หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1072

ตอนที่ 1072

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1072 วังสวรรค์บรรพกาลปรากฏ
เมื่อดินแดนเสินโซ่ปิดตัวลง

ความปั่นป่วนก็กวนตัวในเผ่าเทพอสูร แม้ว่าความสำเร็จของมู่เฉินจะน่าตกตะลึง แต่ก็ยังก่อให้เกิดการถกเถียงมากมายในเผ่าเทพอสูรของมหาพันภพ

แม้ว่าจะมีเผ่าเทพอสูรมากมายเข้าร่วมการเข้าไปในดินแดนเสินโซ่ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เช่นเผ่ามังกรซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะเจ้าเหนือหัวของเผ่าเทพอสูรทั้งปวง พวกเขาไม่ได้ส่งจอมยุทธ์เข้าร่วม ขณะที่ไป๋หมิงก็เป็นเพียงจอมยุทธ์รุ่นใหม่ชั้นนำของเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งซึ่งเป็นเผ่าย่อยของเผ่าหงส์ฟ้าเท่านั้น แม้ว่าเขาจะค่อนข้างโด่งดัง แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวแทนสายเลือดสูงส่งของเผ่าหงส์ฟ้า สำหรับจอมยุทธ์ที่เป็นเสาหลักของเผ่าหงส์ฟ้า การล่อลวงของดินแดนเสินโซ่ไม่มากพอสำหรับพวกเขาเช่นเดียวกับไป๋หมิง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการลดระดับตนเองลงมาร่วมในงานเช่นนี้

ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงคิดแค่ว่าคุณภาพของจอมยุทธ์ที่เข้าร่วมในดินแดนเสินโซ่ครั้งนี้ต่ำลง ส่งผลให้มนุษย์อย่างมู่เฉินโดดเด่นขึ้นมาถ้าเขาพบกับจอมยุทธ์ชั้นสูงแท้จริงของเผ่าเทพอสูร มู่เฉินก็คงไม่สามารถได้รับความสำเร็จที่โดดเด่นเช่นนี้ได้

ทว่าการโต้เถียงก็เป็นเพียงลมปาก ทุกคนรู้ว่าถ้าพวกเขาต้องการรู้มาตรฐานของมู่เฉินจริง สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือท้าประลองในสักวันหนึ่ง เมื่อถึงตอนนั้นก็จะพบเองว่ามู่เฉินทรงพลังมากเกินไปหรือไป๋หมิงอ่อนแอเกินไป

ในบางแง่มุม ดินแดนเสินโซ่ก็เป็นเพียงประสบการณ์สำหรับเผ่าเทพอสูร ดังนั้นนอกเหนือจากเผ่าเทพอสูรก็ไม่ได้ทำให้เกิดระลอกคลื่นในมหาพันภพ แม้แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

ดังนั้นอาณาเขตกงเวทสวรรค์จึงสงบสุขเช่นเคย

หลังจากสงครามล่าหมู่ตึกเทวะก็ถูกตัดแบ่งอย่างสมบูรณ์ ภายใต้พันธมิตรภูมิภาคทางเหนือที่ได้รับการแนะนำจากมั่นถัวหลัวจำนวนความขัดแย้งก็ลดลง ขั้วอำนาจสูงสุดต่างกำลังย่อยส่วนที่ได้จากหมู่ตึกเทวะ ไม่มีความเป็นศัตรูกันเหมือนเมื่อก่อน

ภายใต้ความกลมกลืนดังกล่าวชื่อเสียงของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็เพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาคทางเหนือ ซึ่งมีแววจะแซงหน้าหมู่ตึกเทวะในอดีตไปแล้ว

จอมยุทธ์ภูมิภาคทางเหนือไม่ได้โง่ ทุกคนสามารถบอกได้ว่าแม้ภูมิภาคทางเหนือจะตั้งพันธมิตร แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ยังมีเสียงในคำพูดมากกว่า

ผู้นำขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ก็ยังสุภาพเมื่อพบปะกับมั่นถัวหลัว เพราะตอนนี้นางเป็นจอมยุทธ์เพียงคนเดียวในภูมิภาคทางเหนือที่บรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายแล้ว

ความแข็งแกร่งของนางเหนือกว่าประมุขแถวหน้าคนอื่นๆ

ดังนั้นถึงแม้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะไม่แสดงสัญญาณในการครอบครองทั้งภูมิภาค แต่ก็ไม่มีใครสงสัยศักยภาพของพวกเขา ดังนั้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาอิทธิพลของสำนักจึงขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยการหลั่งไหลของจอมยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วน ส่งผลให้สำนักขึ้นกุมอำนาจสูงสุด แม้แต่ภูมิภาคอื่นๆ ของทวีปเทียนหลัวก็ยังรู้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์เติบโตขึ้นในภูมิภาคทางเหนือ

ทวีปเทียนหลัว ภูมิภาคทางเหนือ อาณาเขตกงเวทสวรรค์

บนยอดเขาสีฟ้าใสในจุดลึกของสำนักปกคลุมไปด้วยหมู่เมฆ ร่างเงาเล็กนั่งอยู่บนยอดเขาพร้อมกับเมฆเคลื่อนคล้อยตามลมหายใจของนาง มิติบิดเบี้ยวอยู่รอบตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพเงาของนางช่างคลุมเครือ ราวกับว่าจะจางหายไปกับเวลา

ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้นานแค่ไหน ทันใดนั้นนางก็เปิดตากวาดม่านตาสีทองคำออกไป ทำให้ยอดเขาสั่นไหว พลังงานหลิงโดยรอบพวยพุ่งขึ้นราวกับคลื่นมหาสมุทร กลายเป็นคลื่นพลังงานหลายหมื่นจั้ง จากนั้นนางก็อ้าปากกลืนกินทั้งหมด

หลังจากดูดซับคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตแล้ว ม่านตาสีทองคำก็เปล่งประกายก่อนจะค่อยๆ สงบลง มือเล็กสร้างตราประทับ ทำให้มิติด้านหลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนที่พีระมิดสีทองขนาดใหญ่โตจะปรากฏขึ้นในมิติที่แตกเป็นเสี่ยงๆ นั่น

พีระมิดสีทองปกคลุมไปด้วยลวดลายโบราณที่ดูเหมือนสร้างมาจากดวงดาว การกะพริบทุกครั้งทำให้เกิดคลื่นพลังงานทางที่น่ากลัว

หมันถั่วหลัวมองลวดลายบนพีระมิดสีทอง แสงสีทองพลุ่งพล่านราวกับกำลังคำนวณอะไรบางอย่าง ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้กินเวลาไปตลอดหนึ่งเดือน

ในอีกหนึ่งเดือนถัดมา ร่างเล็กของมั่นถัวหลัวก็สั่นสะท้าน ทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้น ม่านตาสีทองคำมองพีระมิด ภาพดวงดาวบนนั้นก็พร่างพราวค่อยๆ แยกออกมา ก่อนที่จะรวมตัวกันในท้องฟ้า แสงดาวแผ่กระจายก่อตัวเป็นแผนภาพหมู่ดาว

มั่นถัวหลัวมองดูแผนภาพหมู่ดาวลึกลับ ความสุขก็ปรากฏบนใบหน้าเงียบสงบ สายตาของนางพุ่งตรงไปที่ระยะไกลราวกับว่ากำลังมองทะลุผ่านมิติที่ไม่มีที่สิ้นสุด

“ในที่สุดวังสวรรค์บรรพกาลก็จะปรากฏแล้วรึ?”

ขณะที่มั่นถัวหลัวรู้สึกถึงบางสิ่งผ่านพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ สถานที่แห่งหนึ่งในทิศตะวันออกของทวีปเทียนหลัว ที่นี่คือที่ราบขั้วโลกที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนธรรมดาก็ไม่สามารถต้านทานได้ ลมพายุแข็งแกร่งที่พัดผ่านสามารถฉีกใครก็ตามที่อยู่ภายใต้ระดับจื้อจุนขั้นห้าให้แหลกเป็นชิ้นๆ

ทันใดนั้นดวงดาวบนท้องฟ้าของดินแดนน้ำแข็งรกร้างก็สว่างไสวขึ้น แสงดาวส่องลงมาพร้อมรอยแตกปรากฏในเส้นทางของแสงดาว…

รัศมีรกร้าง โบราณและไร้ขอบเขตที่อยู่ในรอยแตกก็ราวกับเคลื่อนผ่านกาลเวลากวาดออกมา

มิติบิดเบือนเป็นครั้งคราว เมื่อมองผ่านรอยแตกเข้าไปก็เหมือนจะเห็นภาพตำหนักโบราณที่ปกคลุมไปด้วยหมู่เมฆ ซึ่งสามารถก่อกวนจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนได้ทุกผู้ทุกนาม

ขณะที่รอยแตกปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เหล่าประมุขจากขั้วอำนาจสูงในทวีปเทียนหลัวรวมถึงจอมยุทธ์ที่บรรลุระดับตี้จื้อจุนก็สามารถสัมผัสได้ ทันใดนั้นสายตาของพวกเขาก็มองไปยังทิศทางดินแดนน้ำแข็งด้วยความตื่นตระหนกตกใจ

ขณะนี้แม้แต่ยอดยุทธ์เหล่านี้ที่มักสงบนิ่งก็ผุดลุกขึ้นความสุขกระจายบนใบหน้า

“รัศมีนี้…วังสวรรค์บรรพกาล! ในที่สุดก็จะปรากฏขึ้นแล้ว!”

ทางเหนือของมหาพันภพ

ที่นี่เป็นดินแดนที่ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง ย้อมทุกอย่างเป็นสีแดงฉาน พื้นที่แห่งนี้ด้อยกว่าทวีปเทียนหลัวมาก แต่ในมหาพันภพชื่อเสียงของที่นี่กลับไปไกลเกินกว่าทวีปเทียนหลัวไม่รู้กี่เท่า

นั่นเป็นเพราะมีอีกชื่อที่เรียกขานสำหรับที่นี่

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว

เจ้าเหนือหัวของดินแดนนี้เป็นที่รู้จักกันในฉายาเทพจักรพรรดิอัคคี

ชายที่มาจากพิภพเขตล่างและก่อตั้งแคว้นนี้ขึ้นในเวลาเพียงร้อยปี ชื่อเสียงของเขาดังก้องไปทั่วมหาพันภพ โดยเป็นใหญ่ในทิศหนึ่งของมหาพันภพเลยทีเดียว ตัวเขาก็ก้าวขึ้นสู่การเป็นยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพ

สำหรับจอมยุทธ์ในมหาพันภพ เขาเป็นตำนานมีชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย กระทั่งเวลานี้ที่ซึ่งมีจอมยุทธ์ระดับเทียนจื้อจุนมากมาย เขาก็คือการดำรงอยู่ที่ดึงดูดสายตาทุกคน

ที่ใจกลางดินแดนเป็นเมืองคู่บารมีที่เต็มไปด้วยมหาสมุทรเปลวเพลิงบนท้องฟ้า ช่างดูตระการตาอย่างยิ่ง

ในศาลาหินที่เงียบสงบในเมือง ชายชราและชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมกับกระดานหมากล้อมบนโต๊ะ

ชายชราฉายแววตาเมตตาด้วยสติปัญญาเติมเต็มม่านตา ขณะที่รัศมีมากประสบการณ์ไม่สามารถปกปิดได้

ที่นั่งตรงหน้าก็คือชายสวมชุดสีดำ ดวงตาลึกซึ้งราวกับท้องฟ้าพร่างด้วยหมู่ดาว รอยยิ้มอ่อนโยนแขวนอยู่บนใบหน้า รูปร่างเพรียวสูง รัศมีของเขาลึกเกินหยั่งถึงประหนึ่งมหาสมุทร

ขณะนี้เขากำลังจ้องมองกระดานหมากล้อมด้วยความลำบากใจปรากฏบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาตกอยู่ในสภาวะอับจน ถือหมากเก้ๆ กังๆ ไม่สามารถตัดสินใจได้

เขาไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนที่จะวางหมากลง แต่ทันทีที่วางหมากลงไป เปลวไฟก็วูบไหวในดวงตา จังหวะนั้นเปลวไฟก็พุ่งออกมาจากตัวหมาก

“หืม?”

เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว มองเข้าไปในมิติที่ห่างไกล

“เกิดอะไรขึ้น?” ชายชราถามอย่างสงสัย

“วังสวรรค์บรรพกาลปรากฏขึ้น ข้ารู้สึกได้” ชายชุดดำยิ้มบาง

“เจ้าวังสวรรค์บรรพกาล?” ชายชราเอ่ยอย่างประหลาดใจ

ชายชุดสีดำพยักหน้า แววตาสนใจวูบไหวขึ้น “ฮ่าๆ ก็คือหนึ่งในเก้าจักรพรรดิโบราณ เจ้าวังสวรรค์บรรพกาล”

ใบหน้าของชายชราเคร่งเครียดลงหลายส่วน เจ้าวังสวรรค์บรรพกาลมีชื่อเสียงที่น่าเกรงขาม ซึ่งถือได้ว่าเป็นจอมยุทธ์ชั้นยอดแม้ในหมู่ระดับเทียนจื้อจุน ว่ากันว่าในสงครามสมัยโบราณจำนวนจอมพลปีศาจที่ตายอยู่ในมือของจักรพรรดิผู้นี้ไม่สามารถนับได้ด้วยนิ้วมือทั้งสองข้าง ดังนั้นชื่อเสียงในความกล้าหาญของการต่อสู้จึงยากที่จะจินตนาการ

“คนแบบนี้ถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษ ถ้าข้าเกิดในสมัยโบราณ ข้าจะขอเป็นเพื่อนกับเขาอย่างแน่นอน”

ชายชุดดำหัวเราะร่วนขณะที่เพ่งมองไปที่ห้วงมิติ “วังสวรรค์บรรพกาลเต็มไปด้วยความลึกลับ ข้าคิดว่าคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันได้เมื่อปรากฏขึ้น แต่ตามที่ข้ารู้วังสวรรค์บรรพกาลล่มสลายในมือของจอมปีศาจและร่องรอยของจักรพรรดิผู้นั้นก็หายไปหลังจากนั้น”

“จอมปีศาจ?” สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไป ในเผ่าปีศาจต่างมิตินักรบที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้นที่สามารถเป็นที่รู้จักในฐานะจอมปีศาจ

ชายชุดสีดำพยักหน้ายิ้มบาง “ในอดีตผู้อาวุโสคนนั้นปกป้องมหาพันภพอย่างสุดความสามารถ ในฐานะที่เป็นคนรุ่นหลังก็ถือได้ว่าเราได้รับการปกป้องจากเขา ดังนั้นข้าจะต้องรักษาความสงบหลังเขาตายเอาไว้”

แม้ว่าเขาจะพูดด้วยเสียงเบาแต่น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวมาก ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถพูดออกมาว่าจะปกป้องความสงบเบื้องหลังจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนในอดีต

“เจ้าหมายความว่า” ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนเครียดจัด

ชายชุดดำส่ายหัวตอบว่า “หวังว่าข้าจะคิดมากเกินไป”

เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนที่จะมองออกไปนอกศาลาหิน ภายใต้แสงแดดร่างงดงามในชุดสีฟ้าอมเขียวดูสง่างามและทรงเสน่ห์ นางช่างงดงามจนแม้แต่เวลาก็หยุดเคลื่อนคล้อยอยู่ใต้ความงามของนาง

“ซุนเอ๋อ เรียกเซียวเซียวมาหน่อยสิ นางอยากไปที่ทวีปเทียนหลัวไม่ใช่เรอะ? ครั้งนี้ปล่อยให้นางไปเถอะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา นางก็ยิ้มบางเผยให้เห็นถึงความงามสังหาร ก่อนที่จะพยักหน้ารับทราบ

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จชายชุดสีดำก็หันกลับมา ยิ้มด้วยดวงตายิบหยีต่อชายชรา “อาจารย์เรามาเริ่มต้นใหม่ไหม?”

ชายชราอึ้งไปก่อนที่จะก้มศีรษะลงมองก็เห็นว่าหมากบนกระดานไหม้เป็นเถ้าถ่านไปหมดแล้ว ทำให้เขาได้แต่ส่ายหัวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

แม้จะผ่านมาหลายปีเจ้าตัวอันธพาลคนนี้ก็ยังชอบขี้โกงเหมือนเดิม ถ้าคนอื่นเห็นท่าทางแบบนี้ของเขา คงจะยากที่จะเชื่อล่ะมั้ง?

นั่นเป็นเพราะบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็ประมุขแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว

เทพจักรพรรดิอัคคี—เซียวเหยียน

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท