หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1130 ปะทะครั้งแรก
“ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการไป งั้นก็อยู่ที่นี่ไปเลย”
เมื่อเสียงของมู่เฉินสะท้อนออกไป ใบหน้าของจู้เยี่ยนก็กระตุกเบาๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังค่ายกลขนาดใหญ่ ก่อนจะมองไปที่มู่เฉินด้วยแววตาเคร่งขรึม
เขาไม่คิดว่าคนที่ดูธรรมดาจะมีวิธีการเช่นนี้…
“เจ้าควบคุมค่ายกลได้เรอะ?” จู้เยี่ยนกล่าวช้าๆ โดยไม่สามารถปกปิดน้ำเสียงปรวนแปรได้ เนื่องจากเขารู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเลยว่ามู่เฉินจะสามารถควบคุมค่ายกลระดับจงซือได้
มู่เฉินตบเสาหินเบาๆ พลางตอบ “เสาต้นนี้ใช้ควบคุมค่ายกล เมื่อครู่ข้าส่งสัญลักษณ์หลิงยิ่งของตัวเองเข้าไป จึงสั่งการได้ชั่วคราว…”
แน่นอนว่ามีข้อกำหนดประการหนึ่งในการควบคุมค่ายกล นั่นคือการได้รับการยอมรับจากเจ้าตำหนักสายลม ซึ่งทั้งสามคนเพิ่งได้รับก่อนหน้านี้ เพียงแต่เขาไม่ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงนั่น
เขายิ้มให้จู้เยี่ยน “ข้าบอกแล้วว่าคนที่ยิ้มตอนจบอาจเป็นคนโชคดี และบังเอิญว่าข้าเป็นคนโชคดี”
“ตอนนี้…เจ้าช่วยคืนของให้เราได้หรือยัง?” มู่เฉินยื่นมือไปทางจู้เยี่ยนพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน
จู้เยี่ยนมองมู่เฉินอยู่นานก่อนจะถอนหายใจ “นี่เป็นความผิดพลาด ข้าไม่ควรให้เจ้าสัมผัสกับเสานั่น”
ถ้าเขาเคลื่อนไหวก่อนหน้าอาจจะบังคับให้มู่เฉินถอยออกไปได้ ตราบใดที่เขาสามารถดึงมู่เฉินออกจากเสาได้การคุกคามนี้ก็จะได้รับการแก้ไข
มู่เฉินยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เขามองไปที่จู้เยี่ยนด้วยสายตาเสียดแทง
จู้เยี่ยนยักไหล่ “สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีต่อข้าสักเท่าไร แต่…”
สายตาของเขาเปลี่ยนไปทันทีขณะที่พูดต่อ “ไม่เคยมีใครเอาอะไรไปจากมือข้าได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
ตู้ม!
ช่วงเวลาที่เขาพูดจบ มิติก็บิดเบี้ยวที่ด้านหลัง จุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง เพียงแค่จุดจื้อไห่ของเขาปรากฏภูเขาไฟก็ปะทุนับไม่ถ้วน คลื่นหลิงรุนแรงรวมตัวกันอยู่ภายใน
แรงกดดันจากคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงพัดออกมาทำให้มิติแปรปรวน
จู้เยี่ยนกระทืบเท้า หินหนืดก็พุ่งออกมาก่อนที่จะกลายเป็นประกายวาววับทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าตั้งใจที่จะแหวกค่ายกล
เห็นได้ชัดว่าจู้เยี่ยนไม่เชื่อว่ามู่เฉินสามารถปลดปล่อยพลังของค่ายกลระดับจงซือนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ตราบใดที่มีช่องโหว่ก็จะเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะหลุดออกไป เมื่อไรที่เขาสามารถออกจากตำหนักนี้ได้ เขาก็ไม่ต้องกลัวมู่เฉิน
เมื่อมู่เฉินเห็นความตั้งใจของจู้เยี่ยนก็ไม่แปลกใจ ถ้าจู้เยี่ยนยอมแพ้อย่างง่ายดาย เขาก็ไม่น่าเป็นเจ้าทำเนียบจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของทวีปได้
ทว่าถึงความคิดของจู้เยี่ยนจะถูกต้อง แต่เขาไม่รู้ว่ามู่เฉินเป็นหลิงเจิ้นซือตัวจริงเสียงจริง นอกจากนี้บางทีความสำเร็จอาจไม่ถึงระดับที่คิด แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะควบคุมค่ายกลระดับจงซือด้วยเสากลาง
ดังนั้นครั้งนี้ความคิดของจู้เยี่ยนล้มเหลว
มู่เฉินมองไปที่ประกายไฟแล่นพล่านอย่างไม่แยแสก่อนจะตบเสาเบาๆ อีกครั้ง สัญลักษณ์หลิงยิ่งรวมเข้ากับเสา
ฟู่ ฟู่!
ขณะที่เขาตบเสาลงไป ค่ายกลที่ล้อมรอบตำหนักก็คำราม พายุทอร์นาโดสีฟ้าอมเขียวฉีกผ่านมิติพุ่งไปที่ประกายไฟราวกับมังกรตื่นขึ้น
พายุทอร์นาโดบรรจุด้วยความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่ากลัว แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็กลายเป็นเถ้าถ่านเมื่อสัมผัสโดน
เมื่อจู้เยี่ยนเห็นพายุทอร์นาโดใบหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่น่ากลัวในพายุ แม้แต่เขาก็จบไม่ดีแน่หากประมาทเพียงเล็กน้อย
ดังนั้นเขาจึงหยุดจนตัวโก่ง บินฉวัดเฉวียนไปมาบนท้องฟ้าหลบพายุทอร์นาโดเหล่านั้น
มู่เฉินมองภาพเงาบนท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ ชายคนนั้นน่ากลัวจริงๆ ที่สามารถหลบการโจมตีน่ากลัวเช่นนี้ได้
ทว่า… ถ้าจู้เยี่ยนคิดว่าสามารถหลีกเลี่ยงค่ายกลระดับจงซือได้อย่างง่ายดายก็ไร้เดียงสาไปหน่อยแล้ว
ตู้ม!
เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นในใจของมู่เฉิน พายุทอร์นาโดสีฟ้าอมเขียวก็ก่อตัวขึ้นด้านหลังจู้เยี่ยนราวกับแส้ซัดออกไป
มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้านหลังจู้เยี่ยน ทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นในกระดูกสันหลังขณะที่สะบัดเสื้อโดยไม่ลังเล เปลวไฟไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาเผามิติจนถึงจุดที่ทำให้เกิดการบิดเบือนเมื่อปรากฏขึ้นแม้แต่อากาศก็ลุกโชนจากเปลวไฟ
เปลวไฟพวยพุ่งออกมาเหมือนจะก่อตัวเป็นรูปมังกรและปะทะกับพายุทอร์นาโด
ปัง!
ทอร์นาโดและเปลวไฟปะทะกันแล้วระเบิดขึ้นบนท้องฟ้าราวกับดอกไม้ไฟ
ทั้งสองปะทะกัน มังกรเพลิงคงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะระเบิด หางของพายุฟาดเข้ากับแผ่นหลังของจู้เยี่ยนจังใหญ่
ครืน!
จู้เยี่ยนได้รับแรงกระทบหนักหน่วงเต็มๆ ร่างดิ่งพสุธาจากท้องฟ้าทิ้งรอยยาวไว้ที่พื้นก่อนที่เขาจะทรงตัวได้
แต่ตอนนี้เขาไม่มีความสบายเหมือนก่อนหน้า สามารถเห็นบาดแผลที่น่ากลัวที่แผ่นหลังได้ ลาวาไหลบนบาดแผลพยายามที่จะฟื้นฟู แต่ก็ถูกปิดกั้นโดยคลื่นหลิงสีฟ้า
ซี้ด!
เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดบาดลึกบนหลัง จู้เยี่ยนก็หายใจเย็นลึกสุดปอด นี่หรือค่ายกลระดับจงซือ? มิน่าล่ะถึงสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนได้… ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายที่แข็งแรงของเขา งานนี้อาจตายคาที่ไปแล้ว
“เจ้านั่น…” จู้เยี่ยนขมวดคิ้วขณะเงยหน้าขึ้นมองไปที่มู่เฉินที่ยังคงมีท่าทางสงบ เขาคิดผิด ไม่คิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถแสดงพลังของค่ายกลได้ถึงระดับนี้โดยไม่มีช่องโหว่ใดๆ
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เสียเปรียบขนาดนี้
“พี่จู้เยี่ยนคืนของกลับมาได้หรือยัง?” มู่เฉินมองไปที่จู้เยี่ยนพลางคลี่ยิ้มอีกครั้ง
จู้เยี่ยนไม่มีการแสดงออกใดๆ เพียงแต่หมุนเวียนคลื่นหลิงเพื่อฟื้นตัวจากบาดแผล ขณะที่สมองหมุนเร็วรี่พยายามหาวิธีหลบหนี
ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้เวลาแก่อีกฝ่าย เมื่อเขาเห็นว่าจู้เยี่ยนยังไม่ยอมแพ้ เขาก็ตบเสาอีกครั้ง พายุทอร์นาโดขนาดใหญ่บีบกดลงมาจากท้องฟ้าครอบร่างจู้เยี่ยนไว้
ฟู่ ฟู่
พายุน่าสะพรึงกลัวคำรามรอบร่างจู้เยี่ยนซึ่งอัดแน่นด้วยพลังทำลายล้าง ขณะที่พายุคำรามมิติก็แตกเป็นเสี่ยงๆ และเศษชิ้นส่วนมิติจำนวนนับไม่ถ้วนปะปนอยู่ภายในด้วยเช่นกัน
จู้เยี่ยนมองไปที่พายุทอร์นาโดรอบตัวที่ราวกับคุก มุมปากก็กระตุก มู่เฉินระวังตัวแจไม่ให้โอกาสกับเขาเลย
พายุทอร์นาโดตัดเส้นทางหลบหนีของเขา ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ยุ่งยาก
“บังอาจทำตัวเย่อหยิ่ง!” หลินจิ้งรู้สึกพอใจมากที่ได้เห็นภาพนี้ ชายคนนั้นกล้าฉกสมบัติของพวกนางด้วยท่าทีนั้นของเขา ทำให้นางโกรธจนต้องกัดฟัน
ตอนแรกนางวางแผนจะนำไพ่ตายออกมาเพื่อจัดการจู้เยี่ยนให้ต้องจ่ายอะไรบ้าง แต่ไม่คิดว่ามู่เฉินจะมีวิธีการน่ากลัวเช่นนี้
“มู่เฉิน เจ้าสุดยอดจริงๆ!” ท่ามกลางความยินดีหลินจิ้งก็ตบไหล่มู่เฉินหนักๆ
เท้าของมู่เฉินถึงกับเป๋จากการตบนี้ ขณะกลอกตาอย่างช่วยไม่ได้ คลื่นหลิงในร่างของเขายังอยู่ในสภาพว่างเปล่าจากพัดขนนก มิหนำซ้ำเมื่อครู่ยังควบคุมค่ายกล ตอนนี้พลังงานในร่างกายของเขาแทบไม่เหลือหลอ
เมื่อเห็นสายตาของมู่เฉิน หลินจิ้งก็หัวเราะแหะๆ พลางหยิบของเหลวจื้อจุนออกมาช่วยในการฟื้นตัวของมู่เฉิน
มู่เฉินใช้มือข้างหนึ่งรับของเหลวจื้อจุนมาดูดซับแล้วมองไปที่จู้เยี่ยนที่ติดอยู่ในพายุในเวลาเดียวกัน “ตอนนี้เจ้ามีคำตอบหรือยัง?”
จู้เยี่ยนมองไปที่มู่เฉินครู่หนึ่งก่อนจะดึงสายตากลับ มองไม่เห็นอารมณ์บนใบหน้าขณะตอบว่า “เจ้าเป็นคนแรกที่ทำให้ข้าตกอยู่ในสถานการ์น่าอนาถเช่นนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา”
“โอ้เป็นเกียรติจริงๆ” มู่เฉินตอบอย่างใจเย็น
จากนั้นจู้เยี่ยนก็พูดว่า “เจ้าต้องการอะไร?”
“ส่งพัดเทพสายลมมา… ข้าจะตั้งค่ายกลที่จะค่อยๆ สลายลงเมื่อพวกข้าจากไป จากนั้นเจ้าก็จะออกมาได้” มู่เฉินยิ้ม
จู้เยี่ยนขมวดคิ้วขณะมองไปที่มู่เฉินโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า “ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้า? ถ้าเจ้าขังข้าไว้ที่นี่ตลอดไปจะทำอย่างไร?”
“เจ้าเหมือนจะไม่มีตัวเลือกนะ”
มู่เฉินตอบช้าๆ แล้วพูดต่อ “นอกจากนี้… ข้าไม่คิดว่าแม้ว่าข้าจะผิดสัญญา เจ้าคงไม่ติดอยู่ที่นี่ตลอดไป”
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจจู้เยี่ยนดีนัก แต่เขาไม่เชื่อว่าจอมยุทธ์ระดับนี้จะไม่มีไพ่ตาย เหตุผลที่จู้เยี่ยนไม่ต้องการใช้อาจเป็นเพราะราคาในการใช้ที่สูงเกินไป
จู้เยี่ยนครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะมองไปที่มู่เฉินพลางยิ้มบาง “น่าสนใจ… ไม่คิดว่าจะมีคนแบบเจ้าในทวีปเทียนหลัว”
“คราวนี้ถือว่าเจ้าชนะ… แต่ถ้าเราเจอกันครั้งหน้า ข้าก็จะท้าทายอีก”
เมื่อพูดจบจู้เยี่ยนก็สะบัดนิ้ว พัดขนนกบินกลายเป็นแสงฟ้าอมเขียวพุ่งออกไป
มู่เฉินยื่นมือไปคว้าในอากาศ พัดขนนกก็ปรากฏตัวขึ้นในมือเขา จากนั้นเขาก็หมุนมันในมือ
“ขอบคุณที่ให้ข้าชนะ”