หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1130

ตอนที่ 1130

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1130 ปะทะครั้งแรก
“ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการไป งั้นก็อยู่ที่นี่ไปเลย”

เมื่อเสียงของมู่เฉินสะท้อนออกไป ใบหน้าของจู้เยี่ยนก็กระตุกเบาๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังค่ายกลขนาดใหญ่ ก่อนจะมองไปที่มู่เฉินด้วยแววตาเคร่งขรึม

เขาไม่คิดว่าคนที่ดูธรรมดาจะมีวิธีการเช่นนี้…

“เจ้าควบคุมค่ายกลได้เรอะ?” จู้เยี่ยนกล่าวช้าๆ โดยไม่สามารถปกปิดน้ำเสียงปรวนแปรได้ เนื่องจากเขารู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเลยว่ามู่เฉินจะสามารถควบคุมค่ายกลระดับจงซือได้

มู่เฉินตบเสาหินเบาๆ พลางตอบ “เสาต้นนี้ใช้ควบคุมค่ายกล เมื่อครู่ข้าส่งสัญลักษณ์หลิงยิ่งของตัวเองเข้าไป จึงสั่งการได้ชั่วคราว…”

แน่นอนว่ามีข้อกำหนดประการหนึ่งในการควบคุมค่ายกล นั่นคือการได้รับการยอมรับจากเจ้าตำหนักสายลม ซึ่งทั้งสามคนเพิ่งได้รับก่อนหน้านี้ เพียงแต่เขาไม่ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงนั่น

เขายิ้มให้จู้เยี่ยน “ข้าบอกแล้วว่าคนที่ยิ้มตอนจบอาจเป็นคนโชคดี และบังเอิญว่าข้าเป็นคนโชคดี”

“ตอนนี้…เจ้าช่วยคืนของให้เราได้หรือยัง?” มู่เฉินยื่นมือไปทางจู้เยี่ยนพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน

จู้เยี่ยนมองมู่เฉินอยู่นานก่อนจะถอนหายใจ “นี่เป็นความผิดพลาด ข้าไม่ควรให้เจ้าสัมผัสกับเสานั่น”

ถ้าเขาเคลื่อนไหวก่อนหน้าอาจจะบังคับให้มู่เฉินถอยออกไปได้ ตราบใดที่เขาสามารถดึงมู่เฉินออกจากเสาได้การคุกคามนี้ก็จะได้รับการแก้ไข

มู่เฉินยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เขามองไปที่จู้เยี่ยนด้วยสายตาเสียดแทง

จู้เยี่ยนยักไหล่ “สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีต่อข้าสักเท่าไร แต่…”

สายตาของเขาเปลี่ยนไปทันทีขณะที่พูดต่อ “ไม่เคยมีใครเอาอะไรไปจากมือข้าได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา”

ตู้ม!

ช่วงเวลาที่เขาพูดจบ มิติก็บิดเบี้ยวที่ด้านหลัง จุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง เพียงแค่จุดจื้อไห่ของเขาปรากฏภูเขาไฟก็ปะทุนับไม่ถ้วน คลื่นหลิงรุนแรงรวมตัวกันอยู่ภายใน

แรงกดดันจากคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงพัดออกมาทำให้มิติแปรปรวน

จู้เยี่ยนกระทืบเท้า หินหนืดก็พุ่งออกมาก่อนที่จะกลายเป็นประกายวาววับทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าตั้งใจที่จะแหวกค่ายกล

เห็นได้ชัดว่าจู้เยี่ยนไม่เชื่อว่ามู่เฉินสามารถปลดปล่อยพลังของค่ายกลระดับจงซือนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ตราบใดที่มีช่องโหว่ก็จะเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะหลุดออกไป เมื่อไรที่เขาสามารถออกจากตำหนักนี้ได้ เขาก็ไม่ต้องกลัวมู่เฉิน

เมื่อมู่เฉินเห็นความตั้งใจของจู้เยี่ยนก็ไม่แปลกใจ ถ้าจู้เยี่ยนยอมแพ้อย่างง่ายดาย เขาก็ไม่น่าเป็นเจ้าทำเนียบจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของทวีปได้

ทว่าถึงความคิดของจู้เยี่ยนจะถูกต้อง แต่เขาไม่รู้ว่ามู่เฉินเป็นหลิงเจิ้นซือตัวจริงเสียงจริง นอกจากนี้บางทีความสำเร็จอาจไม่ถึงระดับที่คิด แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะควบคุมค่ายกลระดับจงซือด้วยเสากลาง

ดังนั้นครั้งนี้ความคิดของจู้เยี่ยนล้มเหลว

มู่เฉินมองไปที่ประกายไฟแล่นพล่านอย่างไม่แยแสก่อนจะตบเสาเบาๆ อีกครั้ง สัญลักษณ์หลิงยิ่งรวมเข้ากับเสา

ฟู่ ฟู่!

ขณะที่เขาตบเสาลงไป ค่ายกลที่ล้อมรอบตำหนักก็คำราม พายุทอร์นาโดสีฟ้าอมเขียวฉีกผ่านมิติพุ่งไปที่ประกายไฟราวกับมังกรตื่นขึ้น

พายุทอร์นาโดบรรจุด้วยความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่ากลัว แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็กลายเป็นเถ้าถ่านเมื่อสัมผัสโดน

เมื่อจู้เยี่ยนเห็นพายุทอร์นาโดใบหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่น่ากลัวในพายุ แม้แต่เขาก็จบไม่ดีแน่หากประมาทเพียงเล็กน้อย

ดังนั้นเขาจึงหยุดจนตัวโก่ง บินฉวัดเฉวียนไปมาบนท้องฟ้าหลบพายุทอร์นาโดเหล่านั้น

มู่เฉินมองภาพเงาบนท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ ชายคนนั้นน่ากลัวจริงๆ ที่สามารถหลบการโจมตีน่ากลัวเช่นนี้ได้

ทว่า… ถ้าจู้เยี่ยนคิดว่าสามารถหลีกเลี่ยงค่ายกลระดับจงซือได้อย่างง่ายดายก็ไร้เดียงสาไปหน่อยแล้ว

ตู้ม!

เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นในใจของมู่เฉิน พายุทอร์นาโดสีฟ้าอมเขียวก็ก่อตัวขึ้นด้านหลังจู้เยี่ยนราวกับแส้ซัดออกไป

มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้านหลังจู้เยี่ยน ทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นในกระดูกสันหลังขณะที่สะบัดเสื้อโดยไม่ลังเล เปลวไฟไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาเผามิติจนถึงจุดที่ทำให้เกิดการบิดเบือนเมื่อปรากฏขึ้นแม้แต่อากาศก็ลุกโชนจากเปลวไฟ

เปลวไฟพวยพุ่งออกมาเหมือนจะก่อตัวเป็นรูปมังกรและปะทะกับพายุทอร์นาโด

ปัง!

ทอร์นาโดและเปลวไฟปะทะกันแล้วระเบิดขึ้นบนท้องฟ้าราวกับดอกไม้ไฟ

ทั้งสองปะทะกัน มังกรเพลิงคงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะระเบิด หางของพายุฟาดเข้ากับแผ่นหลังของจู้เยี่ยนจังใหญ่

ครืน!

จู้เยี่ยนได้รับแรงกระทบหนักหน่วงเต็มๆ ร่างดิ่งพสุธาจากท้องฟ้าทิ้งรอยยาวไว้ที่พื้นก่อนที่เขาจะทรงตัวได้

แต่ตอนนี้เขาไม่มีความสบายเหมือนก่อนหน้า สามารถเห็นบาดแผลที่น่ากลัวที่แผ่นหลังได้ ลาวาไหลบนบาดแผลพยายามที่จะฟื้นฟู แต่ก็ถูกปิดกั้นโดยคลื่นหลิงสีฟ้า

ซี้ด!

เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดบาดลึกบนหลัง จู้เยี่ยนก็หายใจเย็นลึกสุดปอด นี่หรือค่ายกลระดับจงซือ? มิน่าล่ะถึงสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนได้… ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายที่แข็งแรงของเขา งานนี้อาจตายคาที่ไปแล้ว

“เจ้านั่น…” จู้เยี่ยนขมวดคิ้วขณะเงยหน้าขึ้นมองไปที่มู่เฉินที่ยังคงมีท่าทางสงบ เขาคิดผิด ไม่คิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถแสดงพลังของค่ายกลได้ถึงระดับนี้โดยไม่มีช่องโหว่ใดๆ

นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เสียเปรียบขนาดนี้

“พี่จู้เยี่ยนคืนของกลับมาได้หรือยัง?” มู่เฉินมองไปที่จู้เยี่ยนพลางคลี่ยิ้มอีกครั้ง

จู้เยี่ยนไม่มีการแสดงออกใดๆ เพียงแต่หมุนเวียนคลื่นหลิงเพื่อฟื้นตัวจากบาดแผล ขณะที่สมองหมุนเร็วรี่พยายามหาวิธีหลบหนี

ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้เวลาแก่อีกฝ่าย เมื่อเขาเห็นว่าจู้เยี่ยนยังไม่ยอมแพ้ เขาก็ตบเสาอีกครั้ง พายุทอร์นาโดขนาดใหญ่บีบกดลงมาจากท้องฟ้าครอบร่างจู้เยี่ยนไว้

ฟู่ ฟู่

พายุน่าสะพรึงกลัวคำรามรอบร่างจู้เยี่ยนซึ่งอัดแน่นด้วยพลังทำลายล้าง ขณะที่พายุคำรามมิติก็แตกเป็นเสี่ยงๆ และเศษชิ้นส่วนมิติจำนวนนับไม่ถ้วนปะปนอยู่ภายในด้วยเช่นกัน

จู้เยี่ยนมองไปที่พายุทอร์นาโดรอบตัวที่ราวกับคุก มุมปากก็กระตุก มู่เฉินระวังตัวแจไม่ให้โอกาสกับเขาเลย

พายุทอร์นาโดตัดเส้นทางหลบหนีของเขา ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ยุ่งยาก

“บังอาจทำตัวเย่อหยิ่ง!” หลินจิ้งรู้สึกพอใจมากที่ได้เห็นภาพนี้ ชายคนนั้นกล้าฉกสมบัติของพวกนางด้วยท่าทีนั้นของเขา ทำให้นางโกรธจนต้องกัดฟัน

ตอนแรกนางวางแผนจะนำไพ่ตายออกมาเพื่อจัดการจู้เยี่ยนให้ต้องจ่ายอะไรบ้าง แต่ไม่คิดว่ามู่เฉินจะมีวิธีการน่ากลัวเช่นนี้

“มู่เฉิน เจ้าสุดยอดจริงๆ!” ท่ามกลางความยินดีหลินจิ้งก็ตบไหล่มู่เฉินหนักๆ

เท้าของมู่เฉินถึงกับเป๋จากการตบนี้ ขณะกลอกตาอย่างช่วยไม่ได้ คลื่นหลิงในร่างของเขายังอยู่ในสภาพว่างเปล่าจากพัดขนนก มิหนำซ้ำเมื่อครู่ยังควบคุมค่ายกล ตอนนี้พลังงานในร่างกายของเขาแทบไม่เหลือหลอ

เมื่อเห็นสายตาของมู่เฉิน หลินจิ้งก็หัวเราะแหะๆ พลางหยิบของเหลวจื้อจุนออกมาช่วยในการฟื้นตัวของมู่เฉิน

มู่เฉินใช้มือข้างหนึ่งรับของเหลวจื้อจุนมาดูดซับแล้วมองไปที่จู้เยี่ยนที่ติดอยู่ในพายุในเวลาเดียวกัน “ตอนนี้เจ้ามีคำตอบหรือยัง?”

จู้เยี่ยนมองไปที่มู่เฉินครู่หนึ่งก่อนจะดึงสายตากลับ มองไม่เห็นอารมณ์บนใบหน้าขณะตอบว่า “เจ้าเป็นคนแรกที่ทำให้ข้าตกอยู่ในสถานการ์น่าอนาถเช่นนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา”

“โอ้เป็นเกียรติจริงๆ” มู่เฉินตอบอย่างใจเย็น

จากนั้นจู้เยี่ยนก็พูดว่า “เจ้าต้องการอะไร?”

“ส่งพัดเทพสายลมมา… ข้าจะตั้งค่ายกลที่จะค่อยๆ สลายลงเมื่อพวกข้าจากไป จากนั้นเจ้าก็จะออกมาได้” มู่เฉินยิ้ม

จู้เยี่ยนขมวดคิ้วขณะมองไปที่มู่เฉินโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า “ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้า? ถ้าเจ้าขังข้าไว้ที่นี่ตลอดไปจะทำอย่างไร?”

“เจ้าเหมือนจะไม่มีตัวเลือกนะ”

มู่เฉินตอบช้าๆ แล้วพูดต่อ “นอกจากนี้… ข้าไม่คิดว่าแม้ว่าข้าจะผิดสัญญา เจ้าคงไม่ติดอยู่ที่นี่ตลอดไป”

แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจจู้เยี่ยนดีนัก แต่เขาไม่เชื่อว่าจอมยุทธ์ระดับนี้จะไม่มีไพ่ตาย เหตุผลที่จู้เยี่ยนไม่ต้องการใช้อาจเป็นเพราะราคาในการใช้ที่สูงเกินไป

จู้เยี่ยนครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะมองไปที่มู่เฉินพลางยิ้มบาง “น่าสนใจ… ไม่คิดว่าจะมีคนแบบเจ้าในทวีปเทียนหลัว”

“คราวนี้ถือว่าเจ้าชนะ… แต่ถ้าเราเจอกันครั้งหน้า ข้าก็จะท้าทายอีก”

เมื่อพูดจบจู้เยี่ยนก็สะบัดนิ้ว พัดขนนกบินกลายเป็นแสงฟ้าอมเขียวพุ่งออกไป

มู่เฉินยื่นมือไปคว้าในอากาศ พัดขนนกก็ปรากฏตัวขึ้นในมือเขา จากนั้นเขาก็หมุนมันในมือ

“ขอบคุณที่ให้ข้าชนะ”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท