หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1162

ตอนที่ 1162

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1162 ฟื้นฟูกองทัพสังหารวิญญาณ
โถงเก่าแก่รกร้าง

มีค่ายกลที่มีพลังงานหลิงรุนแรงห่อหุ้มไว้ มังกรเก้าตัวบินฉวัดเฉวียนอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับความผันผวนน่ากลัวที่เล็ดลอดออกมาจากพวกมัน ทำให้แม้แต่มิติยังสั่นสะท้านจากพลัง

ซูชิงหยิงตัวสั่นสะท้านภายใต้มังกรทั้งเก้าขณะเงยหน้าขึ้นมองไปที่มู่เฉินที่อยู่นอกค่ายกล ขณะนี้ชายหนุ่มยืนเอามือไพล่หลังมีรอยยิ้มบาง ทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นเข้าสู่ครรลองสายตาของซูชิงหยิงก็แสบตามาก

“ไม่คิดว่าเจ้าจะทำได้ถึงขนาดนี้!” ซูชิงหยิงกัดริมฝีปากขณะที่พูดอย่างยากลำบาก

มู่เฉินทำให้นางตกใจแท้จริง แม้ว่าซูชิงหยิงจะเตรียมการสำหรับมู่เฉินไว้ แต่นางก็ไม่คิดว่ามู่เฉินใช้ค่ายกลที่น่ากลัวนี้ในการป้องกันได้

จนถึงตอนนี้นางยังไม่อาจเชื่อกับความจริงที่อยู่ตรงหน้า เพราะนี่คือค่ายกลระดับจงซือที่เทียบได้กับระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ด้วยความเข้าใจของมู่เฉินในเส้นทางศาสตร์ค่ายกลเขาจะบรรลุสิ่งนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นหลิงเจิ้นจงซือเหรอ?

ทว่ามู่เฉินก็ไม่ใส่ใจกับอารมณ์ของซูชิงหยิง เขามองไปที่นางและยิ้มอีกครั้ง “แม่นางซู ไม่รู้ว่าเจ้าสามารถช่วยข้าฟื้นฟูกองทัพสังหารวิญญาณได้หรือไม่?”

ซูชิงหยิงเหลือบมองไปที่มู่เฉินอย่างลึกซึ้งก่อนจะยิ้มพลางพยักหน้า “พี่มู่พูดอะไรแบบนั้น? คนอย่างข้าไม่กลืนน้ำลายตัวเองหรอก ในเมื่อข้าสัญญาไว้ก็ต้องทำตามแน่นอน”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง มู่เฉินก็ผายมือออกมาทำท่าเชื้อเชิญ

ซูชิงหยิงหันกลับไป และยื่นมือออกเผยให้เห็นแมลงหงส์ที่หลับใหลอยู่ในฝ่ามือพร้อมกับแววปวดใจในส่วนลึกของดวงตาเมื่อนางมองไปที่มัน

ทีแรกพลังงานดังกล่าวจะสามารถช่วยแมลงหงส์ในการเจริญเติบโตและวิวัฒนาการได้ การบีบพลังออกมาจะทำให้มันได้รับการเสียหายใหญ่หลวง

แต่การเผชิญหน้ากับค่ายกลที่น่ากลัวซูชิงหยิงก็ไม่มีทางเลือก

มู่เฉินเจ้าเล่ห์เกินไป

ซูชิงหยิงถอนหายใจและไม่ลังเลอีกต่อไป นางวาดตราประทับขึ้นปลายนิ้วปริออกพร้อมกับหยดเลือดพรมลงบนร่างแมลงหงส์

หยดเลือดซึมเข้าร่างแมลงหงส์กลายเป็นลวดลายขลังบนร่างแมลง

กีด กีด!

แมลงหงส์ที่หลับใหลส่งเสียงร้องแหลมราวกับว่าเจ็บปวด สุดท้ายร่างกายสั่นสะท้าน เส้นใยเลือดก็พุ่งออกมาห่อหุ้มส่วนหนึ่งของกองทัพสังหารวิญญาณ

เส้นใยเลือดมุดเข้าไปในร่างนักรบสังหารวิญญาณ จากนั้นมู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังงานในร่างกายพวกเขา

ซูชิงหยิงรู้สึกโล่งใจขณะที่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากก่อนที่จะหันไปหามู่เฉิน “พี่มู่ ตามที่เจ้าต้องการ”

ทว่ามู่เฉินยังคงไร้อารมณ์ขณะจ้องมองนาง

รอยยิ้มของซูชิงหยิงก็ค่อยๆ หดหายไป

“แม่นางซู กองทัพสังหารวิญญาณห้าพันนาย เจ้ากู้คืนเพียงสองร้อยนายเท่านั้น แม้ว่าพลังของพวกเขาจะเสียหาย แต่ก็ไม่เสียหายถึงระดับนี้ใช่ไหม?” มู่เฉินพูดเบาๆ

จากการรับรู้เขาตระหนักได้ว่ามีนักรบสังหารวิญญาณสองร้อยนายเท่านั้นที่มีพลังกลับคืนมา จำนวนนี้น้อยเกินไป แม้จะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ใบหน้าของซูชิงหยิงเปลี่ยนไป นางกักพลังไว้เยอะก็จริง เพราะพลังงานนั้นมีค่าสำหรับแมลงหงส์ซึ่งในอนาคตเมื่อนางบรรลุระดับตี้จื้อจุน มันจะช่วยในการพัฒนาพลังได้มาก

มู่เฉินมองไปที่ซูชิงหยิงเหยียดนิ้วออกสองนิ้ว “แม่นางซู ข้าต้องการนักรบสองพันนาย ตราบเท่าที่เจ้าเรียกจำนวนนี้ได้ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”

“เจ้าบ้าไปแล้ว!” ใบหน้าของซูชิงหยิงเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว “นักรบสังหารวิญญาณสองพันนายไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควบคุมได้ โชคชะตานี้แบกรับไม่ไหวหรอก!”

หากนางดึงพลังนักรบสองพันนายออกมาจริงๆ ละก็ พลังงานในร่างแมลงหงส์จะหมดลงอย่างมาก ดังนั้นซูชิงหยิงจึงรู้สึกปวดใจกับเรื่องนี้ยิ่งนัก

“นั่นเป็นปัญหาที่ข้าต้องกังวลเอง” มู่เฉินพูดอย่างใจเย็นขณะจ้องมองไปที่ซูชิงหยิง “แม่นางซู ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะรู้คุณค่าของแมลงหงส์ ครั้งนี้ที่เจ้ามาวังสวรรค์บรรพกาลก็คงเพื่อสิ่งนี้ พลังงานในร่างกายก็ไม่ได้เป็นของมัน ทำไมต้องโลภมากด้วย?

“นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการ ข้าจะไม่ยอมขยับไปไหนเด็ดขาด”

มู่เฉินหลับตาลงหลังจากพูดจบ เห็นได้ชัดว่าไม่มีความตั้งใจที่จะเจรจาเนื่องจากตามการคาดการณ์ของเขา หากเขาไม่ได้จำนวนนักรบเท่านี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะนำร่างหลักของมั่นถัวหลัวออกมา

ซูชิงหยิงมองไปที่มู่เฉินที่กำลังหลับตาก็กัดฟัน แต่นางรู้ว่าไม่มีที่ว่างสำหรับการเจรจาจากทัศนคติของเขา ดังนั้นเธอจึงเค้นเสียงเย็นพลางวาดตราประทับ เสียงร้องแหลมคมดังมาจากแมลงหงส์อีกครั้ง เส้นใยเลือดจำนวนมากพุ่งออกมาจากมัน

รัศมีแมลงหงส์จางลงอย่างรวดเร็วทำให้ซูชิงหยิงรู้สึกปวดใจ

เส้นใยเลือดพุ่งเข้าไปในร่างนักรบสังหารวิญญาณและค่อยๆ ฟื้นฟูพลังของพวกเขา

“เสร็จแล้ว”

มู่เฉินลืมตาขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนจะพยักหน้าไปทางซูชิงหยิง “ขอบคุณ”

ซูชิงหยิงหยุดเส้นใยสีแดงเข้มทันที รีบเก็บแมลงหงส์ก่อนจะมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาถากถางอย่างเย็นชา “ทำไมไม่เอาต่อแล้วล่ะ? น่าจะฟื้นฟูได้มากกว่านี้อีก”

มู่เฉินยิ้มบาง “ข้าคงรับไหว”

นักรบสังหารวิญญาณสองพันนายเป็นขีดจำกัดในการลองของเขาแล้ว

“พูดเหมือนจำนวนตอนนี้เจ้าสามารถควบคุมได้” ซูชิงหยิงเค้นเสียงเย็น เห็นได้ชัดนางไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถสั่งการนักรบสังหารวิญญาณสองพันนายได้ เพราะนี่เป็นกองทัพที่ขัดเกลาโดยจอมพลสองซึ่งสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนไปนับสิบแล้ว

แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่มีชีวิตและสติปัญญา จำนวนนักรบก็ได้รับความเสียหายดังนั้นความแข็งแกร่งในการต่อสู้โดยรวมจึงลดลงอย่างมาก ถ้ามู่เฉินสามารถสั่งการพวกเขาได้จริง เขาก็ไม่ต้องกลัวใครแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น

มู่เฉินยิ้มไม่ได้สนใจนาง เขาโบกมือค่ายกลก็พลิกผัน เส้นทางปรากฏขึ้น ซูชิงหยิงรีบพุ่งออกมา

หลุดออกมาจากค่ายกล ร่างกายตึงเครียดของซูชิงหยิงก็ผ่อนคลายลงก่อนจะมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาร้ายกาจพร้อมกับความไม่พอใจ

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตากินเลือดกินเนื้อของนาง มู่เฉินก็ไม่กลัวขณะที่จ้องกลับด้วยรอยยิ้ม

สายตาทั้งสองฟาดฟันกัน ความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวก็เล็ดลอดออกมาจากพวกเขา

ซูชิงหยิงจับแมลงหงส์พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “เมื่อไม่มีค่ายกลนี้เจ้าจะสู้กับข้าได้อย่างไร?”

มู่เฉินยิ้ม “น่าจะสู้เจ้าไม่ไหวหรอกมั้ง”

ถ้าซูชิงหยิงยอมจ่ายราคาด้วยแมลงหงส์จริงๆ เขาคงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากแน่นอน

เมื่อได้ยินคำตอบของมู่เฉิน ซูชิงหยิงก็อึ้งไปก่อนที่ท่าทางอ่อนลง นางไม่เชื่อคำพูดของมู่เฉินเพราะเขาเจ้าเล่ห์เกินไป หากต้องต่อสู้ด้วยการวางชีวิตจริงๆ พร้อมกับแมลงหงส์ นางก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถฆ่ามู่เฉินได้

การเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์เช่นนี้ หากนางไม่สามารถฆ่าเขาได้ ก็เป็นการดีที่สุดที่จะไม่มีเขาเป็นศัตรู มิฉะนั้นนางคงไม่พบกับความสงบสุขอีกต่อไป

ยกตัวอย่างเซี่ยหยู่ที่มู่เฉินตัดสินใจสังหารอย่างเด็ดขาด นั่นทำให้แม้แต่ซูชิงหยิงยังตกใจเล็กน้อย ดังนั้นจิตใต้สำนึกของนางได้แต่ย้ำว่าเป็นการดีที่สุดที่นางจะไม่เป็นศัตรูกับมู่เฉิน

“ข้าได้ช่วยเซี่ยหยู่มาก่อนหน้าหลังจากได้รับผลประโยชน์บางอย่างเขา ครั้งนี้ถือว่าไม่ติดหนี้บุญคุณต่อกัน” สุดท้ายซูชิงหยิงก็ถอนพลังงานออกไปก่อนจะเค้นเสียงเย็นชา

หลังจากพิจารณาในใจ ซูชิงหยิงก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

“ขอบคุณ” มู่เฉินยิ้ม จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ใส่ใจกับการที่ซูชิงหยิงขัดขวางจิ่วโยว เพราะถ้านางต้องการผนึกกำลังกับเซี่ยหยู่เพื่อฆ่าเขา เขาก็ไม่สามารถฆ่าเซี่ยหยู่ได้

ดังนั้นไม่จำเป็นที่เขาต้องสู้กับซูชิงหยิงด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

ซูชิงหยิงไม่คิดอยู่ที่นี่อีกต่อไป สายตามองไปที่กองทัพสังหารวิญญาณในค่ายกลเอ่ยว่า “เห็นแก่การร่วมมือกัน ข้าขอเตือนอีกครั้ง อย่ากินคำใหญ่เกินกว่าจะเคี้ยว กองทัพสังหารวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะควบคุม”

เมื่อพูดจบนางก็หันออกจากห้องโถงทันที

มองภาพเงาที่จากไปมู่เฉินก็ไม่ได้คิดหยุดนาง เขาหันไปหากองทัพสังหารวิญญาณในช่วงสั้นๆ พร้อมกับไฟลุกโชนในส่วนลึกของดวงตา

ถ้าเขาสามารถสั่งการกองทัพได้ เขาก็จะสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นได้ต่อให้ยังไม่ได้บรรลุขุมพลังตี้จื้อจุน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขา ในเวลานั้นเขาจะก้าวเข้าสู่ลำดับชั้นสูงของทวีปเทียนหลัวแท้จริง

คิดถึงจุดนี้ มู่เฉินก็หายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์ในใจ เขาก้าวเข้าสู่ค่ายกลก่อนที่ตรงไปที่กองทัพสังหารวิญญาณ

หลังจากซูชิงหยิงได้สมบัติและจากไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่เขาได้รับของตัวเองบ้าง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท