หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1148

ตอนที่ 1148

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1148 ตราราชันไศลนที
ตึง!

คลื่นกระแทกรุนแรงกวาดหายนะในทะเลสาบสวรรค์ คลื่นทุกลูกทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดถึงกับหนังหัวชาหนึบ พวกเขารู้ว่าหากถูกกระบวนท่านี้เข้าคงตายคาที่แน่ แม้ว่าจะใช้ทุกทักษะที่มีออกมาก็ตาม

ดังนั้นสามารถเห็นได้ว่ามู่เฉินน่ากลัวเพียงใด แม้ว่าจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะต้นก็ตาม

หลายคนทอดถอนหายใจในใจขณะที่มองไปที่สมรภูมิดุเดือด ขณะนี้มีร่างเทห์สวรรค์ใหญ่โตสองร่างที่เอิบอาบคลื่นทรงพลังพร้อมกับการโจมตีด้วยคลื่นหลิงจำนวนมากซัดไปหาอีกฝ่าย

การโจมตีเหล่านั้นทำให้โลกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น พลังงานหลิงที่มีก็หมดลงมาก ตอนแรกเมื่อเซี่ยหยู่เห็นว่าไม่สามารถเอาชนะมู่เฉินได้อย่างรวดเร็ว เขาก็เลิกใช้ความเร็วและเลือกที่จะทำให้คู่ต่อสู้หมดแรง

เพราะเขาอยู่ในขั้นเก้าระยะเต็มแล้วโดยอยู่ห่างจากระดับตี้จื้อจุนเพียงก้าวเดียว ในแง่ของความหนาแน่นพลังงานหลิงของเขาเข้มข้นกว่ามู่เฉิน

ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปเขาเชื่อว่าจะสามารถทำให้มู่เฉินหมดแรงได้

ทว่าความคิดมักดีเสมอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ค่อยๆ ตระหนักว่าร่างเทพสุริยะที่อยู่ใต้เท้าของมู่เฉินยังคงเปล่งประกายแวววาว

พลังงานของอีกฝ่ายดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดและเทียบได้กับเขาเลยทีเดียว

“เป็นไปได้ยังไง?!”

ใบหน้าของเซี่ยหยู่เขียวคล้ำ เขาไม่รู้ว่าหลังจากรวมกับเพลิงอมตะคลื่นหลิงของมู่เฉินก็มีลักษณะไม่มีวันหมดสิ้น ดังนั้นความยากลำบากในการทำให้มู่เฉินเหนื่อยล้าเกินจินตนาการของเซี่ยหยู่ไปไกล

“ร่างเทห์สวรรค์ของมันทรงพลังมากเกินไปบวกกับพลังกายก็น่ากลัวยิ่งกว่า ถ้าต้องการฆ่ามัน ก็ต้องแยกมันออกจากร่างเทห์สววรค์แล้วจัดการทันที!”

แต่เซี่ยหยู่ก็ไม่ใช่ธรรมดา เขายังหาทางได้แม้แต่ในเวลานี้ หนึ่งในเหตุผลหลักที่มู่เฉินสามารถต่อสู้กับเขาได้ก็เนื่องมาจากร่างเทพสุริยะลึกลับ

ตราบใดที่เขาสามารถแยกมู่เฉินออกจากร่างเทพสุริยะได้ เซี่ยหยู่เชื่อว่าจะสามารถฆ่ามู่เฉินได้ไม่ยาก

แต่เขาจะต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อแยกมู่เฉินออกจากร่างเทห์สวรรค์ ซึ่งนี่ทำให้เขาลังเล ตอนแรกเขาเตรียมใช้ทักษะนี้กับจาโหลหลัว ถ้าเขาใช้ตอนนี้อนาคตก็จะถูกจาโหลหลัวตั้งระวังไว้

ความลังเลเกิดขึ้นชั่วครู่ก่อนที่เซี่ยหยู่จะปัดออกไปอย่างเด็ดขาด ตราบใดที่เขาสามารถจับมู่เฉินและได้รับร่างเทห์สวรรค์นี้ การเก็บเกี่ยวก็จะคุ้มค่า

ฮา

ด้วยการตัดสินใจนี้ เซี่ยหยู่มองไปที่มู่เฉินอย่างน่าขนพองสยองเกล้าก่อนที่เขาจะกัดลิ้นพ่นเลือดออกมาพร้อมกับแสงสีดำเปล่งออกมาจากเลือด

แสงสีดำสนิทขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตราหยกสีดำที่มีภูเขาและแม่น้ำสลักอยู่กำลังเปล่งความหนักหน่วงอันทรงพลังจนแม้แต่มิติก็พังทลาย

“นั่นคือ…สมบัติล้ำค่าของแคว้นเซี่ยตราราชันไศลนที?” เมื่อผู้ชมเห็นตราหยกดำนั้น ใบหน้าของพวกเขาก็ฉาบด้วยความตกใจขณะอุทาน

“เป็นไปได้ยังไง?! ตราราชันไศลนทีเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นกลางที่สามารถควบคุมได้โดยจอมยุทธ์ระดับตี้จื้อจุนเท่านั้น นอกจากนี้นั่นก็เป็นสมบัติของฮ่องเต้เซี่ยทำไมเขาถึงมอบให้เซี่ยหยู่? ถ้าเซี่ยหยู่สูญเสียไปละก็จะเป็นผลกระทบใหญ่ต่อขุมกำลังของแคว้นเซี่ยเลยนะ!”

“นั่นไม่ใช่ตราราชันไศลนทีของจริง! น่าจะเป็นแบบจำลองที่ชำระโดยฮ่องเต้เซี่ย แม้ว่าการใช้งานจะจำกัด แต่ความสามารถก็เทียบได้กับอาวุธมหสรรค์ขั้นต่ำ!” มีสายตาแหลมคมบางคู่แยกแยะออกมาได้

“แม้ว่าจะเป็นของจำลอง แต่ความสามารถก็ยังน่ากลัว ดูเหมือนว่าเซี่ยหยู่ตัดสินใจฆ่ามู่เฉิน ถึงเอาไม้ตายนี้ออกมา!” มีคนถอนหายใจ เซี่ยหยู่ซ่อนสิ่งนี้ไว้ลึกมาก แต่ตอนนี้เขาถูกบังคับให้นำออกมา

เมื่อความวุ่นวายระเบิดขึ้น มู่เฉินก็มองไปที่ตราหยกดำก่อนที่จะหดดวงตา ที่แท้นั่นก็คือสมบัติประจำแคว้นเซี่ย แบบจำลองของตราราชันไศลนทีหรอ?

ดูเหมือนว่าเซี่ยหยู่ก็มีไม้ตายอยู่ในมือ!

“แกน่าจะภูมิใจที่บังคับให้ข้ามาไกลขนาดนี้!” เซี่ยหยู่มองไปที่มู่เฉินอย่างมืดมน จากนั้นเขาก็วาดตราประทับขึ้นก่อนที่ตราหยกดำจะสั่นเบาๆ ภาพสลักบนตราหยกราวกับกลายเป็นภาพเหมือนจริง

“ตราราชันไศลนที ม่านไศลนที!”

เซี่ยหยู่สะบัดนิ้วบนตราหยกเสียงก็ดังกระหึ่มออกมา จากนั้นทุกคนก็เห็นภาพเหมือนพุ่งออกไปเป็นแนวกั้นกดลงมาจากท้องฟ้า ห่อหุ้มร่างเทพสุริยะไว้

เมื่อม่านล้อมรอบตัว มู่เฉินก็สามารถรู้สึกได้ว่าการเชื่อมโยงของเขากับร่างเทพสุริยะถูกตัดขาดจากกัน

ดังนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตที่ปล่อยออกมาจากมู่เฉินจึงอ่อนแอลงอย่างมาก

สายตาของมู่เฉินกลายเป็นเคร่งเครียด ม่านนี้แปลกเกินไป กระทั่งตั้งระวังไว้ แต่ม่านก็ยังคลี่ผ่านแนวป้องกันของเขา ห่อหุ้มร่างเทพสุริยะได้

“อาวุธมหสวรรค์ที่มุ่งเป้าไปที่ร่างเทห์สวรรค์โดยเฉพาะเรอะ?” มู่เฉินตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอาวุธประเภทนี้ ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกได้ว่าตราราชันไศลนทีทรงพลังเพียงใด หากสามารถปิดผนึกร่างเทห์สวรรค์ของอีกฝ่ายตอนสู้กัน นั่นเท่ากับว่าจะอยู่ยงคงกระพันในสมรภูมนี้

มิน่าล่ะชื่อเสียงของฮ่องเต้เซี่ยในทวีปทวีปเทียนหลัวถึงได้โด่งดังมาก ที่แท้ก็เพราะมีอาวุธมหสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้… แม้แต่แบบจำลองก็มีพลังมาก ดังนั้นจึงยากที่จะจินตนาการได้ว่าตราของแท้จะทรงพลังเพียงใด

“มู่เฉินสายไปที่จะเสียใจ!” เซี่ยหยู่มองสีหน้าของมู่เฉินที่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มประหลาด ตอนนี้มู่เฉินไม่สามารถหลบจากเงื้อมมือของเขาได้อีกต่อไป

สายตาของมู่เฉินวูบไหว แม้ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไป แต่ในใจเขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกมากเกินไป ตราราชันไศลนทีทรงพลังอย่างแท้จริง แต่ตัวเขาก็มีพัดเทพสายลมเหมือนกัน ถ้าเขานำพัดออกมาก็จะสามารถลบม่านนี้ลงได้

ทว่ามู่เฉินไม่คิดจะใช้เนื่องจากเก็บไว้เป็นไม้เด็ด เขาไม่ต้องการนำออกมาที่นี่ เพราะจะเก็บไว้ใช้กับจาโหลหลัว

ตู้ม!

ขณะที่ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในใจมู่เฉิน เซี่ยหยู่ก็ไม่ลังเลกระทืบเท้าลงไป ร่างราชันฟากฟ้าที่อยู่ใต้เท้าระเบิดออกมาพร้อมกับแสงหลิงนับไม่ถ้วน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ขยายขนาดดูราวกับเหมือนยักษ์ขนาดเล็ก นอกจากนี้พื้นผิวร่างกายยังปกคลุมไปด้วยลวดลาย ความผันผวนที่น่ากลัวกระเพื่อมออกมา

แกร็ก

เซี่ยหยู่ค่อยๆ กำหมัดแน่น เสียงแตกเสียดแก้วหู เมื่อมองไปที่มู่เฉินรอยยิ้มน่ากลัวก็ปรากฏบนใบหน้า มู่เฉินสูญเสียการสนับสนุนจากร่างเทห์สวรรค์ ส่วนเขาสามารถพึ่งพาร่างราชันฟากฟ้าได้ ดังนั้นทั้งคู่ไม่อยู่ในระดับเดียวกันอีกต่อไป

ผลลัพธ์ถูกกำหนดแล้ว

ปัง!

เซี่ยหยู่ยิ้มและพุ่งออกมาเป็นริ้วแสง ยิงตรงไปที่มู่เฉิน ภาพซ้อนปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดคลื่นเสียงเจาะแก้วหู

“หมัดราชัน!”

เซี่ยหยู่คำรามขณะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกมา ขณะนี้เขาคล้ายกับดวงอาทิตย์เอิบอาบด้วยแรงกดดันคลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัว ใบหน้าทรงเกียรติปรากฏบนดวงอาทิตย์ประหนึ่งจักรพรรดิ

ความกดดันที่น่ากลัวห่อหุ้มลงมา ทำให้มู่เฉินรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่างกาย จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบินฉวัดเฉวียนอยู่บนพื้นผิวร่างกายส่งเสียงคำรามออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกมันสัมผัสได้ถึงอันตรายเช่นกัน

ถ้ามู่เฉินถูกกระบวนท่านี้ซัด แม้จะมีพลังกายแข็งแกร่งก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส

ทุกคนถอนหายใจ พวกเขาทั้งหมดคิดว่ามู่เฉินคงจะจบชีวิตที่นี่แล้ว

หมัดราชันขยายออกไปอย่างรวดเร็วในดวงตาของมู่เฉิน ไอความตายทำให้ม่านตาของมู่เฉินหดลง แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือมู่เฉินไม่ได้ถอยหนี ตรงกันข้ามเขายังยืนมั่นอยู่ในตำแหน่งเดิม

“กลัวจนขาแข็งเลยเรอะ!” รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากเซี่ยหยู่

มู่เฉินไม่ได้ใส่ใจ เขารู้สึกได้ถึงไอความตายก่อนที่จะหลับตาลงท่ามกลางสายตาหวาดผวานับไม่ถ้วนราวกับว่ายอมแพ้

“เขายอมแพ้แล้ว” หลายคนถอนหายใจ หลังจากสูญเสียร่างเทห์สวรรค์ก็ชัดที่มู่เฉินจะรู้ตัวว่าไม่สามารถต่อสู้กับเซี่ยหยู่ได้

ทว่าขณะที่ทุกคนมีความคิดเช่นนั้น จังหวะนั้นมู่เฉินก็ลืมตาโพลง เส้นเลือดพล่านไปทั่วม่านตา

รัศมีการสังหารที่ไม่อาจจินตนาการได้รวมตัวกันรุนแรงภายในร่างกายของมู่เฉิน

เขารู้สึกได้ถึงไอความตายอีกครั้งจากหมัดของเซี่ยหยู่

หากเขาต้องการฝ่าสถานการณ์นี้ เขาก็ต้องต่อสู้เพื่อชีวิตของตนเท่านั้น!

มู่เฉินค่อยๆ กำหมัดแน่น รัศมีการสังหารรุนแรงพุ่งออกมา ยามนี้แม้แต่ทะเลสาบสวรรค์ก็ดูเหมือนว่าถูกย้อมด้วยรัศมีสังหาร

มู่เฉินยกกำปั้นขึ้นก่อนที่จะค่อยๆ ชกออกไป

ทว่าเมื่อหมัดที่ดูธรรมดาเหวี่ยงออกไป น้ำในทะเลสาบก็ระเบิดขึ้นกะทันหัน

รัศมีการเสียสละตัวเองกลายเป็นปีศาจทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

สังเวยร่างกายปีศาจของข้า ทำลายอดีตและปัจจุบัน!

หมัดปีศาจพลีชีพ!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท