงที่สร้างหายนะต่อต้านการครอบงำของกระแสไอเย็นได้

เมื่อรับรู้ถึงความผันผวนแปลกประหลาด คู่ประลองที่เหลือที่กำลังโรมรันพันตูก็ชะลอตัวลง ทั้งหมดเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ มองไปยังต้นกำเนิดของคลื่นกระแทกที่น่ากลัว

“มู่เฉินสามารถยืนหยัดกับการเผชิญหน้ากับไป๋หมิงได้เรอะ?” เมื่อพวกเขาทั้งสี่เห็นฉากนี้ จิตใจก็สั่นไหว จากนั้นใบหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียดลง เมื่อก่อนบางทีพวกเขาไม่ได้มองว่ามู่เฉินเป็นคู่ต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้มองในแง่ดีเกี่ยวกับผลลัพธ์ของเขาเมื่อเผชิญหน้ากับไป๋หมิง แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่ามองพลาดไป

ดวงตาของข่งหลิงกะพริบเบาๆ ก่อนที่จะส่ายหัว มู่เฉินอยู่เหนือความคาดหมายก็จริง แต่โชคดีที่พวกนางไม่เคยขัดแข้งขัดขากันมาก่อน ไม่เช่นนั้นคงจะลำบากที่มีศัตรูเช่นนี้

“เฮ้ ดูเหมือนความช่วยเหลือจากข้าเป็นหมันซะแล้ว เจ้านั่นรักษาชีวิตเอาไว้เองได้” ลู่โหวเผ่าวานรทะลุฟ้ายิ้มเยาะตนเอง เมื่อครู่เขายังบอกด้วยว่าถ้ามู่เฉินแพ้ เขาจะช่วยปกป้องชีวิตให้ แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ปัจจุบันชัดว่ามู่เฉินไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรเลย

จงชิงเฟิงเผ่าคุนเผิงจ้องมองที่มู่เฉินอย่างลึกล้ำเช่นกัน อันที่จริงเขาเคยได้ยินชื่ออีกฝ่ายมานานแล้ว จงเถิงและมู่เฉินเหมือนมีความขัดแย้งกัน ก่อนหน้านี้ยังส่งสารมาขอให้เขาช่วยจัดการ ตอนแรกเขาคิดว่าถ้ามีโอกาสก็จะช่วยซะหน่อย แต่ตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบันจะเป็นการดีกว่าที่เขาจะสลายความคิดบ้าบอและเตือนจงเถิงว่าอย่ายั่วยุคนที่เหี้ยมหาญเช่นนี้

“ด้วยพลังการต่อสู้ที่มู่เฉินแสดงออกมา เขาน่าจะสามารถสู้รับมือไป๋หมิงได้อีกสักพัก อืม…ก็ดี ต่อให้จะไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ราบรื่นนักที่จะได้รับแก่นมรดกโลหิตวิหคอมตะ”

“บ้าเอ๊ย!”

ขณะที่ทุกคนมีความคิดไหลเวียนอยู่ในใจ ใบหน้าของไป๋หมิงก็มืดครึ้มลง เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดสนิท ลำแสงสีดำและหงส์ฟ้าน้ำแข็งต่างก็ครอบครองท้องฟ้าอย่างละครึ่ง แต่ละฝ่ายออกฤทธิ์อย่างบ้าคลั่งพยายามสลายฝ่ายตรงข้าม แต่สุดท้ายทั้งสองก็ไม่สามารถบรรลุผล ซึ่งส่งผลทำให้สถานการณ์หยุดชะงักลง

ทว่าสถานการณ์ชะงักงันไม่ได้เป็นสิ่งที่ไป๋หมิงต้องการเห็น

เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดบวกกับอาวุธเสมือนมหสวรรค์จะไม่สามารถแม้แต่จะฆ่าสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดได้

“ฝันไปเถอะที่คิดจะเอาชนะข้าวันนี้!” สายตาของไป๋หมิงกะพริบพร้อมกับความเย็นชา จากนั้นตราประทับก็เปลี่ยนแปลง พัดหงส์ฟ้าน้ำแข็งพุ่งออกมาพร้อมกับกระแสเย็นเยือกขยายตัวออกมา คลื่นพลังหลั่งไหลลงไปไม่หยุดยั้งพยายามที่จะทำลายลำแสงสีดำ

มู่เฉินยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะ สัมผัสได้ว่าแรงกดดันที่มาจากหงส์ฟ้าน้ำแข็งกำลังเพิ่มสูงขึ้น เห็นได้ชัดว่าไป๋หมิงกำลังเพิ่มพลังงานให้กับหงส์ฟ้าน้ำแข็งเพื่อเอาชนะเขา

“เจ้าประเมินการโจมตีของข้าที่ใช้ของเหลวจื้อจุนล้านหยดน้อยไป”

ทว่าเมื่อเผชิญกับสิ่งนี้ รอยยิ้มเยาะเย้ยก็ยกขึ้นที่มุมปากของมู่เฉิน เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ปริมาณของเหลวจื้อจุนจำนวนมากในการใช้งานเนตรดับชีวิตทุกครั้ง ราคานั้นเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของมู่เฉินเจ็บปวด แต่สิ่งเดียวที่เขารู้สึกสบายใจก็คือหลังจากที่กลืนกินของเหลวจื้อจุนจำนวนมากการโจมตีของเนตรดับชีวิตก็คุ้มค่ายิ่งนัก

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มู่เฉินก็ไม่ลังเลต่อไป ด้วยการเคลื่อนไหวเนตรดับชีวิตบนหน้าผากก็เปิดออกพร้อมกับเปล่งรัศมีทรงกลดสีดำ

ราวกับว่ามีสัญลักษณ์สีดำรวมตัวกันอย่างลึกซึ้ง

ฟิ้ว!

แสงสีดำละเอียดถูกยิงออกมาจากเนตรดับชีวิต พุ่งบิดเกลียวราวกับฟ้าฟาดรวมเข้ากับแสงสีดำที่กำลังเผชิญหน้ากับหงส์ฟ้าน้ำแข็ง ทันใดนั้นลำแสงสีดำก็ขยายตัว คลื่นกระแทกสีดำที่น่าหวาดกลัวกวาดออก ทำให้เกิดรอยแตกบนมิติโดยรอบเลยทีเดียว

“แตก”

เสียงแผ่วเบาเปล่งออกจากปากมู่เฉินในขณะนี้

ตู้ม!

เมื่อถ้อยคำหลุดออกมาจากปาก ลำแสงสีดำที่น่ากลัวก็ตอบสนองราวกับว่าได้รับคำสั่งจากเทพทำลายล้างพุ่งลงมาบนโลกมนุษย์ แสงสีดำสั่นเทิ้มทะลุผ่านหงส์ฟ้าน้ำแข็งขนาดใหญ่ไป

หลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏบนร่างหงส์ฟ้าน้ำแข็ง กัดกร่อนร่างนั้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ

ทันทีที่หงส์ฟ้าน้ำแข็งถูกเจาะผ่าน สีหน้าของไป๋หมิงก็เปลี่ยนไปรุนแรง ความไม่อยากเชื่ออัดแน่นในดวงตา การโจมตีจากพัดหงส์ฟ้าน้ำแข็งเต็มกำลัง ไม่เพียงจะถูกต่อต้านโดยมู่เฉิน แต่ยังถูกทำลายลงอีกด้วยเรอะ?

“เป็นไปได้ยังไง?!” สีหน้าอำมหิตปกคลุมใบหน้าของไป๋หมิงพลางคำรามด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว

ฟิ้ว!

แต่มู่เฉินไม่ใส่ใจกับความรู้สึกของไป๋หมิงในขณะนี้ ลำแสงสีดำที่ควบแน่นด้วยราคาของเหลวจื้อจุนล้านหยดอ่อนล้าลงอย่างมากหลังจากการทะลุผ่านร่างหงส์ฟ้าน้ำแข็ง แต่ก็ยังไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเพียงแค่คิด ลำแสงสีดำก็พลิกกลับฉับพลันกวาดไปทางไป๋หมิง

เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที่จะกำจัดอีกฝ่าย

“แกคิดฆ่าข้าเรอะ? เพ้อเจ้อแล้ว!”

เมื่อไป๋หมิงเห็นฉากนี้ ม่านตาก็หดลงก่อนที่จะคำรามลั่น ฝ่าเท้ากระแทกลง พายุทอร์นาโดก็พวยพุ่งออกมาก่อร่างเป็นหงส์ฟ้าน้ำแข็งขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลัง หงส์ฟ้าน้ำแข็งตัวนี้เปล่งประกายแวววาวประหนึ่งอัญมณี แรงกดดันทรงพลังกำจายออกมา

ไป๋หมิงถูกบีบให้ต้องนำร่างเทพอสูรออกมาแล้ว

ร่างของไป๋หมิงเคลื่อนไหวไปปรากฏบนหงส์ฟ้าน้ำแข็ง จากนั้นมือก็คว้าจับพัดหงส์ฟ้าน้ำแข็งที่ลอยบนท้องฟ้า กระแสเย็นเยือกไหลออกมา แสงน้ำแข็งสีฟ้าวูบไหว

“หงส์ฟ้าน้ำแข็งป้องกัน!

ทันใดนั้นพัดน้ำแข็งในมือของไป๋หมิงสั่นสะท้าน กระแสเย็นเยือกหลั่งไหลออกมา หงส์ฟ้าน้ำแข็งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็พ่นคลื่นพลังรุนแรง เมื่อหมุนคว้างไปก็กลายเป็นม่านพลังขนาดหนึ่งพันจั้งบนท้องฟ้าปกป้องเขาไว้

ตู้ม!

ลำแสงทำลายล้างปะทะม่านพลังก่อนที่เสียงกัมปนาทจะดังออกมา รอยแตกกระจายอย่างรวดเร็วครอบคลุมม่านพลังทั้งหมด

ปัง!

เมื่อม่านพลังมาถึงขีดจำกัดก็ระเบิดออก ไป๋หมิงที่ยืนอยู่บนหงส์ฟ้าน้ำแข็งได้รับผลกระทบจากการระเบิด เลือดกระอักเต็มปาก ใบหน้าของเขามืดครึ้มลง

ฮือฮา

เมื่อคนอื่นมองเห็นภาพนี้ก็อดสูดปากดูดอากาศไม่ได้ เพราะไม่มีใครคิดว่าไป๋หมิงจะเป็นคนแรกที่ได้รับบาดเจ็บจากการเผชิญหน้ากับมู่เฉิน

“ปะ… เป็นไปได้ยังไง?!” เมื่อไป๋ปิงเห็นภาพนี้ใบหน้าก็ซีดเผือดลง

ที่ด้านข้างฉื่อหงหวู่ก็แสดงออกอย่างเคร่งขรึม มาถึงจุดนี้ถ้าใครยังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนจอมยุทธ์ขุมพลังจือจุนขั้นเจ็ดทั่วไปก็โง่เต็มทีแล้ว

ครั้งนี้ไป๋หมิงเตะแผ่นเหล็กเข้าให้แล้ว

มู่เฉินยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะมองไปที่ไป๋หมิงที่กระอักเลือดออกมา ใบหน้าไม่มีริ้วอารมณ์ใด ในทางตรงกันข้ามเขารู้สึกเสียดายเล็กน้อย ปฏิกิริยาของไป๋หมิงรวดเร็วไปหน่อย เขาเพิ่มการป้องกันออกมาทันทีที่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เลือดเต็มปากเป็นเพียงสัญญาณบ่งบอกว่าได้รับผลกระทบบางอย่าง ส่วนแสงเนตรดับชีวิตก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว

ของเหลวจื้อจุนหนึ่งล้านหยดที่ใช้ลงไป สามารถจัดการไป๋หมิงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ชายคนนี้จัดการยากแท้จริง

ไป๋หมิงยืนอยู่บนหงส์ฟ้าน้ำแข็งค่อยๆ เช็ดรอยเลือดออกจากมุมปาก สายตาจ้องมองมู่เฉินด้วยแววมืดมน เสียงของเขาค่อนข้างแหบห้าวพูดว่า “กระบวนท่าเมื่อครู่แกยังสามารถโจมตีได้อีกกี่ครั้ง?”

การโจมตีกระบวนท่าเมื่อครู่ของมู่เฉินน่าสะพรึงกลัวก็จริง แต่เขารู้ว่ามีขีดจำกัดในการโจมตีประเภทนี้แน่นอน มิฉะนั้นไม่มีใครทนรับได้ถ้ามู่เฉินเปิดตัวการโจมตีอีก

“อยากลองไหม?” เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนั่นก็ยิ้ม

“มาเลย!”

ไป๋หมิงยิ้มเย็นจากนั้นก็กระทืบเท้า หงส์ฟ้าน้ำแข็งที่อยู่เบื้องล่างกางปีกบินออกไป ขณะที่ปีกกระพือกระแสเย็นเยือกนับพันจั้งก็พุ่งเข้าหาร่างเทพสุริยะ

ตู้ม!

ร่างเทพสุริยะก็ทะยานเข้ามาในเวลาเดียวกัน แสงสีทองพุ่งออกไปในทุกทิศทุกทางต่อต้านกระแสเย็นเยือกอันน่ากลัว ก่อนที่จะรัวการโจมตีเป็นชุด

บนท้องฟ้าแสงสีทองและกระแสเย็นเยือกครางกระหึ่ม ร่างใหญ่ทั้งสองปะทะกันไม่หยุด แรงกระแทกนั้นทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน เบื้องบนร่างมหึมามีคนสองคนแลกกระบวนท่า พวกเขาหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างจนถึงขีดสุด แต่ละคนวูบไหวราวกับสายฟ้า สร้างภาพมายากระจายเต็มท้องฟ้า

ในเวลาไม่กี่นาทีทั้งสองก็แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันหลายร้อยกระบวนท่า ทุกการปะทะราวกับจะฉีกขาดท้องฟ้า

บนแท่นบูชาทุกคนได้แต่ตะลึงกับการบู๊ล้างผลาญครั้งนี้ จิตสังหารและคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตซึ่งปล่อยออกมาจากทั้งสอง ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว

ขณะนี้ทั้งสองโรมรันพันตูกันจนกระทั่งดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

ตู้ม!

บนท้องฟ้ากำปั้นใหญ่โตของร่างเทพสุริยะและปีกของหงส์ฟ้าน้ำแข็งปะทะกัน มู่เฉินเหวี่ยงฝ่ามือออกปะทะกับหมัดไป๋หมิง

คลื่นกระแทกที่ครอบงำสร้างหายนะ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายถูกผลักกลับไปพร้อมกับคลื่นหลิงที่ผันผวนรอบตัวยุ่งเหยิงไปหมด พวกเขาได้รับความเดือดร้อนจากคลื่นกระแทกอย่างชัดเจน

การต่อสู้ดุเดือดจบลงที่เสมอกัน

“บ้า! บ้าเอ๊ย!”

แต่การตึงมือกันนี้กลับทำให้ดวงตาของไป๋หมิงแดงฉาน คนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองเช่นเขาไม่สามารถยอมรับได้ว่าจะถูกมนุษย์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดสร้างความปั่นป่วนให้ขนาดนี้

“ไม่ว่าจะต้องจ่ายราคาเท่าไร ข้าก็จะฝังแกไว้ที่นี่!” ไป๋หมิงคำรามลั่นด้วยจิตสังหารรุนแรง

เมื่อเห็นไป๋ปิงเห็นสีหน้าโหดเหี้ยมเพียงนี้ สีหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แววตื่นระวังลุกโชนในดวงตา

เขารู้ว่าด้วยพลังและสถานะของไป๋หมิงจะต้องมีไพ่ตายอยู่แน่ เหตุผลที่อีกฝ่ายไม่ใช้ก่อนหน้าก็เพราะเสียดายในการใช้ แต่หลังจากถูกบังคับให้มาถึงจุดนี้ก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

ดวงตาของไป๋หมิงเป็นสีแดงฉาน จิตสังหารรุนแรงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาจ้องเขม็งที่มู่เฉิน จากนั้นก็กระทืบเท้า หงส์ฟ้าน้ำแข็งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าส่งเสียงร้องครางก่อนที่จะพ่นแก่นเลือดออกมา

แก่นโลหิตนั้นบรรจุด้วยคลื่นหลิงไร้ขอบเขต

ไป๋หมิงแตะนิ้วลงไป พัดหงส์ฟ้าน้ำแข็งในมือก็บินออกไป ราวกับว่าเปิดปากกลืนกินเลือดเข้าไป

ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีซีดทันที

พัดน้ำแข็งสีฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง โดยมีเส้นเลือดสีแดงเต้นยุบยับขึ้นบนตัวพัด กลิ่นคาวเลือดรุนแรง มองดูอำมหิตมาก

ไป๋หมิงมองดูการเปลี่ยนแปลงของอาวุธคู่กาย ก็ปล่อยเสียงคำรามลึกดังก้องไปทั่วขอบฟ้า

“สังเวยโลหิตหงส์ฟ้า!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท