หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1104 ตุ๊กตาน้ำแข็ง
ตู้ม!
หวังกงเคลื่อนไหวโดยไม่เตือนล่วงหน้า รวมทั้งจอมยุทธ์ของแคว้นเซี่ยที่พุ่งเป้าไปที่หลินจิ้ง กระทั่งจิ่วโยวก็ตะลึงพรึงเพริดไปก่อนจะฟื้นคืนสติในวินาทีต่อมาจากเหตุการณ์ที่พลิกผัน
“สารเลว!”
จิ่วโยวคำรามลั่น กำมือเพลิงผลึกโปร่งใสก็ลุกโชนก่อนที่นางจะซัดฝ่ามือออกไปที่แผ่นหลังหวังกง
วาบ!
ทว่าเผชิญกับการโจมตีของจิ่วโยว หวังกงกลับไม่มีท่าทางป้องกันใด แต่เมื่อเพลิงผลึกกำลังจะซัดลงบนร่างสูงวัย ร่างร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาขวางกั้นเอาไว้ให้ด้วยร่างกายของเขา
ปัง!
ร่างเงานั้นถูกซัดออกไป เพลิงผลึกโปร่งใสก็กวาดตัวออก คลื่นหลิงรอบตัวเขาถูกเผาไหม้ ร่างสลายกลายเป็นเถ้าถ่านภายใต้เสียงร้องโหยหวน เขาก็คือจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดของแคว้นเซี่ย
ตอนแรกจอมยุทธ์คนนี้ต้องการที่จะช่วยสกัดกั้นเพลิงไว้เล็กน้อยเท่านั้น แต่เขาประเมินความสามารถเพลิงอมตะของจิ่วโยวน้อยไป ดังนั้นการป้องกันจึงไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ตัวเองก็กลายเป็นขี้เถ้าทันที
หวังกงตกใจเมื่อเห็นการตายของผู้ใต้บังคับบัญชา ทว่าสายตาของเขากลับดุร้ายยิ่งขึ้นขณะที่พุ่งเข้าหาหลินจิ้งพร้อมกับจอมยุทธ์อีกสามคนราวกับเหยี่ยวโฉบตัว ตราบใดที่พวกเขาสามารถจับตัวหญิงสาวคนนั้นได้ พวกเขาก็จะสามารถใช้นางเป็นข้อต่อรองกับมู่เฉิน ในเวลานั้นพวกเขาก็จะสามารถช่วยองค์ชายสี่ได้
ทักษะของพวกเขาเร็ว-แรง-ชี้ขาด ดังนั้นจิ่วโยวจึงเสียโอกาสสำคัญไปเพราะไม่ทันตั้งตัว
ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปกับฉากที่ปรากฏด้านล่าง แต่จากนั้นแสงก็วาบขึ้นในดวงตาพลางสงบใจลง
หลินจิ้งอาจจะดูเหมือนอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม แต่ถ้าใครคิดว่านางเป็นพวกอ่อนแอก็จะซวยเข้าเอง
องค์หญิงน้อยแห่งแคว้นหวู ธิดาสุดที่รักของเทพจักรพรรดิสงคราม กระทั่งคนไร้สมองยังรู้ว่านางมีไพ่ตายซ่อนอยู่ในแขนเสื้อเป็นสำรับเลย
ภายใต้สายตากังวลของจิ่วโยว ความสงบนิ่งของมู่เฉินและความตกตะลึงของผู้คนมากมาย จอมยุทธ์แคว้นเซี่ยทั้งสี่ก็ล้อมกรอบหลินจิ้งเอาไว้ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตห่อหุ้มที่มือของพวกเขาพยายามจะจับกุมนาง
ในกระบวนการนี้สิ่งที่ทำให้คนอื่นประหลาดใจก็คือความจริงที่หลินจิ้งคลี่ยิ้มกว้างขณะมองการล้อมจับตัวเอง โดยไม่มีความตื่นตระหนกในสายตา
หากมองใกล้เข้าไปก็สามารถสังเกตเห็นแววเยาะเย้ยในดวงตาของนางได้
นางกะพริบตาวิบวับให้หวังกงก่อนจะกางมือออก หุ่นเงาขนาดเท่าฝ่ามือก็ปรากฏขึ้นซึ่งปกคลุมไปด้วยลดวลายโบราณ
เมื่อหวังกงเห็นหุ่นเงาสีดำในมือนาง เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่อดไม่ได้ที่จะหดเกร็งดวงตาตามประสบการณ์ที่มี อันตรายที่ไม่อาจอธิบายได้พวยพุ่งขึ้นในใจ
“ถอย!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายรุนแรงแสงก็วูบวาบในดวงตาเขาพลางตะโกนลั่น “ถอยเร็ว!”
ในฐานะที่เป็นคนระวังตัว เขาไม่สามารถละเลยกับความรู้สึกอันตรายได้ นอกจากนี้เขารู้สึกได้ว่าต่อให้พวกเขาจะเคลื่อนไหวแต่ก็อาจไม่มีผลลัพธ์ใดๆ เนื่องจากพวกเขาเลือกเป้าหมายผิดตั้งแต่แรก หญิงสาวที่ดูอ่อนแอท่าทางจะจัดการลำบากที่สุด
หวังกงชะงักร่างอย่างแรงขณะตะโกนพลางถอยกลับไป จอมยุทธ์อีกสามคนรู้สึกงงงวย แต่ทุกคนก็เลือกปฏิบัติตามคำสั่ง
ดังนั้นผู้ชมจึงตกตะลึงเมื่อเห็นหวังกงและลูกน้องล่าถอยไปทันทีหลังจากพุ่งเข้าหาหลินจิ้งประหนึ่งพยัคฆ์ร้ายและอยู่ห่างจากนางเพียงสิบกว่าเมตรเท่านั้น
“ไอ้พวกนี้ทำไรอยู่เนี่ย” ผู้คนต่างสงสัยในการกระทำ
“คิกๆ ในเมื่อเข้ามาแล้วจะถอยทำไมเหรอ?” แต่ตอบสนองต่อการกระทำที่แปลกประหลาดของพวกเขา หลินจิ้งก็เปล่งเสียงหัวเราะอ่อนโยนก่อนที่จะเป่าลมเบาๆ ใส่ตัวหุ่นเงาสีดำในมือ
ฮึ่ม!
รัศมีเย็นสุดขั้วเชี่ยวกรากระเบิดออกจากร่างหุ่นเงาสีดำ รัศมีนี้เป็นสีฟ้าน้ำแข็งขยายออกไปอย่างรวดเร็วในอึดใจ ก่อตัวเป็นเงาสีดำยืนตระหง่านที่ด้านข้างหลินจิ้ง
ร่างเงาสีดำถือหอกยาวไม่มีริ้วอารมณ์ใดบนใบหน้า ทว่าร่างกลับปกคลุมไปด้วยลวดลาย ขณะที่ลวดลายกะพริบแสงเย็นยะเยือกที่น่าสะพรึงกลัวก็เข้าครอบงำพื้นที่ทำให้บรรยากาศตกสู่จุดเยือกแข็ง
ในเวลาเดียวกันความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่าอัศจรรย์ก็ระเบิดออกมาจากร่างเงาสีดำ
ตู้ม!
ทุกคนสูญเสียสีสันบนใบหน้าจากการระเบิดทรงพลังของความผันผวนคลื่นหลิง แม้แต่ชิ้งหย่าและคนอื่นๆ ก็มองไปที่ร่างเงานั้นด้วยความตกตะลึง
“คลื่นหลิงนี้…ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม?!” มีบางคนอุทานลั่น ไม่มีใครคิดว่าหุ่นเงาในมือของหลินจิ้งจะกลายเป็นนักรบขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม
“นั่นตัวอะไร?” มู่ซันอุทาน
ชิ้งหย่าครุ่นคิดก่อนที่จะอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “นั่นคือตุ๊กตาวิญญาณเป็นหุ่นเงาที่หายากมาก วิธีการผลิตสลับซับซ้อนมีเพียงเผ่าที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่รู้ข้อมูลละเอียด นอกจากนี้การสร้างยังยากมาก โดยทั่วไปแล้วถ้าจะสร้างหุ่นวิญญาณระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ต้องให้จอมยุท์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายในการสร้าง แต่ถึงอย่างนั้นโอกาสที่จะล้มเหลวก็มีสูง”
มู่ซันและคนอื่นๆ ดวงตาหดเกร็ง ตุ๊กตาวิญญาณที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม? ผู้หญิงคนนั้นคือใคร? สิ่งของล้ำค่าดังกล่าวเป็นสิ่งที่แม้แต่พวกเขาก็ไม่สามารถครอบครองได้
ท่ามกลางสายตาตกตะลึง หลินจิ้งก็ยิ้มหวานขณะมองกลุ่มผีเฒ่าชุดสีเทา นางเอื้อมมือออกมาแตะร่างสีดำข้างตัวและพูดว่า “นี่คือตุ๊กตาน้ำแข็งที่ท่านน้าปิงมอบให้ข้านะ”
พูดถึงตรงนี้นางก็หยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะชี้ไปที่หวังกง “กำจัดพวกมันซะ!”
วาบ!
คำพูดเปล่งออกมา ร่างเงาสีดำก็ลืมตาที่อัดแน่นไปด้วยรัศมีเยือกเย็นปะทุเปรียะ จากนั้นก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ตุ๊กตาวิญญาณตัวนี้มีขุมพลังระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม ขณะที่อีกฝ่ายมีเพียงหวังกงที่อยู่ในขั้นเก้าระยะปลายสุดเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีช่องว่างกว้างใหญ่เมื่อเทียบกับหุ่นเงา
ดังนั้นเมื่อร่างเงาสีดำกระโจนเข้ามา ใบหน้าของทั้งสี่ก็เต็มไปด้วยความตกใจก่อนที่จะแยกกันหนี
ฟิ้ว!
แต่ขณะที่พวกเขาแยกกัน จอมยุทธ์แคว้นเซี่ยสามคนก็รู้สึกได้ถึงลมเย็นเยือก คอของพวกเขาเย็นลง เมื่อลดศีรษะมองไปก็เห็นกระบี่ยาวโผล่ออกมาจากลำคอพร้อมกับไอเย็นแผ่ซ่าน ทำให้ทั้งสามคนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งในทันที
เมื่อหวังกงเห็นทั้งสามคนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง ไอหนาวเหน็บก็เพิ่มขึ้นในใจ เขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีโดยไม่ลังเลที่จะหนีไป
ชี่!
แต่เมื่อเขาหมุนความเร็วจนถึงขีดสุด เสียงกระบี่ยาวก็กรีดผ่านเนื้อดังก้อง ร่างกายเขาถูกแช่แข็งทันที เมื่อก้มศีรษะลงก็ต้องตกใจเมื่อเห็นปลายแหลมของกระบี่โผล่ออกมาจากหน้าอกตนเอง
ด้านหลังเงาดำปรากฏขึ้นช้าๆ
รัศมีเย็นยะเยือกครอบงำแผ่ออกมาปกคลุมร่างหวังกงก่อนที่จะทำให้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง
ทุกคนพูดไม่ออกกับฉากนี้
แต่ละคนตกตะลึงเกินพรรณนากับภาพเบื้องหน้าสายตา ในเวลาไม่กี่ลมหายใจจอมยุทธ์แคว้นเซี่ยทั้งสี่ก็กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึก ความหวาดผวาที่มาถึงยิ่งใหญ่กว่าที่มู่เฉินเอาชนะเซี่ยหงเสียอีก
ไม่มีใครคาดคิดว่าหญิงสาวที่ดูไร้พิษสงคนนี้จะมีวิธีที่น่ากลัวอยู่ในมือเช่นนี้
แม้แต่มู่เฉินที่ยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะก็ยังมีแววตาตะลึงใจขณะมองไปที่ร่างเงาสีดำ สายตาของเขาเคร่งเครียดลงไปหลายส่วน
ความเร็วของตุ๊กตาวิญญาณและความครอบงำของไอเย็นเยือก อันตรายยิ่งนัก ถ้าไอเย็นนั้นเข้าร่างแม้แต่คลื่นหลิงก็คงถูกแช่แข็งทันที
ถ้าคลื่นหลิงในร่างไม่เคยหลอมรวมกับเพลิงชนิดใดๆ คงไม่สามารถต้านไอเย็นที่เข้ามาในร่างได้
เผชิญหน้ากับตุ๊กตาวิญญาณเช่นนี้ ต่อให้เป็นมู่เฉินในตอนนี้ก็ยากที่จะต่อกรด้วย หากต่อสู้กันเขาอาจเอาชีวิตรอดได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายมัน
“สมเป็นองค์หญิงน้อยแคว้นหวูแท้จริง…” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหุ่นเงาที่ทรงพลังเช่นนี้ รากฐานของแคว้นหวูลึกล้ำเกินหยั่งถึง
ในขณะนี้แม้แต่เขาที่มีจิตใจสงบก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา
หากเขามีตุ๊กตาวิญญาณที่ทรงพลังสักตัว เขาต้องสู้กับเซี่ยหงเองซะที่ไหน? สิ่งที่เขาต้องทำคือโยนมันออกไปแล้วให้หุ่นจัดการกับสถานการณ์ทั้งหมด
ขณะที่ถอนหายใจมู่เฉินก็มองไปที่เซี่ยหงที่หวาดผวารุนแรง เมื่อรู้สึกถึงสายตาของมู่เฉินร่างกายเขาก็สั่นสะท้านก่อนจะเงยหน้าขึ้น เขาเห็นจิตสังหารอันเฉยเมยในดวงตาของมู่เฉิน
การออกคำสั่งก่อนหน้านี้ชัดว่าไปกระตุ้นจิตสังหารของมู่เฉินแล้ว
เมื่อรู้สึกถึงไอสังหารของมู่เฉินหัวใจของเซี่ยหงก็เย็นชาลง สายตาเปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็กระแทกฝ่ามือลงบนพื้นผลักร่างกลายเป็นลำแสงพยายามจะหลบหนี
เมื่อมู่เฉินเห็นฉากนี้ แววตาก็เย็นชาลง มือของร่างเทพสุริยะพุ่งทะลุมิติคว้าตัวเซี่ยหงไว้
ตู้ม!
ภายใต้มือขนาดใหญ่ลำแสงสามสายก็พุ่งออกมาเป็น หอก ชุดเกราะและมุกหิน
นี่ก็คือหอกและเกราะสงครามมังกรแดงและไข่มุกทะเลเดือดที่เซี่ยหงซื้อในการประมูล
เมื่อมองไปที่อาวุธเสมือนมหสวรรค์ทั้งสามที่พุ่งออกมากะทันหัน มู่เฉินก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะหมุนเวียนพลังงานคว้าของทั้งสามไว้ในฝ่ามือ
อ็อก!
ทันใดนั้นเซี่ยหงก็พ่นเลือดออกมาคำหนึ่ง ห่อหุ้มร่างกลายเป็นลำแสงโลหิตพุ่งผ่านมิติด้วยความเร็วไม่อาจอธิบายได้
“ของสามชิ้นนี้ยังไม่พอจ่ายค่าชีวิตแกหรอก!”
สายตามู่เฉินวูบไหว อึดใจเนตรดับชีวิตก็เปิดขึ้นบนหน้าผาก ลำแสงสีดำพุ่งทะลุมิติไล่ตามลำแสงโลหิตและทำลายแขนข้างหนึ่งของเซี่ยหงทิ้ง
อ้ากๆๆๆ!
เสียงร้องแหลมดังก้อง มิติบิดเบี้ยว ลำแสงโลหิตห่อหุ้มเซี่ยหงแล้วหนีไป
“มู่เฉิน ข้าจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ แน่!” เมื่อลำแสงโลหิตหายไป เสียงคำรามน่าอนาถของเซี่ยหงก็ดังก้องระหว่างฟ้าดิน
มู่เฉินยิ้มให้กับเสียงเห่านั่น สุนัขจรจัดไม่เป็นภัยคุกคาม ยิ่งไปกว่านั้นแคว้นเซี่ยก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายในครั้งนี้แล้ว
เขาก้มศีรษะมองไปที่รูปปั้นสิงโตบนลานประลองที่มีม้วนกระดาษสีทองวางไว้
นี่เป็นใบรับรองหนี้ที่เซี่ยหงเขียนไว้ก่อนหน้านี้
ลูกหนี้—แคว้นเซี่ย
เจ้าหนี้—แคว้นหวู