หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1100

ตอนที่ 1100

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1100 สู้กับเซี่ยหง
“ไอ้หนุ่มโชคร้าย…”

ขณะที่มู่เฉินกับจิ่วโยวรู้สึกความเห็นใจเซี่ยหงอยู่ในใจ อีกฝ่ายก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วจากสายตาของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ระงับอารมณ์เบาบางนี้ไว้ในใจ

นั่นเป็นเพราะไม่ว่าจะไตร่ตรองอย่างไร ก็ไม่เห็นความผิดพลาดตรงไหน เนื่องจากเขารู้ว่าทั้งใบรับรองลูกหนี้และคำกล่าวก่อนหน้าของหลินจิ้งที่ได้สาวงามสองคน ทั้งสองฝ่ายคงไม่ยอมรับกันภายหลังอยู่แล้ว

ที่เสนอก่อนหน้าก็เพื่อต้องการมีข้ออ้างที่จะลงมือกับสาวงามทั้งสองหลังจากจัดการกับมู่เฉินเรียบร้อย ตราบใดที่หลินจิ้งและจิ่วโยวอยู่เคียงข้าง เขาก็มีวิธีปราบพยศแม่เสือสาวทั้งสอง

เซี่ยหงตั้งสติก่อนจะมองไปที่หลินจิ้งที่ยิ้มราวกับนางจิ้งจอก ทำเอาไฟปรารถนาถูกจุดในหัวใจ เมื่อไรที่นางตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา องค์ชายคนนี้จะทำให้นางยิ้มจนพอใจ

แต่ก่อนอื่นต้องกำจัดไอ้ตัวเกะกะสายตาก่อน…

แววตาเย็นเยือกราวกับใบมีดของเซี่ยหงหันไปหามู่เฉินอย่างช้าๆ การแลกกระบวนท่าเมื่อครู่เขาเสียเปรียบเล็กน้อยเนื่องจากประเมินมู่เฉินต่ำไป ทว่าเขาจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำสอง ดังนั้นเขาจะพยายามเต็มที่เพื่อกำจัดมู่เฉินให้เร็วที่สุดและบอกให้รู้ว่าจอมยุทธ์ไร้ชื่อจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำตัวหยิ่งผยองในสถานที่แห่งนี้ที่เหล่าจอมยุทธ์ชั้นสูงของทวีปเทียนหลัวมารวมตัวกัน

คลื่นหลิงระหว่างฟ้าดินเดือดพล่านพร้อมกับระลอกคลื่นกดดันพุ่งไปยังมู่เฉิน ทำให้ผืนดินใต้เท้ามู่เฉินสั่นสะท้านภายใต้แรงกดดัน

ใบหน้าของมู่เฉินสงบ เขารู้ว่าเซี่ยหงทรงพลังเพียงใด แม้ว่าเซี่ยหงจะอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่แท้จริงสูงกว่าหลงปี้มาก ตามการคาดการณ์ของมู่เฉิน เซี่ยหงอาจจะสามารถต่อสู้กับระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้เลยทีเดียว

มู่เฉินเก็บความคิดทุกอย่าง แขนทั้งสองทิ้งดิ่งลงข้างลำตัว คลื่นหลิงในร่างก็เริ่มไหลเวียน พลังงานรอบตัวเขากวาดไปราวกับมหาสมุทรทำให้มิติบิดเบี้ยวที่เบื้องหลัง จุดจื้อจุนไห่ของเขาปรากฏขึ้นอย่างคลุมเครือ ปล่อยคลื่นหลิงทรงพลังออกมา

ปัดเป่าแรงกดดันที่มาจากเซี่ยหงจนหมดสิ้น

แม้ว่าเขาจะอยู่ในระยะอีกครึ่งก้าวถึงจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้า แต่คลื่นหลิงในจุดจื้อจุนไห่ของมู่เฉินได้รับการขัดเกลาอย่างเข้มข้นในมหาสมุทรเทพสร้างสองปี ซึ่งนั่นทำให้คลื่นหลิงของเขาหนาแน่นจนถึงขีดสุด

ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากเขาได้กลั่นเพลิงอมตะที่ราชินีวิหคอมตะทิ้งไว้ ซึ่งมอบคุณสมบัติอันเป็นอมตะให้กับคลื่นหลิงของเขา ดังนั้นในแง่ความหนาแน่นและทนทานของคลื่นพลังเพียงอย่างเดียว มู่เฉินก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า ในทางกลับกันเขาแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ

“น่าสนใจ…”

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตผิดแผกของมู่เฉินถูกเซี่ยหงสัมผัสได้ ทันใดนั้นดวงตาก็วูบไหวพร้อมกับเค้นเสียงเย็น ก่อนที่แววตาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“ปัง!”

คลื่นหลิงทรงพลังระเบิดที่เบื้องหลังเซี่ยหง ขณะเดียวกันร่างเขาก็เปลี่ยนเป็นภาพมายา พริบตาก็มาปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉินซัดหมัดออกมา

ไม่มีทักษะใดอยู่เบื้องหลังหมัดนี้ แต่ก็ถูกควบแน่นด้วยคลื่นหลิงรุนแรง นอกจากนี้เมื่อหมัดซัดออกไปเลือดและรัศมีของเซี่ยหงก็เดือดพล่าน ห่อหุ้มหมัดพร้อมกับเสียงสังหารหมู่ที่ดังออกมา

“นั่นกายาเทพสงครามสังหารของเซี่ยหง!” ชิ้งหย่าอดไม่ได้ที่จะเกร็งดวงตาเมื่อเห็นเลือดและรัศมีที่ระเบิดจากร่างเซี่ยหง นี่เป็นทักษะฝึกฝนพลังกายที่ค่อนข้างครอบงำและน่าขนลุก ซึ่งผู้ฝึกจะต้องผ่านการต่อสู้นองเลือดมานับไม่ถ้วนเพื่อใช้เลือดของศัตรูมาชำระร่าง เพื่อฝึกวิชานี้ให้สำเร็จ เซี่ยหงถึงกับไปร่วมสงคราม ใช้เลือดของศัตรูในการฝึกฝนวิชาพลังกายนี้

“เขาฝึกฝนวิชาพลังกายด้วยเรอะ…”

เจตนาฆ่าพุ่งเข้ามาพร้อมกลิ่นอายโลหิตหนาแน่น นี่ทำให้มู่เฉินรู้สึกเหมือนมีทะเลโลหิตกวาดเข้ามา แต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลใดๆ กับเขา ดวงตาหลุบลง แสงสีม่วงทองระเบิดออกมาจากร่างกาย

กายามังกรหงส์!

แสงสีม่วงทองไหลเวียนบนพื้นผิวของร่างกายมู่เฉินซึ่งทำให้ดูไม่สามารถทำลายได้ เขาชกหมัดออกไปด้วยสีหน้าไม่แยแส

มู่เฉินไม่ได้หลบการโจมตีของเซี่ยหง ความภาคภูมิใจในพลังกายของอีกฝ่ายช่างน่าตลกในสายตาของเขา

หากเซี่ยหงใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นก็อาจจะสร้างปัญหาให้กับมู่เฉินอยู่บ้าง แต่ถ้าเซี่ยหงต้องการที่จะแข่งขันในแง่ของพลังกายก็เป็นเรื่องเพ้อฝันถ้าคิดจะทำให้มู่เฉินได้รับทำอันตรายใดๆ

มู่เฉินที่ฝึกฝนกายามังกรงหงส์และบรรลุถึงระดับจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็มั่นใจอย่างยิ่งกับพลังกายของตนเอง เขาไม่กลัวกระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดด้วยซ้ำ

หมัดน่ากลัวทั้งสองฉีกผ่านอากาศ ปะทะซึ่งกันและกันภายใต้สายตาเคร่งเครียดนับไม่ถ้วน

ตู้ม!

อากาศระเบิดขึ้น คลื่นกระแทกเกรี้ยวกราดมองเห็นด้วยตาเปล่ากระจายออก มิติถึงกับบิดเบี้ยว พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของทั้งสองไม่สามารถแบกรับผลกระทบแตกออกในทันที

ทุกสายตาจ้องเขม็งที่ต้นกำเนิดของคลื่นกระแทก อึดใจสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป เพราะพวกเขาเห็นร่างกายของมู่เฉินตั้งมั่นประหนึ่งหินผา ไม่ได้เคลื่อนไหวสักกระผีกจากการปะทะกับเซี่ยหง

กลับกลายเป็นเซี่ยหงที่เหมือนได้รับแรงต้านกลับ ร่างกายสั่นไหวไปทีหนึ่ง

“พลังกายของมู่เฉินน่าสะพรึงมาก!” บางคนอุทานด้วยเสียงต่ำ ด้วยขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้า จากการปะทะกับเซี่ยหงในแง่ของพลังกาย มู่เฉินไม่เพียงแต่จะไม่เสียเปรียบ กลับยังได้เปรียบอยู่เล็กน้อยด้วย!

สีหน้าของชิ้งหย่าและคนอื่นๆ ก็เคร่งเครียดลงหลายส่วนกับฉากนี้

ท่ามกลางความโกลาหล สายตาของเซี่ยหงก็วาวด้วยร่องรอยความมืดมน ความแข็งแกร่งของมู่เฉินเกินความคาดหมายของเขาไกลลิบ

“ตู้ม!”

รัศมีสังหารยิ่งใหญ่ปะทุออกมาจากร่างของเซี่ยหง เขากระทืบเท้า ผืนดินแตกสลายที่ใต้ฝ่าเท้า ร่างเงาก็กลายเป็นภาพซ้อนนับไม่ถ้วน ก่อนที่จะหมุนวนรอบร่างมู่เฉินพร้อมกับหมัดซัดใส่จากทุกทิศทาง

การโจมตีนี้เกินกว่าจะหลบหนีไปได้!

ตู้ม! ตู้ม!

เผชิญกับการโจมตีกระหน่ำของเซี่ยหง สีหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เขาสะบัดแขนเสื้อ มังกรสีม่วงทองก็ทะยานออกมาล้อมรอบเขาสร้างปราการทรงพลังต้านหมัดเอาไว้

ตึง! ตึง!

เสียงต่ำลึกดังก้องจากลานประลองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พื้นตรงใต้เท้ามู่เฉินก็พังทลายจากแรงกระแทก

ไม่สามารถอธิบายความรุนแรงของการโจมตีของเซี่ยหงได้ สุดท้ายแม้แต่การป้องกันที่สร้างขึ้นจากจิตวิญญาณมังกรแท้จริงก็ไม่สามารถสกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดได้ หนึ่งในหมัดนั้นพุ่งตรงไปที่ศีรษะของมู่เฉินหลังจากหาช่องโหว่ได้

ตู้ม!

มือเรียวยื่นออกมาปิดกั้นหมัด ขณะที่คลื่นหลิงโกรธเกรี้ยวระเบิดออกมา

วาบ!

แผ่นดินแตก ทั้งคู่กระเด็นลากเป็นรอยยาวบนพื้นก่อนที่จะทรงตัวได้

สายตานับไม่ถ้วนมองไป ร่างทั้งสองก็คือมู่เฉินกับเซี่ยหงที่ปะทะอย่างดุเดือดเมื่อสักครู่

มู่เฉินอยู่ในท่าฝ่ามือข้างหนึ่งตั้งขึ้น สีหน้านิ่งสงบ ฝ่ามือเป็นสีทองราวกับไม่สามารถทำลายลงได้ บริเวณแขนเสื้อมีรอยฉีกขาด ซึ่งเกิดจากแรงกระแทกในการปะทะก่อนหน้า

ส่วนเซี่ยหงที่อยู่ไกลออกไปก็มีสีหน้ามืดมน การโจมตีก่อนหน้าของเขาสามารถทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าได้รับบาดเจ็บเลยทีเดียว ไม่ต้องพูดถึงแค่พวกเสมือน แต่เมื่อกระบวนท่าซัดลงบนร่างมู่เฉินก็เพียงฉีกขาดแขนเสื้อได้เท่านั้น

ผลลัพธ์นี้ทำให้หัวใจของเซี่ยหงเต็มไปด้วยความโกรธและจิตสังหาร

“ฮา”

เซี่ยหงสูดหายใจเข้าลึก อารมณ์บนใบหน้าค่อยๆ หายไปจนกลายเป็นไม่แยแส

สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนั่น มู่เฉินก็หรี่ตาลงเริ่มรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามจากเซี่ยหง

เซี่ยหงฉายสายตาไร้อารมณ์ ยื่นมือออกมากำหมัดแน่น

ฮึ่ม!

ประกายสีแดงสดรวมตัวกันอยู่กลางฝ่ามือเขา กลายเป็นหอกสีแดงเข้มที่สลักลวดลาย เพียงแค่ปรากฏขึ้นก็ระเบิดคลื่นหลิงและไอสังหารที่น่าตกใจออกไป

เมื่อมองไปที่หอกสีแดง มู่เฉินก็หดม่านตาลง “อาวุธเสมือนมหสวรรค์?”

ขณะที่มู่เฉินรู้สึกอึ้งเล็กน้อยในใจ เซี่ยหงก็สาดยิ้มน่าขนพองสยองเกล้า แสงสีแดงเข้มพุ่งออกมาจากร่างเขาอีกครั้งกลายเป็นชุดเกราะสีแดงเข้มที่สลักลวดลายมังกรคำราม ดูทั้งน่ากลัวและดุร้าย

หอกและชุดเกราะชัดว่าเป็นของในชุดเดียวกันเนื่องจากมีรัศมีแบบเดียวกัน เมื่อเซี่ยหงสวมใส่ลงไปความผันผวนของคลื่นหลิงรอบตัวก็เพิ่มสูงขึ้นจนน่ากลัว

ตอนนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าก็ต้องเผชิญหน้ากับเขาอย่างจริงจัง

“นั่นคือ…หอกสงครามมังกรแดงและเกราะสงครามมังกรแดง… ชุดอาวุธเสมือนมหสวรรค์ ทั้งชุดนี้สามารถประกาศความเป็นจักรพรรดิในหมู่อาวุธเสมือนมหสวรรค์… เซี่ยหงโหดเหี้ยมแท้จริง ถึงขนาดใช้พวกมัน” เมื่อชิ้งหย่าและคนอื่นๆ เห็นภาพนี้ สีหน้าของพวกเขาก็เคร่งเครียดลง ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดเกรง

เผชิญหน้ากับเซี่ยหงที่ใช้ไพ่ตายใบนี้ ต่อให้เป็นพวกเขาก็ต้องหลีกเลี่ยง

เห็นได้ชัดว่าหลังจากไม่ได้ผลในการโจมตีหลายครั้ง จิตสังหารของเซี่ยหงก็ถูกปลุกขึ้นอย่างสมบูรณ์

ทีนี้…มู่เฉินตกอยู่ในอันตรายแล้ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท