หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1132

ตอนที่ 1132

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1132 เกาะมังกร
เปลวไฟลุกโชนปกคลุมพัดสีฟ้าอมเขียวในพริบตา

อุณหภูมิที่ลุกไหม้ทำให้พื้นที่โดยรอบแปรปรวน แม้แต่มิติก็ยังส่งสัญญาณการแผดเผาออกมา

แต่เมื่อเผชิญกับเปลวไฟลุกโชติช่วง พัดขนนกก็ไม่ได้ขยับเขยื้อน แม้แต่รังสีสีฟ้าอมเขียวยังนิ่งเฉย ราวกับเปลวไฟไม่มีตัวตน

มู่เฉินไม่แปลกใจ หากสามารถชำระอาวุธมหสวรรค์ได้ง่ายดาย เขาคงจะสงสัยว่านี่เป็นอาวุธมหสวรรค์ของแท้หรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าไม่ใช่เพราะพัดเทพสายลมอยู่ในสถานะไร้เจ้าของ มู่เฉินคงถูกมันซัดทันทีที่ใช้ไฟเผาแล้ว

มู่เฉินมองไปที่พัดขนนกก็โบกมือสายธารของเหลวจื้อจุนปรากฏขึ้นรอบตัว หมอกหลิงไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านเติมเต็มในชั้นเจดีย์นี้

การชำระพัดเทพสายลมไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นมู่เฉินจึงนำของเหลวจื้อจุนจำนวนมากออกมาเพื่อเตรียมใช้ในกระบวนการนี้

เสร็จสิ้นการเตรียมการมู่เฉินก็ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง เกลียวคลื่นหลิงจากของเหลวจื้อจุนไหลเข้าไปทางนาสิกประสาทของเขา ฟื้นฟูพลังที่อ่อนล้าในร่างกาย

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปท่ามกลางการชำระอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ของเหลวจื้อจุนรอบตัวก็เริ่มเบาบางลง แม้แต่เปลวไฟก็ยังคลุมเครือขึ้น พัดสถิตอยู่ตรงกลางขณะที่หมอกลอยขึ้น พายุทอร์นาโดสีฟ้าอมเขียวขนาดเล็กกวนตัวออกมา

พายุทอร์นาโดสวยงามมาก แต่เมื่อปรากฏขึ้นพื้นที่ทั้งหมดนี้ก็สั่นสะเทือน มวลลมรุนแรงพร้อมกับกรวดหินดินทรายปลิวว่อนในท้องฟ้า…

ดวงตาที่ปิดสนิทของมู่เฉินเปิดขึ้นพลางมองไปที่พายุทอร์นาโดขนาดเล็กริ้วความสุขวูบวาบในดวงตา

พายุทอร์นาโดนี้เป็นแก่นของพัดเทพสายลม ที่มีเกลียวลมเหลืองสุดขั้วที่ถือกำเนิดจากสวรรค์ทั้งเก้าหลังจากผ่านไปนับพันนับหมื่นปี นี่เป็นเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้พัดเทพสายลมเป็นอาวุธมหสวรรค์ของแท้

หากเขาต้องการชำระพัดเทพสายลม เขาก็ต้องทิ้งรอยประทับไว้เบื้องหลังลมเหลืองสุดขั้ว

ฮา

มู่เฉินหายใจเข้าลึก จากนั้นก็กัดลิ้นตัวเองเลือดกลั่นสายหนึ่งพุ่งออกมาซึ่งบรรจุด้วยคลื่นหลิงบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อเลือดกลั่นพุ่งออกมาใบหน้าของมู่เฉินก็ซีดลง ชัดว่าสูญเสียพลังไปมาก

แก่นเลือดกลั่นนี้มีค่ามาก เนื่องจากได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยคลื่นพลังของเขา หากสูญเสียมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อรากฐานคลื่นพลัง หากไม่ใช่ขั้นตอนจำเป็นในการชำระอาวุธมหสวรรค์ มู่เฉินก็ไม่คิดทำเช่นนี้แน่นอน

เลือดกลั่นพุ่งไปที่ลมเหลืองสุดขั้ว แต่ไม่ได้รวมเข้ากัน เพียงแค่ลอยอยู่รอบนอก ดูเหมือนจะถูกปิดกั้นโดยบางสิ่งไม่ให้เข้าไป

เมื่อมู่เฉินเห็นใบหน้าก็ยังคงสงบลงพลางหลับตาลงอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มควบคุมเปลวไฟเพื่อปลดปล่อยอุณหภูมิร้อนระอุแผดเผาลมเหลืองสุดขั้ว

ภายใต้การเผาไหม้อย่างช้าๆ แก่นเลือดกลั่นก็เริ่มสามารถหลอมรวมเข้ากับมันได้

แต่กระบวนการนี้ต้องใช้เวลาพอสมควรดังนั้นมู่เฉินจึงไม่ใจร้อน เขารอคอยเงียบๆ ตราบใดที่แก่นเลือดกลั่นสามารถหลอมรวมเข้ากับลมเหลืองสุดขั้วได้อย่างสมบูรณ์ วางรอยประทับของเขาอยู่ภายในนั้น พัดเทพสายลมก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ในเวลานั้นแม้ว่าคนอื่นจะยึดวัตุถุนี้ไปเว้นแต่จะเป็นจอมยุทธ์ที่มีพลังสูงกว่าเขาหลายขุม มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะลบรอยประทับของเขาออก

มากจนมู่เฉินสามารถควบคุมรอยประทับที่อยู่ภายในเพื่อทำลายแกนกลางของพัดระเบิดตัวอาวุธล้ำค่านี้ได้ พลังระเบิดนั้นแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ยังไม่มีช่วงเวลาที่ดี

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมู่เฉินต้องการใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการชำระพัดเทพสายลม… เพราะการล่อลวงของอาวุธมหสวรรค์ยิ่งใหญ่เกินไป

ตอนนี้เขาก็แค่รอให้ขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์…

ขณะที่มู่เฉินชำระพัดเทพวายุ

จิ่วโยวก็ยืนอยู่บนท้องฟ้าด้านนอกเจดีย์ นางยืนอยู่เงียบๆ หลับตาลง ความผันผวนของคลื่นหลิงรอบตัวสลายไป ก่อนที่นางจะยื่นมือออกไปเพื่อหมุนเวียนกระบวนท่าเรียกสายลม

นางทำความเข้าใจโดยหลับตาลง เกลียวพายุเริ่มควบแน่นกันบนท้องฟ้า ค่อยๆ รวมตัวกันรอบกายนาง

ภายใต้เกลียวพายุที่รวมตัวกัน จิ่วโยวดูเหมือนจะรู้สึกได้ว่าน้ำหนักตัวเองเริ่มเบาลง ความรู้สึกคล้ายกับการทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าประหนึ่งสายลมที่อยู่ทั่วทุกหนแห่ง

ระลอกคลื่นกระเพื่อมในหัวใจนาง แม้ว่าวิชาเรียกสายมนี้จะเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเล็กที่อยู่ในประเภทสนับสนุน ทว่าความลึกซึ้งนั้นน่าทึ่งมาก หากนางสามารถฝึกฝนได้สำเร็จก็อาจเทียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเลยทีเดียว

แม้แต่คนอย่างจู้เยี่ยนซึ่งอยู่ภายใต้ระดับตี้จื้อจุนไม่มาก ก็ได้แต่กินฝุ่นใต้เท้านางเท่านั้นไม่สามารถแตะต้องนางได้

เมื่อนึกถึงภาพนี้หัวใจของจิ่วโยวก็โลดขึ้นด้วยความคาดหวัง

มู่เฉินและจิ่วโยวยุ่งกับธุระตนเอง

ส่วนหลินจิ้งที่ว่างไม่มีอะไรทำก็ดูน่าเบื่อ หลังจากวนเวียนรอบเกาะไม่เห็นสมบัติใดๆ นางก็กลับมาด้วยอารมณ์ตะบึงตะบอน

เมื่อนางกลับมาเห็นว่ามู่เฉินและจิ่วโยวเข้าสมาธิไม่สามารถรบกวนได้ ดังนั้นนางจึงรออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะออกจากเกาะไปอย่างเงียบๆ ด้วยนิสัยแสนซน นางตั้งใจจะเดินเล่นรอบๆ และดูว่าจะเจอโอกาสอื่นๆ อีกหรือไม่

หลินจิ้งเดินทางโดยไม่มีเป้าหมายพบกลุ่มคนเป็นครั้งคราว เมื่อพวกเขาเห็นสาวสวยอยู่คนเดียวก็อดเกิดความคิดไม่ดีในใจไม่ได้ แต่ในขณะที่ความคิดเหล่านั้นผุดขึ้นพวกเขาก็เห็นร่างที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีเย็นเยียบติดตามอยู่ด้านหลังหลินจิ้งราวกับเงาตามตัว ไอเย็นที่เปล่งออกมาจากทำให้พวกเขารู้สึกหนาวสั่นไปถึงแกนกระดูก ความคิดทั้งหมดหยุดนิ่งถอยหนีจากนางจ้าละหวั่น

ภายใต้การคุ้มครองของตุ๊กตาน้ำแข็ง การเดินทางของหลินจิ้งก็ราบรื่น ไม่มีใครกล้าที่เคลื่อนไหวจัดการนาง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้นางก็เก็บเกี่ยวดอกผลจากเกาะต่างๆ แต่เมื่อเทียบกับตอนอยู่กับพวกมู่เฉินก็น้อยกว่ามาก

นางไม่พอใจ สมบัติธรรมดาๆ ไม่อยู่ในสายตานาง ดังนั้นการเก็บเกี่ยวสมบัติในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้นางตื่นเต้นอะไร

แต่โชคดีที่ระหว่างค้นหาสมบัติเธอได้รับข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับที่ตั้งตำหนักมังกร

ตำหนักมังกรเป็นหนึ่งในเก้าตำหนักที่มีข่าวลือว่าติดอันดับสูงและแข็งแกร่งกว่าตำหนักสายลมที่พวกนางพบมาก่อน

เมื่อได้รับข้อมูลดังกล่าว หลินจิ้งก็เปลี่ยนทิศทางโดยไม่ลังเลพุ่งตัวไปยังเกาะตำหนักมังกร

เมื่อหลินจิ้งมาถึงที่เกาะก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามีจอมยุทธ์จำนวนมากอยู่นอกเกาะและยังมีร่างแสงบินเข้ามาอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องได้รับข้อมูลและรีบมาที่นี่เช่นกัน

สถานที่แห่งนี้คึกคักมากกว่าเกาะสายลม

ทว่าหลินจิ้งก็ตระหนักได้ว่าแม้จะมีผู้คนมากมายอยู่รอบๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไป ตรงกันข้ามพวกเขาส่วนใหญ่หยุดอออยู่ข้างนอกไม่กล้าเข้าไป

หลินจิ้งกวาดสายตามองก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ เนื่องจากนางพบว่าเกาะนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกจางๆ หมอกไม่แข็งแกร่งเท่าไร แต่หลินจิ้งก็จำมันได้

“พิษลมปราณมังกรนี่เอง… มิน่าถึงไม่มีใครกล้าเข้าไป” หลินจิ้งอุทานแล้วเดาะลิ้น สิ่งที่เรียกว่า ‘พิษลมปราณมังกร’ เป็นพิษร้ายแรงของเผ่ามังกรซึ่งได้รับการขัดเกลาด้วยลมปราณมังกรจึงมีความครอบงำอย่างมาก แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นก็จะอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชหากหายใจเข้ามากเกินไปและหากประมาทก็ทิ้งชีวิตไปได้

ทว่าหลินจิ้งไม่ได้เศร้าซึมอะไรกับเรื่องนี้ ตรงกันข้ามนางยิ้มบาง แม้พิษนี้จะสามารถขัดขวางผู้อื่นได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดนางได้

เมื่อคิดได้นางก็โบกมือเก็บตุ๊กตาน้ำแข็ง จากนั้นน้ำเต้าหยกขาวงดงามก็ปรากฏขึ้นในมือนาง ประกายสีขาวพุ่งออกมาห่อหุ้มร่างนางไว้

เตรียมตัวเสร็จแล้วหลินจิ้งก็เดินเข้าไปในเกาะภายใต้สายตกตะลึงนับไม่ถ้วน

ขณะที่หลินจิ้งเข้าไปที่เกาะมังกร อีกมุมหนึ่งของเกาะร่างเงาหนึ่งก็ย่างกรายเข้าไปแบบสบายๆ ร่างนั้นสวมชุดสีรุ้งเผยให้เห็นรูปร่างน่าทึ่ง ทรวดทรงอ้อนแอ้นอรชรทำให้คนมองถึงกับคอแห้งผาก ผ้าคลุมปกปิดใบหน้างดงามเอาไว้

หญิงสาวคนนี้ปกคลุมไปด้วยความลึกลับน่าหลงใหล ทำให้ผู้คนรู้สึกมึนเมาเพียงแค่มองไป

เมื่อนางเข้าไปในเกาะมังกร งูสีรุ้งตัวเล็กๆ ก็เลื้อยออกมาบนไหล่นางดูดพิษเข้าไป พิษนี้ซึ่งแม้แต่เผ่ามังกรก็หลีกเลี่ยง กลับไม่มีผลกระทบใดๆ ต่องูน้อยตัวนี้…

ขณะที่งูน้อยดูดพิษอย่างเพลิดเพลิน ร่างสะคราญโฉมก็ค่อยๆ เดินเข้าในส่วนลึกของเกาะ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท