หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1164

ตอนที่ 1164

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1164 พิชิตกองทัพสังหารวิญญาณ
ตู้ม ตู้ม!

รัศมีจั้นยี่ที่ไม่อาจบรรยายได้กวาดออกไป พร้อมกับเกลียวแสงสีเข้มหลายล้าน พลังที่มีอยู่ในแต่ละเส้นแสงทำให้หัวใจมู่เฉินสั่นสะท้าน หากเขาอยู่ที่นั่น เขาจะต้องถูกทำลายล้างจนถึงจุดแตกดับไม่เหลือซากแน่

นี่คือพลังของกองทัพสังหารวิญญาณในจุดสูงสุดเรอะ

ปัง!

มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ ท่ามกลางความตกตะลึง รัศมีจั้นยี่สีแดงก็กวาดไป ชนเข้ากับ ‘เขา’

ในช่วงเวลาของแรงกระทบ ความเจ็บปวดที่รุนแรงก็พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ มู่เฉินร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด การโจมตีที่น่ากลัวทำให้เขารู้สึกว่ากำลังจะถูกทำลายอย่างแท้จริง

ตู้ม! ครืน!

ขอบฟ้าหลายแสนจั้งพังทลายลงพร้อมกับรอยแตกนับไม่ถ้วนกระจายออกไป จากนั้นมู่เฉินก็มองเห็นร่างสูงวัยแตกสลายภายใต้การโจมตีนี้

นี่คือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนที่สิ้นชีพภายใต้การทำลายล้างของกองทัพสังหารวิญญาณ!

ความมืดโปรยเบื้องหน้าสายตา คลื่นจิตของมู่เฉินได้รับความเจ็บปวดรุนแรงจนเกือบทำให้เขาบ้าคลั่ง

ทว่าขณะที่มู่เฉินจะล้มลง ความเจ็บปวดก็หายไป จากนั้นเขาก็พบว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนไปอีกครั้ง

ทว่าเขายังคงถูกล้อมรอบด้วยนักรบในชุดเกราะหนัก แต่ร่างกายเปลี่ยนเป็นชายวัยกลางคน

ทว่าชายวัยกลางคนก็ยังมีพลังงานที่ทรงประสิทธิภาพและเห็นได้ชัดว่าเป็นจอมยุท์ขุมพลังตี้จื้อจุนด้วย

เมื่อมองที่ฉากนี้มู่เฉินก็อึ้งไป ภาพลวงตาเหล่านี้อาจเป็นเหล่าจอมยุท์ขุมพลังตี้จื้อจุนที่ถูกล้างบางโดยกองทัพสังหารวิญญาณ… หรือว่าเขาจะต้องประสบกับการล้มลงของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งหมด?

มู่เฉินยิ้มขมขื่น ความเจ็บปวดรุนแรงเป็นสิ่งที่ยากจะลืมเลือนสำหรับเขา ถ้าเขาไม่แน่วแน่พอครั้งเดียวก็ทำให้เป็นบ้าไปแล้ว

แต่มู่เฉินสามารถรู้สึกได้ว่าหลังจากผ่านการถูกทำลายไปครั้งแล้วครั้งเล่า ร่องรอยของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคลื่นจิตของนักรบสังหารวิญญาณก็ดียิ่งขึ้น

ดังนั้นนี่น่าจะเป็นการทดสอบของกองทัพสังหารวิญญาณ ตราบเท่าที่เขาสามารถทนได้ก็จะสามารถบัญชาพวกเขาได้ด้วยความช่วยเหลือของป้ายกองทัพ

“งั้นก็…เข้ามาเลย!”

มู่เฉินกัดฟันแน่นคลายร่างที่ตึงเกร็งตัวเอง ขณะนี้การป้องกันใดๆ ไร้ผล เมื่อเป็นเช่นนั้นให้เขาได้สัมผัสกับการทำลายล้างของรัศมีจั้นยี่กองทัพสังหารวิญญาณแบบเต็มๆ เลย!

ตู้ม!

แสงสีแดงเข้มรวมตัวกันเป็นดวงอาทิตย์สีแดงเข้มส่องลงมากระทบร่าง “มู่เฉิน”

ความเจ็บปวดรุนแรงเกาะกินจิตใจของมู่เฉินอีกครั้ง

ตู้ม! ตู้ม!

ช่วงเวลาต่อมามู่เฉินก็เผชิญกับ ‘ความตาย’ อย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายความเจ็บปวดก็ไหลเข้าสู่ส่วนลึกของกระดูกจนรู้สึกด้านชาไปหมด

เขาได้รับประสบการณ์ ‘ตาย’ ถึงแปดครั้ง

นั่นหมายความว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนแปดคนถูกทำลายโดยกองทัพสังหารวิญญาณ

สิ่งนี้ทำให้มู่เฉินตกตะลึงในใจ เนื่องจากเขารู้ว่ายากแค่ไหนที่จะฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน แม้ว่าการดำรงอยู่แบบนั้นจะสู้กับกองทัพชั้นยอดไม่ได้ แต่พวกเขาก็ควรมีหนทางที่จะหนีรอดได้

แต่ไม่มีผู้ใดในทั้งแปดคนที่สามารถหลบหนีได้ ทั้งหมดจบชีวิตลง

ดังนั้นเห็นได้ว่ากองทัพสังหารวิญญาณน่ากลัวเพียงใด

มู่เฉินถอนหายใจในใจ เขารู้สึกโล่งใจที่พบว่าหลังจากผ่านการทำลายไปแปดครั้งมิติก็เริ่มแตกสลาย

คลื่นจิตของมู่เฉินก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

อ็อก!

ในห้องโถงดวงตาที่ปิดสนิทของมู่เฉินก็เปิดขึ้นทันที จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาจากปากพร้อมกับเส้นเลือดกระตุกบนหน้าผาก ทำให้เขาดูดุร้ายขึ้น

เมื่อคลื่นจิตกลับมาแล้ว ความเจ็บปวดรุนแรงก็ตกลงบนร่างเขาเช่นกัน

ฮา ฮา!

มู่เฉินหายใจถี่ขึ้น พักใหญ่กำปั้นที่กำแน่นของก็ค่อยๆ คลายออก เขาเช็ดหน้าผากด้วยมือที่สั่นเทาและยิ้มอย่างขมขื่น

‘การตาย’ ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวแท้จริง แต่สิ่งนี้เองที่ทำให้เขารู้สึกได้ว่ารัศมีจั้นยี่ของกองทัพสังหารวิญญาณว่าน่ากลัวและรุนแรงเพียงใด

พวกเขาสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนได้ถึงแปดคน!

หากพวกเขาอยู่ในทวีปเทียนหลัวตอนนี้ ขั้วอำนาจชั้นยอดใดๆ ก็จะต้องหวั่นเกรง

แต่สิ่งที่ทำให้มู่เฉินดีใจคือความจริงที่ในที่สุดตัวเขาก็อดทนต่อการตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้อย่างคลุมเครือถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกองทัพสังหารวิญญาณ

นอกจากนี้มือของมู่เฉินซึ่งกำลังเช็ดหน้าผากก็หยุดชั่วคราว ขณะที่ความไม่เชื่อฉายในดวงตา

นั่นเป็นเพราะในขณะนี้เขาตระหนักว่าคลื่นจิตแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ดวงตาของมู่เฉินแววาวด้วยแสงแปลกประหลาด คลื่นจิตก่อตัวเป็นลวดลายจั้นเหวินจำนวนถึงเจ็ดแสนห้าหมื่นลาย!

ลวดลายจั้นเหวินเจ็ดแสนห้าหมื่นลาย?!

มู่เฉินอ้าปากค้างเล็กน้อย สิบกว่านาทีสั้นๆ ทำไมถึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับเขาขนาดนี้เชียว?

“เป็นเพราะรัศมีจั้นยี่กองทัพสังหารวิญญาณ?!”

มู่เฉินเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าอะไรเป็นสาเหตุ นี่จะต้องมาจากตอนที่เขาอดทนต่อรัศมีจั้นยี่ แม้จะทำให้เขาเจ็บปวดหนักหนาสาหัส แต่ก็ได้รับประโยชน์ที่ไม่อาจจินตนาการได้ในเวลาเดียวกัน

เพิ่มขึ้นถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นลาย!

ถ้าเขาฝึกฝนอาจจะต้องใช้เวลาเกือบครึ่งปีและนั่นเป็นพรสวรรค์เขาดีเยี่ยมด้วย แต่ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นในเวลาเพียงสิบกว่านาที

หัวใจของมู่เฉินเต้นรัวด้วยความสุขขณะที่คลี่ยิ้ม ด้วยคลื่นจิตและความช่วยเหลือของป้าย กองทัพสังหารวิญญาณนี้จะสามารถเปล่งประกายในมือของเขา

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หัวใจของเขาก็เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ด้วยกองทัพนี้แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในระดับตี้จื้อจุน แต่ก็สามารถต่อกรกับระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นได้

เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น!

มู่เฉินเม้มริมฝีปาก แม้แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านในใจ ในอดีตจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเป็นบุคคลที่สูงส่งในสายตาของเขา

เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้

แต่ตอนนี้…ในที่สุดเขาก็ได้ครอบครองพลังของขอบเขตนี้แล้ว!

แม้ว่าเขาจะยังต้องยืมพลังกองทัพสังหารวิญญาณ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าจั้นเจิ้นซือเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพและความแข็งแกร่งก็สามารถปลดปล่อยออกมาได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายรวมกันแบบไม่ขาดไม่เกินในสมการ

มู่เฉินลุกขึ้นยืนมองไปที่นักรบหุ้มเกราะหนัก เขายกป้ายขึ้น แสงกะพริบวูบไหวตั้งใจที่จะนำกองทัพสังหารวิญญาณออกไปพร้อมกับตนเอง

มีมิติเล็กๆ ในป้ายนี้มีที่สามารถใช้เก็บกองทัพสังหารวิญญาณได้ ทว่าข้อกำหนดก็คือต้องให้พวกเขาตายและไม่มีชีวิต

ป้ายเริ่มดูดกองทัพสังหารวิญญาณ ทว่าขณะกำลังเรียกเข้ามามู่เฉินก็รู้สึกถึงแรงต่อต้านเล็กน้อย

“หืม?”

มู่เฉินอึ้งไป การต่อต้านน่าจะถูกทิ้งไว้ตามเจตจำนงของพวกเขา กองทัพสังหารวิญญาณดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะจากไป เพราะต้องการที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้แม้จะตายไปแล้ว

มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจก่อนที่จะขมวดคิ้ว หากเขาไม่สามารถนำกองทัพสังหารวิญญาณออกไปได้ เขาก็จะกลับไปมือเปล่าในการเดินทางครั้งนี้

ชัดว่าเขาไม่ยอมปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้

“เจตจำนงรึ”

มู่เฉินพึมพำพลางครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปหาจอมพลสอง เขาเข้ามาหาจอมพลสองและโค้งคำนับด้วยมารยาทสูงสุด

“ท่านผู้อาวุโส ความเกรียงไกรของกองทัพสังหารวิญญาณไม่ควรถูกฝังไว้ที่นี่ ข้ายินดีที่จะนำพาพวกเขาออกไปห้ำหั่นกับจักรวรรดิปีศาจในอนาคต ดังนั้น…ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะสามารถเติมเต็มความปรารถนาของข้าได้!”

เสียงของมู่เฉินดังก้องในโถง

เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่จอมพลสอง วินาทีนั้นเขาเหมือนสังเกตเห็นร่างสง่างามพยักหน้าเบาๆ

คล้ายจะเป็นภาพลวงตา แต่ก็คล้ายไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อพูดในจุดหนึ่งนี่น่าจะเป็นปณิธานที่เหลือที่จอมพลสองทิ้งไว้

ตู้ม!

นักรบสังหารวิญญาณทั้งหมดคุกเข่าลงตามที่สัญชาตญาณ แต่คราวนี้พวกเขาคุกเข่าต่อหน้าจอมพลสองไม่ใช่ป้ายกองทัพที่ใช้บัญชาการ

มู่เฉินรู้สึกได้ว่าในขณะนี้เจตจำนงที่ห่อหุ้มกองทัพสังหารวิญญาณกำลังจางหายไป ซึ่งทำให้เขารู้สึกโล่งใจ อันที่จริงถ้าเขาต้องการนำกองทัพสังหารวิญญาณออกไป ไม่เพียงแต่เขาต้องมีป้ายใช้บัญชาการ เขายังต้องได้รับการยอมรับจากจอมพลสองด้วย

มู่เฉินโค้งคำนับอีกครั้ง แสงพร่างพราวก็เอิบอาบออกมาจากป้ายในมือ ทันใดนั้นนักรบสังหารวิญญาณทั้งสองพันนายก็กลายเป็นริ้วแสงทะยานเข้าไปสถิตภายในป้าย

เมื่อแสงริ้วสุดท้ายเข้าสู่ป้ายเรียบร้อย มู่เฉินก็เก็บไว้อย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ไม่ลังเลหันหลังกลับออกไป

ในเมื่อได้กองทัพสังหารวิญญาณมาแล้ว ก็ถึงเวลาต้องไปนำร่างหลักของมั่นถัวหลัวออกมาแล้ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท