หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1101

ตอนที่ 1101

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1101 ร่างอสูรเก้าฉกาจ
บนลานประลองขนาดใหญ่

เซี่ยหงยืนตระหง่านพร้อมกับคลื่นยักษ์สีแดงเข้มสูงหมื่นจั้งกวาดออกมา ส่งผลให้ชั้นฟ้าและชั้นดินมืดมิดลง

หอกในมือชี้ไปบนพื้นเปล่งประกายด้วยรัศมีสีแดง การเคลื่อนไหวใดๆ ก็ทำให้เกิดรอยลึกเหลือไว้บนพื้นราวกับว่าเฉือนเต้าหู้

พร้อมกับมังกรสีแดงเข้มที่สลักอยู่บนชุดเกราะเปล่งเสียงคำรามแผ่วเบา ความผันผวนของคลื่นหลิงค่อยๆ แผ่ออกมาจากเขา

ตอนนี้รัศมีเซี่ยหงน่าทึ่งมาก

ทุกคนตกตะลึงกับเซี่ยหงในตอนนี้ จากนั้นก็ส่ายหัวด้วยความอิจฉา แคว้นเซี่ยรากฐานหยั่งลึก แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าก็ยังดวงตาแดงก่ำเมื่อมองไปที่ชุดออกรบของเซี่ยหง

นี่เป็นชุดอาวุธเสมือนมหสวรรค์เต็มรูปแบบ อาวุธสามัญอื่นๆ ไม่สามารถเทียบเคียงได้ ด้วยความช่วยเหลือของอาวุธทั้งสองนี้ เซี่ยหงสามารถต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้เลยทีเดียว

เมื่อจิ่วโยวเห็นภาพเบื้องหน้า สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่ได้ กระทั่งตัวนางก็ยังสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามเข้มข้นที่มาจากเซี่ยหง

“เจ้านี่ไร้ยางอายแท้จริง อาศัยพลังของอาวุธเสมือนมหสวรรค์ทั้งที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าแล้ว” ถานชิวกัดฟันอดไม่ได้ที่จะก่นด่า

แววกังวลวูบไหวในดวงตาพรรคพวกที่เหลือ แม้พวกเขาจะเห็นเหตุการณ์ที่มู่เฉินเอาชนะหลงปี้ แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเซี่ยหงไม่ใช่สิ่งที่หลงปี้จะแข่งขันได้

“ผู้ชนะเท่านั้นที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้ ผู้แพ้ไม่มีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามถึงวิธีการของคนผู้ชนะ” เซี่ยหงควงหอกจ้องมองมู่เฉินอย่างไม่แยแส

ตู้ม!

เมื่อเขาพูดจบลง ดวงตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ เขาพุ่งออกมาราวกับสายฟ้าแลบพร้อมกับลำแสงยาวลากออกมาจากหอกกำจายจิตสังหารพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ประหนึ่งจะฉีกทึ้งเส้นขอบฟ้าออกจากกันให้ได้

หอกเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ปรากฏตรงหน้ามู่เฉินในพริบตา ทำเอาเขาตกใจไปเล็กน้อย ด้วยหอกและชุดเกราะนี้ ความเร็วของเซี่ยหงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

ชี่!

หอกยาวเสือกแทงออกมา มู่เฉินก็ถอยออกไปสองก้าวพลางสะบัดแขนเสื้อ เสียงคำรามมังกรดังกึกก้อง จิตวิญญาณมังกรแท้จริงทะยานขึ้นเปลี่ยนเป็นโล่แสงสีม่วงทองปกป้องมู่เฉินเอาไว้

ฮึ่ม!

หอกซัดลงบนโล่แสงอย่างรุนแรง เกลียวแสงสีแดงเข้มระเบิดบ้าคลั่ง แนวป้องกันจากจิตวิญญาณมังกรแท้จริงยืนหยัดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถูกหอกแทงทะลุ หอกพุ่งตรงไปที่ลำคอของมู่เฉิน

จิตวิญญาณมังกรแท้จริง ต่อให้มีพัฒนาการ พลังก็อยู่ในระยะอีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าเท่านั้น ทว่าการโจมตีของเซี่ยหงเกินขอบเขตขั้นนี้ไปไกล ดังนั้นมันจึงสามารถชะลอการโจมตีได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น

เมื่อหอกกำลังจะแทงทะลุคอมู่เฉิน ทันใดนั้นแสงก็ควบแน่นที่กลางหน้าผากเขา ดวงตาแนวตั้งก็เปิดขึ้นพร้อมกับเกลียวแสงสีดำพุ่งออกมา มิติเบื้องหน้าแตกสลายลงจากแสงนั่น

ปัง!

เกลียวแสงสีดำปะทะหอกเต็มแรง ผลกระทบที่น่ากลัวทำให้หอกหยุดชะงักเวลาสั้นๆ จากนั้นก็ถูกผลักกลับไป

“ที่แท้เจ้าก็มีอาวุธเสมือนมหสวรรค์เหมือนกัน!” เมื่อหอกถูกผลักกลับมา สายตาของเซี่ยหงก็วูบไหวด้วยความประหลาดใจ ขณะจดจ้องไปที่ดวงตาแนวตั้งบนหน้าผากของมู่เฉิน

“แต่ไม่รู้ว่าอาวุธของเจ้าจะเทียบกับของข้าได้หรือไม่?”

เซี่ยหงเค้นเสียงเยือกเย็น ทันใดนั้นมือก็สั่นสะท้าน หอกพุ่งออกมา ระเบิดออกด้วยแสงสีแดงเข้ม กลายเป็นลำแสงขนาดใหญ่ที่มีคลื่นหลิงครอบงำไร้ขอบเขตแผ่ออกไปทั่วพื้นที่

โฮก!

หอกพุ่งลงมาด้วยพลังการทำลายล้างห่อหุ้มร่างมู่เฉินโดยตรง

เผชิญหน้ากับการโจมตีที่ดุเดือดเช่นนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้ายังพบว่าอันตรายอย่างยิ่ง

มู่เฉินมองลำแสงสีแดงเข้มที่ขยายขนาดในดวงตาก็ต้องหดเกร็งดวงตา วินาทีต่อมาแสงสีม่วงทองก็ระเบิดออกจากร่างกาย ปีกหงส์ฟ้าคู่หนึ่งกางออกมาจากแผ่นหลัง

วาบ!

ปีกหงส์ฟ้ากระพือวูบไหว พาร่างมู่เฉินหายไปจากจุดที่ยืนอยู่เดิม

ปัง!

หอกแสงพุ่งลงมากระแทกพื้นเป็นหลุมลึกหลายร้อยจั้ง มีเหวลึกปรากฏขึ้นบนพื้นดิน

“เร็วมาก!”

เซี่ยหงหดดวงตาเมื่อการโจมตีก่อนหน้าพลาดเป้าไป เขาตกใจกับความเร็วของมู่เฉิน เจ้านี่ระงับความเร็วไว้ก่อนหน้าหรือ?

วาบ!

ขณะที่ความคิดวนเวียนในใจเซี่ยหง ร่างเงาหนึ่งก็ปรากฏตัวที่เบื้องหลังเขา เซี่ยหงมีสีหน้าเปลี่ยนไปขณะกำมือแน่น หอกสีแดงเข้มคำรามบินกลับไป

ตู้ม

ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้โอกาส หมัดซัดออกพร้อมกับสีหน้าไม่แยแส

โฮก!

เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าก้องกังวานพร้อมกับหมัด มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงพันรอบท่อนแขนเขา เปลี่ยนเป็นเกลียวแสงสีม่วงทองทะยานออกไป

ระลอกคลื่นสั่นไหว ราวกับเกลียวสีม่วงทองระเบิดอากาศพร้อมกับเสียงระเบิดดังกึกก้อง หุบเหวลึกฉีกขาดบนพื้นดิน

หมัดของมู่เฉินรวบรวมด้วยพลังจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงเอาไว้ พลังทั้งสองสายนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าก็ได้รับบาดเจ็บหนักได้

สัมผัสได้ถึงพลังน่าสะพรึงด้านหลัง ดวงตาเซี่ยหงก็หดเกร็ง เขารู้สึกได้ว่าตอนนี้มู่เฉินทรงพลังมากกว่าก่อนหน้าแล้ว

ด้วยความเร็วนี้ เขาก็ไม่สามารถหลบหมัดที่พุ่งเข้ามาหาได้

ดวงตาของเซี่ยหงวูบไหว เขาเค้นเสียง หอกก็ทะยานออกไปพร้อมกับแสงสีแดงเข้มทรงพลัง เล็งไปที่หัวของมู่เฉิน เตรียมป้องกันด้วยการโจมตี

ตู้ม!

ทว่าเผชิญกับกระบวนท่านี้ มู่เฉินกลับไม่ได้สนใจการจู่โจมของหอก หมัดพุ่งซัดไปเต็มเหนี่ยวบนหลังเซี่ยหง

เคร้ง!

เสียงราวกับโลหะปะทะกันดังก้อง เมื่อหมัดของมู่เฉินกระแทกลงบนชุดเกราะเซี่ยหง ประกายสีแดงเข้มปะทุขึ้นมาจากชุดเกราะ มังกรสีแดงเข้มขยับเขยื้อนอ้าปากกลืนคลื่นกระแทกที่น่ากลัวเข้าไป

เห็นได้ชัดว่าการป้องกันทรงพลังของชุดเกราะสีแดงเกินความคาดหมายของมู่เฉิน

ปัง!

แต่ถึงอย่างนั้นหมัดของมู่เฉินก็ส่งเซี่ยหงกระเด็นไปไกล

เมื่อเซี่ยหงกระเด็นออกไป ลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากเนตรดับชีวิต ส่งหอกสีแดงถลาไปไกลด้วย

เซี่ยหงแตะเท้าบนอากาศ เขาทรงตัวก่อนที่หอกจะพุ่งกลับมาอยู่ในมือ เขาจ้องมองมู่เฉินอย่างมืดมน หากไม่ได้รับการปกป้องจากเกราะสงครามแล้วละก็ ตัวเขาอาจได้รับบาดเจ็บหนักจากการโจมตีของมู่เฉินแล้ว

ผู้คนมองไปที่การเผชิญหน้าที่ดุเดือด สีหน้าก็เคร่งเครียดลงหลายส่วน บางคนถึงกับมองไปที่มู่เฉินด้วยความหวาดระแวงในแววตา

ชิ้งหย่า มู่ซัน เจียงหลิงต่างก็สวมสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าการเผชิญหน้าระหว่างมู่เฉินและเซี่ยหงอันตรายแค่ไหน ความประมาทเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้น ก็อาจทำให้ต้องจ่ายราคามหาโหดเลยทีเดียว

“หลังจากจบการต่อสู้ครั้งนี้ชื่อของมู่เฉินจะดังเป็นพลุแตกแน่” ชิ้งหย่าถอนหายใจ

บังคับให้เซี่ยหงที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้านำอาวุธเสมือนมหสรรวค์ออกมาด้วยขุมพลังในระยะเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าและไม่อยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ ความน่าสะพรึงนี้สามารถเปรียบเทียบได้กับจอมยุทธ์รุ่นใหม่ยี่สิบอันดับแรกในทำเนียบทวีปเทียนหลัวเลย

“แบบนี้ก็ไม่สามารถจัดการกับหินรองส้วมที่น่ารังเกียจอย่างแกได้ ทั้งเหม็นทั้งแข็งจริงๆ” เซี่ยหงมองไปที่ดวงตาแนวตั้งที่ปิดลงบนหน้าผากของมู่เฉินก็พูดโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ

ทว่าก็มีร่องรอยเสียใจผุดขึ้นในใจ หากเขารู้ว่ามู่เฉินจะรับมือยากแบบนี้ เขาจะคิดหาวิธีเพื่อจัดการอย่างสมบูรณ์ ไม่ปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปจนถึงจุดที่เขาถูกบังคับให้ไปสู่เส้นทางที่ไม่มีทางถอยเหมือนในตอนนี้

มาไกลขนาดนี้จะต้องมีผู้ชนะระหว่างเขาและมู่เฉิน มิฉะนั้นเขาจะกลายเป็นหินรองเท้าสำหรับมู่เฉินซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้แน่

หากข่าวนี้กลับไปที่แคว้นเซี่ยก็จะส่งผลกระทบต่อมุมมองของบิดาที่มีต่อเขา เขาอาจจะสูญเสียความโปรดปรานไปและเปิดช่องให้พี่น้องคนอื่นเหยียบหัวเขาเอาได้

ดังนั้นวันนี้มู่เฉินต้องตาย!

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ จิตสังหารก็ไต่ขึ้นมาบนดวงตาของเซี่ยหง เขาจ้องมองมู่เฉินอย่างน่าขนพองสยองเกล้า ซึ่งทำให้อุณหภูมิระหว่างสวรรค์และโลกลดลง

เซี่ยหงคลายการจับหอกในมือ จากนั้นก็วาดตราประทับด้วยมือทั้งสองข้าง

ฮึ่ม!

ทันใดนั้นมิติก็บิดเบี้ยวรุนแรงที่ด้านหลังเซี่ยหง จุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้นอย่างคลุมเครือ คลื่นหลิงของเขาเป็นสีแดงแก่ก่ำราวกับถูกย้อมด้วยไอสังหารเข่นฆ่าเข้มข้น

ตู้ม!

จุดจื้อจุนไห่กลิ้งตัวไม่รู้จบ คลื่นหลิงนับหมื่นจั้งพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ฉีกผ่านจุดจื้อจุนไห่ย้อมท้องฟ้าเหนือลานประลองกลายเป็นสีแดงเลือด

คลื่นหลิงสีแดงเลือดควบแน่นบ้าคลั่งที่ด้านหลังเซี่ยหง ในเวลาไม่กี่อึดใจก็ก่อเป็นร่างเทห์สวรรค์ขนาดหลายพันจั้ง ภายใต้สายตาสั่นไหวของทุกคน

ร่างเทห์สวรรค์นี้มีสีแดงเข้มพร้อมกับรัศมีร้ายกาจและครอบงำกวาดผ่านไปมา ทำเอาผู้คนหายใจแทบไม่ออก มีลวดลายสัตว์อสูรร้ายเก้าตัวที่แขน-ขา-หน้าอก-หลังของร่างเทห์สวรรค์ พลังร้ายกาจและป่าเถื่อนเล็ดลอดออกมาจากลวดลายเหล่านี้ ราวกับยาตรามาจากยุคดึกดำบรรพ์

โหดร้ายและป่าเถื่อน!

เมื่อมองไปที่ร่างเทห์สวรรค์นั่น มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะหดดวงตาจ้องมอง ข้อมูลบางอย่างวาบผ่านในหัวสมอง

‘ร่างอสูรเก้าฉกาจ’ ลำดับที่ห้าสิบเจ็ดในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท