หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1144

ตอนที่ 1144

แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1144 เก็บเกี่ยวยิ่งใหญ่
มู่เฉินยืนอยู่บนเรือมังกรทองคำ

ขณะสายตามองทะเลสาบสวรรค์ที่มีชีวิตชีวา ทว่าเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่เดียวแต่หัวเรือกลับเคลื่อนเข้าไปในส่วนลึก

เขาต้องการทดสอบว่าความคิดของตนเองถูกต้องไหม

เนื่องจากคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขต ทะเลสาบสวรรค์จึงเต็มไปด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว ยิ่งลึกลงไปแรงกดดันก็จะหนาแน่นมากขึ้น ป้ายศิษย์ธรรมดาไม่สามารถเข้ามาลึกมากได้ แต่โชคดีที่มู่เฉินมีป้ายมังกรทองคำซึ่งทำให้เขาเดินทางได้อย่างอิสระในทะเลสาบสวรรค์

ขณะที่เขามุ่งหน้าไปลึกขึ้น จำนวนผู้คนก็ลดลงเช่นกันก่อนที่เขาจะเลือกสถานที่เงียบสงบปักหลัก

เขานั่งลงบนเรือนิ้วทั้งสิบขยับเบาๆ สัญลักษณ์หลิงยิ่งพวยพุ่งออกจากปลายนิ้วยิงออกไปรวมเข้ากับชั้นบรรยากาศอย่างรวดเร็ว

ในช่วงเวลาสิบกว่าลมหายใจค่ายกลก็ก่อร่างขึ้นที่เบื้องหน้าแล้ว

ค่ายกลนี้ไม่ได้มีความสามารถในการโจมตี เนื่องจากเป็นค่ายกลบรรจบจิต

นี่เป็นเหยื่อล่อที่เขาสร้างขึ้นจับปลาจิตทะเลสาบ

จากการสังเกตเมื่อสักครู่มู่เฉินตระหนักว่าการปรากฏตัวทุกครั้งของจิตทะเลสาบจะเป็นสถานที่ที่มีคลื่นหลิงหนาแน่นมาก เห็นได้ชัดว่าจิตเหล่านั้นมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่มีคลื่นหลิงหนาแน่นโดยสัญชาตญาณเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของมัน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้มู่เฉินก็ไม่ต้องออกค้นหาพวกมันอย่างขมขื่น เพราะเขาสามารถตั้งค่ายกลที่มีพลังงานหลิงหนาแน่นเพื่อล่อจิตทะเลสาบเข้ามาในกับดัก

แน่นอนว่าเมื่อมีเหยื่อก็ต้องมีอวน

มู่เฉินมองไปที่ค่ายกลบรรจบจิตก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่เส้นสายผนึกจะบินฉวัดเฉวียนออกมารวมเข้ากับชั้นบรรยากาศอีกครั้ง

เมื่อสัญลักษณ์หลิงยิ่งบินออกไปอย่างต่อเนื่อง ค่ายกลก็ถักทอขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทว่ามู่เฉินไม่ได้เปิดใช้งานทันที กลับซ่อนไว้ก่อนที่จะสร้างค่ายกลขึ้นอีกหลายชั้น

ค่ายกลเหล่านี้อยู่ในระดับเทียนเท่านั้น ดังนั้นมู่เฉินต้องชดเชยคุณภาพด้วยปริมาณ แน่นอนว่าหากต้องการจัดการกับจิตทะเลสาบที่เทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มแค่ค่ายกลระดับนี้อย่างเดียวก็ไม่เพียงพอ

ดังนั้นหลังจากสร้างค่ายกลระดับเทียนสิบกว่าค่ายกล มู่เฉินก็หายใจเข้าลึกใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนพรั่งพรูออกจากมือ เต้นระริกบนท้องฟ้าก่อนที่จะรวมเข้ากับชั้นบรรยากาศด้านนอกค่ายกลค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

ค่ายกลนี้ทำให้มู่เฉินเสียเวลาไปพอสมควร เพราะนี่คือค่ายกลระดับจงซือที่ไม่สมบูรณ์—ค่ายกลย์เก้าเทพมังกรประหาร

เมื่อสัญลักษณ์หลิงยิ่งผนึกสุดท้ายรวมเข้ากับชั้นบรรยากาศ มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าพวกมันเริ่มเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน

เขามองขึ้นไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก แม้ว่าสถานที่จะดูสงบ แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่ามีถ้ำมังกรซึ่งแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ไม่สามารถรอดพ้นจากความตายได้

“ตอนนี้ก็มาดูกันว่าจะได้ผลหรือไม่”

ดวงตาของมู่เฉินเป็นประกายด้วยความคาดหวัง จากนั้นก็สะบัดนิ้ว แสงเบ่งบานจากค่ายกลบรรจบจิตที่อยู่ชั้นในสุดก่อนที่แรงดูดจะระเบิดออกมา

ซ่า ซ่า

น้ำในทะเลสาบโดยรอบเริ่มกระเพื่อม คลื่นหลิงที่มองเห็นได้พุ่งไปรวมตัวกันในค่ายกลบรรจบจิตอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากคลื่นหลิงในทะเลสาบสวรรค์มีมหาศาลผลของค่ายกลบรรจบจิตจึงดีมากเช่นกัน ในช่วงเวลาสิบกว่าลมหายใจน้ำทะเลสาบภายในค่ายกลก็ถึงขนาดรวมตัวเป็นผลึกพร้อมกับปล่อยหมอกหลิงออกมา

คลื่นหลิงบริเวณนี้บริสุทธิ์และหนาแน่นกว่าสถานที่อื่นๆ ในทะเลสาบสวรรค์

มู่เฉินพยักหน้ากับภาพนี้ เหยื่อถูกตั้งเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาดูว่าปลาจะมาติดอวนไหม หากไม่ได้ผลเขาก็ต้องกลับไปใช้วิธีดั้งเดิมในการไล่จับจิตทะเลสาบสวรรค์ซึ่งมีประสิทธิภาพต่ำ

มู่เฉินนั่งรอบนเรือเงียบๆ ก่อนที่จะหลับตาลงช้าๆ สร้างค่ายกลปกปิดคลื่นพลังของตัวเองไว้จากรอบตัว เพื่อที่จิตทะเลสาบสวรรค์จะไม่ค้นพบ

ในส่วนลึกของทะเลสาบสวรรค์ช่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงคลื่นเป็นครั้งคราว

ขณะที่เวลาผ่านไป ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น มู่เฉินเริ่มขมวดคิ้วกับภาพนี้ หรือว่าเขาคิดผิด?

“รออีกหน่อยแล้วกัน”

ทว่ามู่เฉินก็ระงับความกังวลในใจและรอต่อไป

สิบนาทีผ่านไป แต่สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบก็ทำเอาเขาเริ่มผิดหวัง ขณะที่มู่เฉินกำลังจะยอมแพ้ท่าทางก็เปลี่ยนไปเมื่อสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวจากน้ำในทะเลสาบที่เบื้องหน้า

ซ่า ซ่า

ริ้วแสงปรากฏขึ้นในระยะไกล พุ่งใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

ความปีติแล่นพล่านในดวงตาของมู่เฉิน เนื่องจากเขารู้ว่านี่คือจิตทะเลสาบสวรรค์

จิตทะเลสาบบินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงเอิบอาบ ดูเหมือนจะอดทนไม่ได้ขณะพุ่งไปที่ค่ายกล

มู่เฉินดีใจมากในหัวใจ ความคิดของเขาได้ผลจริงด้วย

จิตทะเลสาบบินเข้ามาปรากฏที่นอกค่ายกล แต่ทันใดนั้นมันก็ช้าลงราวกับว่าสัมผัสได้ถึงบางอย่าง

เวลาเดียวกันหัวใจของมู่เฉินก็โลดมาที่คอหอย จิตทะเลสาบดวงนี้เหมือนจะสัมผัสได้ถึงความผันผวนแปลกประหลาดรอบๆ น้ำในทะเลสาบ

มันบินวนไปรอบๆ ค่ายกลด้วยอาการลังเล คลื่นหลิงหนาแน่นที่ปล่อยออกมาจากค่ายกลบรรจบจิตคล้ายกับอาหารอันโอชะที่ยั่วยวน

มันยึกยักอยู่รอบค่ายกลพักหนึ่ง สุดท้ายสติปัญญาน้อยนิดที่มีก็ไม่สามารถละทิ้งสิ่งล่อใจเบื้องหน้า พุ่งเข้าสู่ค่ายกลทันที

ฮึ่ม ฮึ่ม

เมื่อมันเข้ามาได้ก็กลืนกินคลื่นหลิงแข็งแกร่งพร้อมกับเสียงฮึมฮัมเปล่งออกมาราวกับว่ามีความสุข

ขณะที่จิตทะเลสาบกำลังกลืนกินพลังงานอย่างเพลิดเพลิน รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้ามู่เฉิน ในที่สุดปลาก็ติดกับดัก ตอนนี้ได้เวลาเก็บแหแล้ว!

ตู้ม!

เพียงแค่คิดค่ายกลจำนวนมากรอบๆ ค่ายกลบรรจบจิตก็ถูกกระตุ้น ทันใดนั้นลวดลายหลิงก็ปรากฏขึ้นห่อหุ้มค่ายกลบรรจบจิตเอาไว้

การระเบิดของคลื่นหลิงกะทันหันทำให้จิตทะเลสาบตกใจ มันกลายเป็นริ้วแสงพยายามหลบหนี

ทว่าตอนนี้สายเกินไปที่มันจะหนีแล้ว

จิตทะเลสาบชนกับชั้นแรก ค่ายกลระดับเทียนแตกเป็นเสี่ยงๆ ทันที ชั้นที่สอง… ชั้นที่สาม… ก็ตามมา

เมื่อมู่เฉินเห็นสิ่งนี้ก็แอบเดาะลิ้น โชคดีที่เขาเตรียมตัวดี ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถดักจิตทะเลสาบสวรรค์ได้

ปัง! ปัง!

ชั้นของค่ายกลแตกสลายภายใต้ผลกระทบ ทว่าความเร็วของจิตทะเลสาบก็ค่อยๆ ช้าลงเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ามันเหนื่อยล้าจากค่ายกลระดับเทียน

เพียงหนึ่งนาทีค่ายกลระดับเทียนทั้งหมดก็พังทลายลง

ทว่ามู่เฉินไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะไพ่ตายของเขาคือค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารที่สร้างไว้ชั้นนอกสุด

โฮก!

เมื่อจิตทะเลสาบมาถึงชั้นนอกสุด ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารก็ถูกกระตุ้น คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกลายเป็นมังกรพุ่งเข้าปะทะ

ปัง!

คลื่นถาโถมจากการปะทะ จิตทะเลสาบได้รับความเสียหายอย่างหนักก่อนที่จะถูกผลักกลับ แม้แต่แสงมันวาวโดยรอบก็จางลง

เห็นได้ชัดว่าค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารแข็งแกร่งกว่าค่ายกลก่อนหน้ามาก

หัวใจของมู่เฉินสงบลงเมื่อเห็นภาพนี้ ตอนนี้จิตทะเลสาบเป็นลูกไก่ในกำมือแล้ว ไม่อาจหนีไปได้อีก

ตู้ม! ตู้ม!

ในเวลาต่อไป มันยังคงโจมตีไม่หยุด แต่ก็ไม่สามารถแข่งกับค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารได้และถูกผลักกลับไปหลายครั้งพร้อมกับแสงมันวาวรอบตัวจืดจางลง

เมื่อการปะทะครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น จิตทะเลสาบก็หดตัวลงครึ่งหนึ่ง

มู่เฉินลุกขึ้นยืนไปปรากฏตัวขึ้นเหนือจิตทะเลสาบ ด้วยการตบคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ระเบิดออก ผูกจิตทะเลสาบก่อนที่เขาจะกำหมัดแน่นบีบอัดลงย่างรวดเร็ว กลายเป็นก้อนอัญมณี

ก้อนอัญมณีพลิ้วลงในมือมู่เฉินก่อนที่เขาจะโยนมันขึ้นลงด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นสัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งออกมา สร้างค่ายกลที่ถูกทำลายไปก่อนหน้าออกมาใหม่

นั่นเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่ามีจิตทะเลสาบเข้ามาตามเส้นทางนี้อีกครั้งแล้ว

หนึ่งชั่วโมงถัดมา

จุดที่มู่เฉินอยู่ก็เริ่มคึกคักยิ่งขึ้น จิตทะเลสาบทีละดวง…ทีละดวงถูกล่อลวงและตกหลุมพราง

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกับดัก จิตทะเลสาบที่ไม่ได้มีสติปัญญามากนักก็ตกหลุมพรางด้วยตัวเอง

ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงมู่เฉินก็ได้ก้อนอัญมณีมาสิบสามดวงแล้ว!

แม้แต่มู่เฉินที่มีจิตใจสงบยังอดยิ้มแย้มไม่ได้ ด้วยความเร็วนี้การรวบรวมจิตทะเลสาบสวรรค์สามสิบดวงก็ไม่ใช่เรื่องยาก

แต่ขณะที่มู่เฉินกำลังตั้งใจเก็บเกี่ยวจิตทะเลสาบจำนวนมาก ความผันผวนของค่ายกลก็กระจายออกไป ซึ่งดึงดูดความสนใจของหลายคนเข้ามา

เมื่อพวกเขาเห็นว่ามู่เฉินจับจิตทะเลสาบได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้ค่ายกล ดวงตาแต่ละคนก็แทบหลุดออกจากเบ้า ความตกใจและความโลภก็กะพริบในดวงตาพวกเขา

ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้สูญเสียสติเพราะความโลภ พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าค่ายกลเหล่านั้นน่ากลัวเพียงใด แม้แต่จิตทะเลสาบสวรรค์ที่อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มยังไม่สามารถหนีออกมาได้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาให้เมื่อยปาก

ดังนั้นแม้ว่าดวงตาของพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ก็ทำได้เพียงมองดูและไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไป

แต่ชัดว่านี่ไม่ได้เป็นกับทุกคน

ตู้ม!

มู่เฉินที่ได้รับจิตทะเลบสาบอีกดวงก็สะบัดมือเก็บเข้ามา ทว่าเขาไม่ได้เคลื่อนไหวแต่ยืนขึ้นมองไปที่พื้นที่ห่างไกลด้วยความเฉยเมย

ร่างแสงสีทองพาดผ่านเข้ามาปรากฏที่เบื้องหน้าเขาในเวลาไม่กี่ลมหายใจ

คนคนนั้นยืนอยู่บนเรือมังกรทองคำ ซึ่งเป็นคนหน้าตาคุ้นเคยยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนนั้น

นั่นคือเซี่ยหยู่

เซี่ยหยู่ยืนอยู่บนเรือมองไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มพลางปรบมือเบาๆ “ไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถจับจิตทะเลสาบสวรรค์ด้วยวิธีนี้ เปิดหูเปิดตาจริงๆ”

มู่เฉินมองเซี่ยหยู่โดยไม่มีสีหน้าใดๆ และไม่ตอบคำพูดของเขา

เซี่ยหยู่ไม่โกรธมู่เฉินกลับยิ้มอ่อนโยน “มอบก้อนจิตทะเลสาบครึ่งหนึ่งที่เจ้าได้ให้ข้าซะ ไม่งั้นข้าจะทำลายค่ายกล แล้วเจ้าจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างราบรื่นอีก”

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าพลางเงยหน้าขึ้นชี้ไปทางอื่น

“ไสหัวไป”

เผชิญหน้ากับการคุกคามของเซี่ยหยู่ มู่เฉินเอ่ยคำตอบแบบตรงและแรงอย่างที่สุด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท