หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1085 ซากโบราณ
ในจัตุรัส
เมื่อได้ยินคำพูดของหลงปี้ ความโกลาหลก็กวาดไปทั่ว แต่ไม่มีความไม่อยากเชื่อเหมือนเมื่อครู่กลับเต็มไปด้วยอาการทอดถอนหายใจแทน
เนื่องจากมู่เฉินพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งพร้อมกับพลังการต่อสู้ทรงประสิทธภาพของจอมยุทธ์เกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าที่สู้กับขั้นเก้าระยะต้นตัวจริงได้!
เขามีคุณสมบัติแท้จริงที่จะก้าวขึ้นตำแหน่งจอมพล
“น่าเกรงขามมาก” ซิวหลัวมองร่างอ่อนอาวุโสในจัตุรัส ใบหน้าที่มักไม่มีอารมณ์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะถอนหายใจ
เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่มู่เฉินเพิ่งจะมาถึงอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาเป็นเพียงแม่ทัพตัวจ้อยเท่านั้น แต่หลังจากผ่านไปหลายปี เขาก็ก้าวข้ามทุกคนขึ้นดำรงตำแหน่งจอมพล
เหล่าผู้บัญชาการดั้งเดิมคนอื่นก็ถอนหายใจ เนื่องจากพวกเขาถือได้ว่าเห็นการทะยานขึ้นสวรรค์ของมู่เฉินจากพื้นล่างจนถึงสูงสุดที่น่าอัศจรรย์ในในปัจจุบัน
“เสี่ยยิง พวกเจ้าสองคนมีเรื่องบาดหมางกันในอดีตมากมายนี่” เลี่ยซันจ้องมองไปที่เสี่ยยิงแล้วเอ่ยหยอก ย้อนกลับไปตอนที่จิ่วโยวเพิ่งกลับมาก็เกิดความขัดแย้งหลายเรื่องระหว่างนางกับเสี่ยยิง ทำเอาทั้งสำนักปั่นป่วนไปหมด
เสี่ยยิงมีสีหน้าอึกอักหลังจากได้ยินเรื่องนี้ หากเขารู้ว่ามู่เฉินและจิ่วโยวจะมาไกลขนาดนี้ ในอดีตเขาก็ไม่กล้าทำผิดกับอีกฝ่าย แต่โชคดีที่แม้จะมีความขัดแย้ง แต่ก็ไม่ได้ล้ำเส้น ไม่อย่างนั้นเขาคงตัวสั่นงันงกด้วยความกลัวในขณะนี้
ผู้บัญชาการคนใหม่อื่นๆ ก็แอบกระซิบกระซาบกัน สถานการณ์ปัจจุบันเกินความคาดหมายของทุกคน ไม่มีใครคิดว่าหลงปี้และผู้เฒ่าคูจะแพ้ในการพิธีมอบยศราชันครั้งนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้มู่เฉินกับจิ่วโยวก็จะขึ้นเป็นจอมพลอันดับสี่และห้า
เมื่อมีการเพิ่มสองตำแหน่งจอมพลก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงในสำนักแน่นอน เนื่องจากอำนาจของจอมพลในเขตปกครองยิ่งใหญ่มาก มากจนสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพยากรที่จะจัดสรรให้กับเหล่าผู้บัญชาการ
ผู้บัญชาการที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่บางคนถึงกับครุ่นคิดว่าควรแสดงความตั้งใจจะพินอบพิเทาเพื่อรับการสนับสนุนจากจอมพลทั้งสองหรือไม่
จัตุรัสร้อนระอุด้วยความปั่นป่วนและความคิดที่แตกต่าง แต่เหล่าจอมพลทั้งสามกลับมีรอยยิ้มบนใบหน้า เนื่องจากจิ่วโยวและมู่เฉินถือได้ว่าสมาชิกเก่าของสำนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความกินแหนงแคลงใจมากเเกี่ยวกับทั้งคู่ที่รับตำแหน่งใหม่ ไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าหลงปี้และผู้เฒ่าคู
มั่นถัวหลัวยืนขึ้นเบื้องหน้าบัลลังก์ แม้ว่าตัวนางจะดูเล็กกระทัดรัด แต่เมื่อยืนขึ้นจัตุรัสที่มีแต่เสียงอึกทึกก็นิ่งเงียบ ทั้งสมาชิกเก่าและใหม่ของสำนักต่างมองมาทางนางด้วยสายตาเคารพนับถือ
ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย จอมยุทธ์อันดับหนึ่งของภูมิภาคทางเหนือ ล้วนเป็นฉายาที่ทำให้มั่นถัวหลัวกลายเป็นจอมยุทธ์ที่โด่งดังที่สุดในเวลานี้
“จากบทสรุปของการประลอง จากนี้เป็นต้นไปอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะมีจอมพลเพิ่มอีกสองคน จอมพลมู่และจอมพลจิ่วโยว” เสียงนุ่มนวลของมั่นถัวหลัวครอบคลุมไปทั่วเขตแดน
“ขอแสดงความยินดีกับท่านจอมพลทั้งสองสำหรับตำแหน่งใหม่!
น้ำเสียงแสดงความเคารพดังสะท้อนก้องพร้อมกับสายตาอิจฉาพุ่งไปที่ทั้งสอง นี่ถือเป็นครั้งแรกของอาณากงเวทสวรรค์ที่มีจอมพลอายุน้อยเพียงนี้
ทว่าขณะที่ผู้ชมอิจฉาความเยาว์วัยของทั้งสอง ก็ตกใจไปกับพรสวรรค์และพลังของทั้งคู่เช่นกัน พวกเขาสามารถประลองกับหลงปี้และผู้เฒ่าคูซึ่งเป็นจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคทางเหนือได้ตั้งแต่อายุเท่านี้ พรสวรรค์นี้ทำให้ทุกคนรู้สึกอิจฉาอย่างแท้จริง
มั่นถัวหลัวกวาดมองไปที่หลงปี้และผู้เฒ่าคูกล่าวปลอบว่า “ไม่จำเป็นต้องเสียใจกับความล้มเหลวนี้ พวกเจ้าทั้งสองมีพลังพอที่จะได้รับตำแหน่งจอมพล เพียงแค่ขาดระยะเวลาในสำนักเท่านั้น”
ทั้งคู่อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเก้าและพลังของพวกเขาก็มีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่ออาณาเขตกงเวทสวรรค์ ดังนั้นมั่นถัวหลัวจึงต้องเอ่ยปลอบใจเพื่อไม่ให้พวกเขาเกิดความไม่พอใจ
แน่นอนว่าจอมยุท์ทั้งสองคนนี้มีจิตใจที่หยิ่งยโส ถ้าได้รับตำแหน่งจอมพลตั้งแต่แรกอาจทำให้เย่อหยิ่งในอนาคต ซึ่งนั่นไม่เป็นเรื่องดีสำหรับสำนัก ดังนั้นมั่นถัวหลัวจึงดีใจที่เห็นทั้งมู่เฉินและจิ่วโยวเอาชนะพวกเขาและได้รับตำแหน่งจอมพลแทน
เมื่อได้ยินคำพูดประโลมใจของมั่นถัวหลัว สีหน้าของหลงปี้และผู้เฒ่าคูก็ดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากประสบกับเหตุการณ์นี้ ความเย่อหยิ่งในใจก็ลดลงไปหลายส่วน
ย้อนกลับไปตอนที่พวกเขาเข้าร่วมกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ พวกเขาจ้องตาเป็นมันที่ตำแหน่งระดับสูง เพราะนอกเหนือจากมั่นถัวหลัว ก็มีเพียงซุยนอนเท่านั้นที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว กระทั่งเทียนจิ้วและหลิงถงพวกเขายังไม่วางไว้ในสายตา เนื่องจากตอนที่พวกเขาบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าและกลายเป็นจอมยุทธ์ชั้นนำของภูมิภาคทางเหนือ จอมพลทั้งสองยังอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นแปดเท่านั้น
ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกอย่างเป็นธรรมชาติว่าหลังจากเข้าร่วมกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะได้รับตำแหน่งจอมพลซึ่งถัดจากมั่นถัวหลัวเท่านั้น ในแง่ของสถานะไม่มีใครที่มีคุณสมบัติสามารถแข่งขันกับพวกเขาได้
แต่ใครจะไปคิดว่ามู่เฉินและจิ่วโยวจะปรากฏตัวในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ทำลายความมั่นใจในตัวเองของพวกเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อมองดูแบบนี้ อาณาเขตกงเวทสวรรค์ลึกเกินหยั่งและไม่สามารถมองข้ามได้ ดังนั้นพวกเขาต้องปรับทัศนคติใหม่
คิดถึงจุดนี้ หลงปี้และผู้เฒ่าคูก็แอบพยักหน้า ประสานมือโค้งคำนับให้มั่นถัวหลัว เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนท่าทางพวกเขาเต็มใจมากขึ้น
ความวุ่นวายในจัตุรัสยังไม่ได้หยุดลง เมื่อชื่อจอมพลทั้งสองเผยออก วัตถุประสงค์ของการประชุมราชันครั้งนี้ก็ถึงฉากจบแล้ว มั่นถัวหลัวกวาดสายตาไปโดยรอบก่อนจะพูดว่า “ทุกคนน่าจะรู้กันว่าซากโบราณของวังสวรรค์บรรพกาลได้ปรากฏขึ้นแล้วในทวีปเทียนหลัว”
ทั่วบริเวณเงียบกริบฉับพลันจากคำพูดของนาง ดวงตาลุกเป็นไฟ ข่าวเกี่ยวกับวังสวรรค์บรรพกาลกระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้าของทวีปเทียนหลัว แม้แต่ภูมิภาคทางเหนือก็ยังพูดถึงเรื่องนี้อย่างร้อนแรง
วังสวรรค์บรรพกาลเป็นขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่และเป็นขั้วอำนาจหนึ่งเดียวที่เคยปกครองทวีปเทียนหลัวทั้งหมด เจิดจรัสแม้แต่ในสมัยโบราณซึ่งเต็มไปจอมยุทธ์ทรงพลังมากมาย
นั่นเป็นเพราะผู้ก่อตั้งเป็นหนึ่งในเก้าจักรพรรดิในสมัยโบราณ—จักรพรรดิฟ้า!
ทว่าวังโบราณได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเผ่าปีศาจต่างมิติบุกเข้ามา แม้ว่าจะมีข่าวออกมาเป็นครั้งคราว แต่เมื่อตรวจสอบทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็นข่าวโคมลอย
ทว่าคราวนี้ทุกคนรู้ว่าข่าวนี่เป็นของจริง!
นั่นเป็นเพราะขั้วอำนาจทรงพลังทั้งหมดที่มีความละโมบอยากครอบครอบขุมทรัพย์โบราณนี้ ต่างได้ให้ความสนใจต่อซากอารยธรรมโบราณแห่งนี้
“วังโบราณระดับนี้เต็มไปด้วยโอกาสมากมายกระทั่งคนอย่างข้ายังอดใจสั่นไม่ได้ ข้าได้ทำการตกลงกับขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ของภูมิภาคทางเหนือ เราจะเข้าร่วมศึกนี้ในฐานะพันธมิตรกัน!” เสียงของมั่นถัวหลัวดังก้อง ทำให้ไฟที่ลุกโชนในดวงตาของทุกคนแกร่งกร้าวขึ้น
พวกเขาไม่สงสัยในคำพูดของมั่นถัวหลัวเลย วังสวรรค์บรรพกาลที่ทิ้งไว้โดยจักรพรรดิฟ้า โอกาสในนั้น ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเลย ต่อให้เป็นขั้นเต็มหรือแม้กระทั่งคนที่มีคุณสมบัติก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนก็ยังถูกล่อลวงมาด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าสิ่งนี้ช่างดึงดูดใจนัก วังสวรรค์บรรพกาลเคยอยู่ยงคงกระพันในทวีปเทียนหลัว หากพวกเขาสามารถได้รับโอกาสบางอย่างในนั้น พลังจะต้องทะยานขึ้นอย่างแน่นอน บางทีอาจมีการพัฒนาเหมือนมู่เฉินและจิ่วโยวเลยก็ได้
สำหรับพันธมิตรก็ไม่เป็นเรื่องที่สมควรทำ ภูมิภาคทางเหนือไม่โดดเด่นในทวีปเทียนหลัวเนื่องจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงไม่มีขั้วอำนาจที่สามารถปกครองทั้งภูมิภาคได้ ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ว่าประมุขของพวกเขาบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายละก็ การตั้งพันธมิตรเช่นนี้ยังยากที่จะทำได้
ถ้าพวกเขาต้องการเผชิญหน้ากับขั้วอำนาจทรงพลังอื่นๆ ในทวีปเทียนหลัวเพื่อแย่งชิงสมบัติ ก็จำเป็นต้องรวมขั้วอำนาจสูงสุดทั้งหมดในภูมิภาคทางเหนือเข้าด้วยกัน ไม่เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ถ้ามีเพียงอาณาเขตกงเวทสวรรค์สำนักเดียว
หลงปี้และผู้เฒ่าคูแลกเปลี่ยนสายตากันก็เห็นอารมณ์พลุ่งพล่านในดวงตากันและกัน พวกเขาติดแหง็กที่ระดับจื้อจุนขั้นเก้ามาหลายปีแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังมีจอมยุทธ์หลายคนที่ติดแหง็กอยู่ในขุมพลังนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือ พวกเขาไม่มั่นใจเกี่ยวกับการบรรลุระดับตี้จื้อจุน แต่ถ้าได้เข้าไปในซากวังโบราณ ก็จะได้รับโอกาสมากขึ้น
ดังนั้นทั้งสองจึงรีบประสานมือเสียงดังก้องออกมา “พวกเราพร้อมสนับสนุนการตัดสินใจของท่านประมุขและจะพยายามเต็มความสามารถเพื่อช่วยเหลือ!”
เมื่อเสียงสะท้อนของพวกเขาดังกังวาน ทันใดนั้นจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนในจัตุรัสก็เอ่ยตาม ช่างเป็นฉากงดงามนัก
มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ แม้ว่าท่าทางยังสงบนิ่ง แต่นิ้วมือที่สั่นระริกก็แสดงให้เห็นถึงคลื่นที่แล่นพล่านในหัวใจ
หลังจากที่เขาออกจากสำนักศึกษาเป่ยชางพร้อมกับจิ่วโยวเดินทางมาที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาก็มีพัฒนาการและฝึกฝนมาตลอด ทุกอย่างที่ทำมาก็เพื่อวันนี้ไม่ใช่เหรอ…
ทักษะในการพัฒนาร่างเทพสุริยะที่ต้องการอยู่ในวังโบราณนี้ มีเพียงการได้รับมาเท่านั้นถึงจะทำให้เขาสามารถพัฒนาร่างเทห์สวรรค์ได้ แม้ว่าร่างเทพสุริยะจะไม่ธรรมดา แต่มู่เฉินก็พบว่าร่างนี้ยังขาดไปเมื่อพลังของเขาเพิ่มขึ้น เขารู้ดีว่าเมื่อตนเองบรรลุระดับตี้จื้อจุนความช่วยเหลือจากร่างเทพสุริยะก็จะเหลืออยู่เพียงน้อยนิด
เพราะไม่ว่าจะลึกซึ้งเพียงใด ร่างนี้ก็เป็นเพียงร่างต้นในสุดยอดทำเนียบร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง
ดังนั้นเขาจึงต้องพัฒนาร่างเทพสุริยะ เพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้น เขาถึงจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อไล่ล่าสุดยอดร่างเทห์สววรค์ในตำนาน—ร่างมหาเทพนิรันดร์ได้
ซึ่งนั่นเป็นร่างเทห์สวรรค์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ยังถูกดึงดูด นี่เป็นความใฝ่ฝันที่ซ่อนไว้ในใจมู่เฉินอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเขาประสบความสำเร็จก็จะเดินทางไปทุกหนแห่งในมหาพันภพตามที่ปรารถนา ไม่มีใครสามารถขัดขวางได้ ในเวลานั้นเขาจะไม่ต้องกลัวพวกลึกลับที่ขังมารดาของเขาไว้
ดังนั้นมู่เฉินคงเป็นคนที่คาดหวังมากที่สุดกับวังโบราณแห่งนี้
มองดูจัตุรัสที่เดือดพล่านพร้อมกับสายตาร้อนแรง มั่นถัวหลัวก็มองไปที่มู่เฉิน แม้ว่ามู่เฉินจะยังคงแสดงออกอย่างสงบ นางก็สามารถสัมผัสถึงความตื่นเต้นในส่วนลึกของดวงตาเขา นางแย้มยิ้มดูเหมือนทุกคนมีความสนใจเรื่องนี้อย่างมาก
จากนั้นนางก็หันศีรษะมองไกลออกไป ราวกับทะลุผ่านมิติ จับจ้องไปที่ซากโบราณ
ในเมื่อวังโบราณปรากฏขึ้น คนผู้นั้นก็คงจะปรากฏด้วยเช่นกัน นางรู้ดีในใจว่าเขาให้ความสำคัญกับวังโบราณเพียงใด
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มั่นถัวหลัวก็แตะที่ข้อมือตัวเองรู้สึกถึงคำสาปที่ทำให้เจ็บปวดแสนสาหัส ขณะที่ไอเย็นสะท้านวาบผ่านนัยน์ตาไป
ถึงเวลาที่ความแค้นจะได้รับการชำระเสียที…