หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1104

ตอนที่ 1104

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1104 ตุ๊กตาน้ำแข็ง
ตู้ม!

หวังกงเคลื่อนไหวโดยไม่เตือนล่วงหน้า รวมทั้งจอมยุทธ์ของแคว้นเซี่ยที่พุ่งเป้าไปที่หลินจิ้ง กระทั่งจิ่วโยวก็ตะลึงพรึงเพริดไปก่อนจะฟื้นคืนสติในวินาทีต่อมาจากเหตุการณ์ที่พลิกผัน

“สารเลว!”

จิ่วโยวคำรามลั่น กำมือเพลิงผลึกโปร่งใสก็ลุกโชนก่อนที่นางจะซัดฝ่ามือออกไปที่แผ่นหลังหวังกง

วาบ!

ทว่าเผชิญกับการโจมตีของจิ่วโยว หวังกงกลับไม่มีท่าทางป้องกันใด แต่เมื่อเพลิงผลึกกำลังจะซัดลงบนร่างสูงวัย ร่างร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาขวางกั้นเอาไว้ให้ด้วยร่างกายของเขา

ปัง!

ร่างเงานั้นถูกซัดออกไป เพลิงผลึกโปร่งใสก็กวาดตัวออก คลื่นหลิงรอบตัวเขาถูกเผาไหม้ ร่างสลายกลายเป็นเถ้าถ่านภายใต้เสียงร้องโหยหวน เขาก็คือจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดของแคว้นเซี่ย

ตอนแรกจอมยุทธ์คนนี้ต้องการที่จะช่วยสกัดกั้นเพลิงไว้เล็กน้อยเท่านั้น แต่เขาประเมินความสามารถเพลิงอมตะของจิ่วโยวน้อยไป ดังนั้นการป้องกันจึงไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ตัวเองก็กลายเป็นขี้เถ้าทันที

หวังกงตกใจเมื่อเห็นการตายของผู้ใต้บังคับบัญชา ทว่าสายตาของเขากลับดุร้ายยิ่งขึ้นขณะที่พุ่งเข้าหาหลินจิ้งพร้อมกับจอมยุทธ์อีกสามคนราวกับเหยี่ยวโฉบตัว ตราบใดที่พวกเขาสามารถจับตัวหญิงสาวคนนั้นได้ พวกเขาก็จะสามารถใช้นางเป็นข้อต่อรองกับมู่เฉิน ในเวลานั้นพวกเขาก็จะสามารถช่วยองค์ชายสี่ได้

ทักษะของพวกเขาเร็ว-แรง-ชี้ขาด ดังนั้นจิ่วโยวจึงเสียโอกาสสำคัญไปเพราะไม่ทันตั้งตัว

ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปกับฉากที่ปรากฏด้านล่าง แต่จากนั้นแสงก็วาบขึ้นในดวงตาพลางสงบใจลง

หลินจิ้งอาจจะดูเหมือนอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม แต่ถ้าใครคิดว่านางเป็นพวกอ่อนแอก็จะซวยเข้าเอง

องค์หญิงน้อยแห่งแคว้นหวู ธิดาสุดที่รักของเทพจักรพรรดิสงคราม กระทั่งคนไร้สมองยังรู้ว่านางมีไพ่ตายซ่อนอยู่ในแขนเสื้อเป็นสำรับเลย

ภายใต้สายตากังวลของจิ่วโยว ความสงบนิ่งของมู่เฉินและความตกตะลึงของผู้คนมากมาย จอมยุทธ์แคว้นเซี่ยทั้งสี่ก็ล้อมกรอบหลินจิ้งเอาไว้ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตห่อหุ้มที่มือของพวกเขาพยายามจะจับกุมนาง

ในกระบวนการนี้สิ่งที่ทำให้คนอื่นประหลาดใจก็คือความจริงที่หลินจิ้งคลี่ยิ้มกว้างขณะมองการล้อมจับตัวเอง โดยไม่มีความตื่นตระหนกในสายตา

หากมองใกล้เข้าไปก็สามารถสังเกตเห็นแววเยาะเย้ยในดวงตาของนางได้

นางกะพริบตาวิบวับให้หวังกงก่อนจะกางมือออก หุ่นเงาขนาดเท่าฝ่ามือก็ปรากฏขึ้นซึ่งปกคลุมไปด้วยลดวลายโบราณ

เมื่อหวังกงเห็นหุ่นเงาสีดำในมือนาง เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่อดไม่ได้ที่จะหดเกร็งดวงตาตามประสบการณ์ที่มี อันตรายที่ไม่อาจอธิบายได้พวยพุ่งขึ้นในใจ

“ถอย!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายรุนแรงแสงก็วูบวาบในดวงตาเขาพลางตะโกนลั่น “ถอยเร็ว!”

ในฐานะที่เป็นคนระวังตัว เขาไม่สามารถละเลยกับความรู้สึกอันตรายได้ นอกจากนี้เขารู้สึกได้ว่าต่อให้พวกเขาจะเคลื่อนไหวแต่ก็อาจไม่มีผลลัพธ์ใดๆ เนื่องจากพวกเขาเลือกเป้าหมายผิดตั้งแต่แรก หญิงสาวที่ดูอ่อนแอท่าทางจะจัดการลำบากที่สุด

หวังกงชะงักร่างอย่างแรงขณะตะโกนพลางถอยกลับไป จอมยุทธ์อีกสามคนรู้สึกงงงวย แต่ทุกคนก็เลือกปฏิบัติตามคำสั่ง

ดังนั้นผู้ชมจึงตกตะลึงเมื่อเห็นหวังกงและลูกน้องล่าถอยไปทันทีหลังจากพุ่งเข้าหาหลินจิ้งประหนึ่งพยัคฆ์ร้ายและอยู่ห่างจากนางเพียงสิบกว่าเมตรเท่านั้น

“ไอ้พวกนี้ทำไรอยู่เนี่ย” ผู้คนต่างสงสัยในการกระทำ

“คิกๆ ในเมื่อเข้ามาแล้วจะถอยทำไมเหรอ?” แต่ตอบสนองต่อการกระทำที่แปลกประหลาดของพวกเขา หลินจิ้งก็เปล่งเสียงหัวเราะอ่อนโยนก่อนที่จะเป่าลมเบาๆ ใส่ตัวหุ่นเงาสีดำในมือ

ฮึ่ม!

รัศมีเย็นสุดขั้วเชี่ยวกรากระเบิดออกจากร่างหุ่นเงาสีดำ รัศมีนี้เป็นสีฟ้าน้ำแข็งขยายออกไปอย่างรวดเร็วในอึดใจ ก่อตัวเป็นเงาสีดำยืนตระหง่านที่ด้านข้างหลินจิ้ง

ร่างเงาสีดำถือหอกยาวไม่มีริ้วอารมณ์ใดบนใบหน้า ทว่าร่างกลับปกคลุมไปด้วยลวดลาย ขณะที่ลวดลายกะพริบแสงเย็นยะเยือกที่น่าสะพรึงกลัวก็เข้าครอบงำพื้นที่ทำให้บรรยากาศตกสู่จุดเยือกแข็ง

ในเวลาเดียวกันความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่าอัศจรรย์ก็ระเบิดออกมาจากร่างเงาสีดำ

ตู้ม!

ทุกคนสูญเสียสีสันบนใบหน้าจากการระเบิดทรงพลังของความผันผวนคลื่นหลิง แม้แต่ชิ้งหย่าและคนอื่นๆ ก็มองไปที่ร่างเงานั้นด้วยความตกตะลึง

“คลื่นหลิงนี้…ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม?!” มีบางคนอุทานลั่น ไม่มีใครคิดว่าหุ่นเงาในมือของหลินจิ้งจะกลายเป็นนักรบขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม

“นั่นตัวอะไร?” มู่ซันอุทาน

ชิ้งหย่าครุ่นคิดก่อนที่จะอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “นั่นคือตุ๊กตาวิญญาณเป็นหุ่นเงาที่หายากมาก วิธีการผลิตสลับซับซ้อนมีเพียงเผ่าที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่รู้ข้อมูลละเอียด นอกจากนี้การสร้างยังยากมาก โดยทั่วไปแล้วถ้าจะสร้างหุ่นวิญญาณระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ต้องให้จอมยุท์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายในการสร้าง แต่ถึงอย่างนั้นโอกาสที่จะล้มเหลวก็มีสูง”

มู่ซันและคนอื่นๆ ดวงตาหดเกร็ง ตุ๊กตาวิญญาณที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม? ผู้หญิงคนนั้นคือใคร? สิ่งของล้ำค่าดังกล่าวเป็นสิ่งที่แม้แต่พวกเขาก็ไม่สามารถครอบครองได้

ท่ามกลางสายตาตกตะลึง หลินจิ้งก็ยิ้มหวานขณะมองกลุ่มผีเฒ่าชุดสีเทา นางเอื้อมมือออกมาแตะร่างสีดำข้างตัวและพูดว่า “นี่คือตุ๊กตาน้ำแข็งที่ท่านน้าปิงมอบให้ข้านะ”

พูดถึงตรงนี้นางก็หยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะชี้ไปที่หวังกง “กำจัดพวกมันซะ!”

วาบ!

คำพูดเปล่งออกมา ร่างเงาสีดำก็ลืมตาที่อัดแน่นไปด้วยรัศมีเยือกเย็นปะทุเปรียะ จากนั้นก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ตุ๊กตาวิญญาณตัวนี้มีขุมพลังระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม ขณะที่อีกฝ่ายมีเพียงหวังกงที่อยู่ในขั้นเก้าระยะปลายสุดเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีช่องว่างกว้างใหญ่เมื่อเทียบกับหุ่นเงา

ดังนั้นเมื่อร่างเงาสีดำกระโจนเข้ามา ใบหน้าของทั้งสี่ก็เต็มไปด้วยความตกใจก่อนที่จะแยกกันหนี

ฟิ้ว!

แต่ขณะที่พวกเขาแยกกัน จอมยุทธ์แคว้นเซี่ยสามคนก็รู้สึกได้ถึงลมเย็นเยือก คอของพวกเขาเย็นลง เมื่อลดศีรษะมองไปก็เห็นกระบี่ยาวโผล่ออกมาจากลำคอพร้อมกับไอเย็นแผ่ซ่าน ทำให้ทั้งสามคนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งในทันที

เมื่อหวังกงเห็นทั้งสามคนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง ไอหนาวเหน็บก็เพิ่มขึ้นในใจ เขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีโดยไม่ลังเลที่จะหนีไป

ชี่!

แต่เมื่อเขาหมุนความเร็วจนถึงขีดสุด เสียงกระบี่ยาวก็กรีดผ่านเนื้อดังก้อง ร่างกายเขาถูกแช่แข็งทันที เมื่อก้มศีรษะลงก็ต้องตกใจเมื่อเห็นปลายแหลมของกระบี่โผล่ออกมาจากหน้าอกตนเอง

ด้านหลังเงาดำปรากฏขึ้นช้าๆ

รัศมีเย็นยะเยือกครอบงำแผ่ออกมาปกคลุมร่างหวังกงก่อนที่จะทำให้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง

ทุกคนพูดไม่ออกกับฉากนี้

แต่ละคนตกตะลึงเกินพรรณนากับภาพเบื้องหน้าสายตา ในเวลาไม่กี่ลมหายใจจอมยุทธ์แคว้นเซี่ยทั้งสี่ก็กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึก ความหวาดผวาที่มาถึงยิ่งใหญ่กว่าที่มู่เฉินเอาชนะเซี่ยหงเสียอีก

ไม่มีใครคาดคิดว่าหญิงสาวที่ดูไร้พิษสงคนนี้จะมีวิธีที่น่ากลัวอยู่ในมือเช่นนี้

แม้แต่มู่เฉินที่ยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะก็ยังมีแววตาตะลึงใจขณะมองไปที่ร่างเงาสีดำ สายตาของเขาเคร่งเครียดลงไปหลายส่วน

ความเร็วของตุ๊กตาวิญญาณและความครอบงำของไอเย็นเยือก อันตรายยิ่งนัก ถ้าไอเย็นนั้นเข้าร่างแม้แต่คลื่นหลิงก็คงถูกแช่แข็งทันที

ถ้าคลื่นหลิงในร่างไม่เคยหลอมรวมกับเพลิงชนิดใดๆ คงไม่สามารถต้านไอเย็นที่เข้ามาในร่างได้

เผชิญหน้ากับตุ๊กตาวิญญาณเช่นนี้ ต่อให้เป็นมู่เฉินในตอนนี้ก็ยากที่จะต่อกรด้วย หากต่อสู้กันเขาอาจเอาชีวิตรอดได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายมัน

“สมเป็นองค์หญิงน้อยแคว้นหวูแท้จริง…” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหุ่นเงาที่ทรงพลังเช่นนี้ รากฐานของแคว้นหวูลึกล้ำเกินหยั่งถึง

ในขณะนี้แม้แต่เขาที่มีจิตใจสงบก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา

หากเขามีตุ๊กตาวิญญาณที่ทรงพลังสักตัว เขาต้องสู้กับเซี่ยหงเองซะที่ไหน? สิ่งที่เขาต้องทำคือโยนมันออกไปแล้วให้หุ่นจัดการกับสถานการณ์ทั้งหมด

ขณะที่ถอนหายใจมู่เฉินก็มองไปที่เซี่ยหงที่หวาดผวารุนแรง เมื่อรู้สึกถึงสายตาของมู่เฉินร่างกายเขาก็สั่นสะท้านก่อนจะเงยหน้าขึ้น เขาเห็นจิตสังหารอันเฉยเมยในดวงตาของมู่เฉิน

การออกคำสั่งก่อนหน้านี้ชัดว่าไปกระตุ้นจิตสังหารของมู่เฉินแล้ว

เมื่อรู้สึกถึงไอสังหารของมู่เฉินหัวใจของเซี่ยหงก็เย็นชาลง สายตาเปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็กระแทกฝ่ามือลงบนพื้นผลักร่างกลายเป็นลำแสงพยายามจะหลบหนี

เมื่อมู่เฉินเห็นฉากนี้ แววตาก็เย็นชาลง มือของร่างเทพสุริยะพุ่งทะลุมิติคว้าตัวเซี่ยหงไว้

ตู้ม!

ภายใต้มือขนาดใหญ่ลำแสงสามสายก็พุ่งออกมาเป็น หอก ชุดเกราะและมุกหิน

นี่ก็คือหอกและเกราะสงครามมังกรแดงและไข่มุกทะเลเดือดที่เซี่ยหงซื้อในการประมูล

เมื่อมองไปที่อาวุธเสมือนมหสวรรค์ทั้งสามที่พุ่งออกมากะทันหัน มู่เฉินก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะหมุนเวียนพลังงานคว้าของทั้งสามไว้ในฝ่ามือ

อ็อก!

ทันใดนั้นเซี่ยหงก็พ่นเลือดออกมาคำหนึ่ง ห่อหุ้มร่างกลายเป็นลำแสงโลหิตพุ่งผ่านมิติด้วยความเร็วไม่อาจอธิบายได้

“ของสามชิ้นนี้ยังไม่พอจ่ายค่าชีวิตแกหรอก!”

สายตามู่เฉินวูบไหว อึดใจเนตรดับชีวิตก็เปิดขึ้นบนหน้าผาก ลำแสงสีดำพุ่งทะลุมิติไล่ตามลำแสงโลหิตและทำลายแขนข้างหนึ่งของเซี่ยหงทิ้ง

อ้ากๆๆๆ!

เสียงร้องแหลมดังก้อง มิติบิดเบี้ยว ลำแสงโลหิตห่อหุ้มเซี่ยหงแล้วหนีไป

“มู่เฉิน ข้าจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ แน่!” เมื่อลำแสงโลหิตหายไป เสียงคำรามน่าอนาถของเซี่ยหงก็ดังก้องระหว่างฟ้าดิน

มู่เฉินยิ้มให้กับเสียงเห่านั่น สุนัขจรจัดไม่เป็นภัยคุกคาม ยิ่งไปกว่านั้นแคว้นเซี่ยก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายในครั้งนี้แล้ว

เขาก้มศีรษะมองไปที่รูปปั้นสิงโตบนลานประลองที่มีม้วนกระดาษสีทองวางไว้

นี่เป็นใบรับรองหนี้ที่เซี่ยหงเขียนไว้ก่อนหน้านี้

ลูกหนี้—แคว้นเซี่ย

เจ้าหนี้—แคว้นหวู

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท