หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1168

ตอนที่ 1168

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1168 ร่างเวทสวรรค์
ซ่า ซ่า!

เกลียวแสงสีแดงพวยพุ่งออกมาจากเมฆแดงก่ำเหนือกองทหารสังหารวิญญาณ เชื่อมโยงกันและกัน พร้อมกับมีความผันผวนน่ากลัวเล็ดลอดออกมา

พร้อมด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด ตราประทับในมือมู่เฉินก็เปลี่ยนแปลง รัศมีจั้นยี่รวมตัวกันถักทอเป็นค่ายกลสงครามขนาดใหญ่ในโถง

นั่นคือค่ายกลสงคราม!

ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของกองทัพนี้เรียกว่าค่ายกลสงครามสังหารวิญญาณ!

มู่เฉินไม่แปลกตากับค่ายกลสงครามนี้ เนื่องจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนแปดคนถูกล้างผลาญด้วยค่ายกลนี้ แสดงให้เห็นว่ามันน่าสะพรึงกลัวเพียงใด

แม้ว่ากองทัพสังหารวิญญาณจะไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุด แต่ผู้อาวุโสจั่วก็ไม่อยู่ในสภาพที่ดีไปกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งแปดคนที่ถูกกำจัด

ดังนั้นเมื่อแสงสีแดงปกคลุมไปทั่วโถง ค่ายกลสงครามที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏ ใบหน้าของผู้อาวุโสจั่วก็มืดครึ้มลงผิดปกติ

เปลือกตาเขาสั่นระริก ลึกลงไปในสายตาเผยให้เห็นความหวาดผวา

สถานการณ์นี้ไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของเขา เขาไม่คิดว่าสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยที่สามารถกระทืบจมดินได้ง่ายๆ จะกลายร่างเป็นพยัคฆ์ร้าย

เขารู้สึกถึงไอแห่งความตายที่มาจากค่ายกลสงคราม ซึ่งเขาอาจตายได้หากไม่ระวัง

ผู้อาวุโสจั่วรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องตลกร้ายเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เนื่องจากตัวเขากำลังถูกบีบจากจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มไปที่ขอบเหวความตาย

แต่ไม่ว่าในใจเขาจะรู้สึกเป็นเรื่องตลกเพียงใด เขาก็รู้ดีว่าหากไม่ทำอะไรเพื่อตอบโต้ เขาได้ตายที่นี่จริงๆ

“ไอ้เวร อย่าทำเกินไปนัก!”

ผู้อาวุโสจั่วคำราม จากนั้นก็กระทืบเท้า คลื่นหลิงระเบิดออกจากร่างกายรวมตัวเป็นเงาเบื้องหลังที่ราวกับสามารถเอื้อมจับท้องฟ้าได้

ขณะที่เงาแสงนั้นหายใจทั่วทั้งสวรรค์และโลกก็ถูกยับยั้ง

มู่เฉินมองไปที่ร่างเงาขนาดใหญ่ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่านี่น่าจะเป็นร่างเทห์สวรรค์ที่ผู้อาวุโสฝึกฝน

เมื่อร่างเทห์สวรรค์ปรากฏ ผู้อาวุโสจั่วก็อ้าปากคำราม ฉากไม่น่าเชื่อก็ปรากฏขึ้น ร่างขนาดใหญ่ถูกดูดเข้าไปในปากของเขา

ผู้อาวุโสจั่วกลืนกินร่างเทห์สวรรค์ของตัวเองเหรอนั่น?!

ตู้ม! ตู้ม!

ขณะที่มู่เฉินกำลังประหลาดใจ ร่างกายของผู้อาวุโสก็เริ่มขยาย ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจก็กลายเป็นร่างสูงพันจั้งปกคลุมไปด้วยลวดลายที่ประกอบขึ้นจากคลื่นหลิง

ฮา!

ผู้อาวุโสจั่วยืนตระหง่านระหว่างสวรรค์และโลก ลมหายใจพรูออกปากพร้อมกับพายุฟ้าคะนองป่าเถื่อน

ในตอนนี้ผู้อาวุโสจั่วราวกับเป็นราชันผู้สร้างที่นี่

“นี่ก็คือร่างเวทสวรรค์ในตำนานที่มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเท่านั้นที่สามารถปรับแต่งได้เรอะ?” มู่เฉินมองไปที่ผู้อาวุโสจั่วก็อดหายใจเข้าลึกไม่ได้

กล่าวกันว่าเมื่อเข้าสู่ขอบเขตระดับตี้จื้อจุนร่างเทห์สวรรค์จะได้รับการเปลี่ยนแปลงและสามารถหลอมรวมเข้ากับร่างกายของพวกเขาได้ ซึ่งนั่นจะไม่ได้เรียกว่าร่างเทห์สวรรค์ แต่เป็นร่างเวทสวรรค์

ร่างเวทสวรรค์ วาจากฎฟ้าดิน

“สกัดคลื่นหลิง!”

ผู้อาวุโสจั่วชี้ไปที่มู่เฉินขณะคำราม

ความผันผวนแปลกประหลาดแพร่กระจายออกไป มู่เฉินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานหลิงในภูมิภาคนี้เกิดการปฏิเสธเขา นี่ทำให้เขาไม่สามารถดูดซับคลื่นหลิงระหว่างฟ้าดิน

“นี่คือวาจากฎฟ้าดินของระดับตี้จื้อจุนเรอะ?”

ใบหน้าของมู่เฉินกลายเป็นเคร่งเครียด ถ้าเขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มธรรมดาๆ แค่วาจาของจอมยุทธ์ระดับนี้แม้แต่กฎฟ้าดินก็ต้องทำตาม ซึ่งทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายได้

มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างระดับตี้จื้อจุนกับระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มอย่างแท้จริง

ทว่าโชคดีที่เขาไม่ได้ตั้งใจพึ่งพาคลื่นหลิงในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่เลือกใช้รัศมีจั้นยี่ ซึ่งชัดว่าผู้อาวุโสจั่วยังไม่สามารถแยกเขาออกจากรัศมีจั้นยี่กองทัพสังหารวิญญาณได้

“สายฟ้า!”

ผู้อาวุโสจั่วคำราม สายฟ้านับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในบริเวณนี้ซึ่งบรรจุด้วยพลังทำลายล้างกวาดเข้าหามู่เฉิน

เผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ มู่เฉินก็ไม่กล้าผ่อนคลาย เข้าควบคุมรัศมีจั้นยี่ทันทีเพื่อสร้างการป้องกันคล้ายกับกระดองเต่าปกป้องเขาพร้อมกับค่ายกลสงครามสังหารวิญญาณ

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

การโจมตีดุร้ายเข้าโรมรันอย่างต่อเนื่อง ชั้นรัศมีจั้นยี่ถูกผลักกลับ แต่กระนั้นเมฆโลหิตก็ยังพุ่งออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“ลม! ไฟ! ภูเขา!”

ผู้อาวุโสจั่วปลดปล่อยการโจมตีรุนแรงขึ้น คลื่นหลิงทั่วบริเวณก็เริ่มเคลื่อนไหวจากการถูกสั่งการ ก่อตัวเป็นการโจมตีที่น่ากลัวกวาดไปยังมู่เฉิน

ภายใต้การโจมตีนี้ รัศมีจั้นยี่ก็ถูกผลักกลับมาอย่างต่อเนื่อง

แต่มู่เฉินไม่ได้ตื่นตระหนกเพราะค่ายกลสงครามสังหารวิญญาณเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว แม้ว่าผู้อาวุโสจั่วจะใช้ร่างเวทสวรรค์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายการป้องกันของรัศมีจั้นยี่

ผู้อาวุโสจั่วก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน ใบหน้าเขาจึงเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มด้วยความไม่เต็มใจผสมด้วยความโกรธในดวงตา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะไม่สามารถปราบปรามมู่เฉินได้ แม้จะใช้มีร่างเวทสวรรค์ก็ตาม

ในที่สุดการโจมตีก็ค่อยๆ อ่อนลง

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่ผู้อาวุโสจั่วอย่างไม่แยแส จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ เมฆสีแดงเข้มเริ่มสลายเผยให้เห็นค่ายกลสงครามสีแดงเข้มที่เสร็จสมบูรณ์

“ในเมื่อเจ้าโจมตีไปแล้ว ตอนนี้ก็ถึงตาข้าบ้าง ตาเฒ่าจั่วลองลิ้มรสค่ายกลสงครามข้าดูหน่อย”

มู่เฉินยิ้มแต่ในสายตากลับเย็นชาอย่างยิ่ง เขากำหมัดแน่น แสงโลหิตไม่สิ้นสุดก็พุ่งออกมาจากค่ายกลสงครามทำให้ทั่วบริเวณถูกย้อมด้วยสีแดง

แสงโลหิตกระจายออกมาอย่างต่อเนื่องพยายามที่จะห่อหุ้มร่างผู้อาวุโสจั่วไว้ภายใน

เมื่อเขาตกอยู่ในนั้น มู่เฉินก็จะกระตุ้นค่ายกลสงครามให้เปิดใช้งานเต็มที่

แสงสีแดงขยายในม่านตาผู้อาวุโสจั่วอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไม่หยุด ไม่กี่อึดใจเขาก็หายใจเข้าลึก เริ่มหดตัวลงสู่ขนาดเดิม จากนั้นเขาก็กระทืบเท้าทำให้มิติโดยรอบบิดเบี้ยว ร่างกลายเป็นริ้วแสงทะยานขึ้น

ปัง!

หลังคาโถงแตกออก จากนั้นมู่เฉินก็อึ้งไปเมื่อมองร่างแสงหายไปวับจากสายตา

ผู้อาวุโสจั่ว…หนีไปแล้ว?!

มู่เฉินตกตะลึงกับภาพนี้ นั่นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเชียวนะ? เลือกหนีแบบนี้เลยเรอะ?

มู่เฉินใช้เวลาพักใหญ่ฟื้นจากอาการตื่นตะลึงจากนั้นก็รู้สึกเซ็ง เขายังไม่ทันใช้ไพ่ตายกองทัพสังหารวิญญาณด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายตาเฒ่านั่นดันเลือกที่จะหลบหนี

นี่ทำให้มู่เฉินมีความรู้สึกเหมือนต่อยฝ้าย

“เด็ดขาดจริง…”

มู่เฉินถอนหายใจจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนไม่มีความลังเลแท้จริง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อตนเองก็เลือกการกระทำที่มีเหตุผลที่สุด

ผู้อาวุโสจั่วอยู่ในสภาพย่ำแย่อยู่แล้ว หากสู้ต่อไปอาจทำให้มู่เฉินต้องจ่ายราคาบางส่วน แต่คนที่จะได้รับผลกระทบหนักสุดก็เป็นตัวเขาเอง บางทีอาจจะจบชีวิตลงด้วยซ้ำ

ดังนั้นหลังจากชั่งน้ำหนักผลประโยชน์แล้ว เขาจึงเลือกชีวิตเหนืองาน

ต่อให้ลู่หยวนจะลงโทษ ก็คงไม่เอาชีวิตไปแน่ แต่มู่เฉินกล้าที่จะพรากชีวิตเขาไป

“น่าเสียดาย”

มู่เฉินส่ายหัวด้วยความเซ็ง ตอนแรกเขาก็ต้องการสัมผัสว่าค่ายกลสงครามสังหารวิญญาณทรงพลังเพียงใด

อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน เพราะการสู้ศึกมรณะกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนไม่ใช่เรื่องสบาย ดังนั้นจึงเป็นผลดีที่ผู้อาวุโสจั่วหลบหนีไป

บีบบังคับให้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นหลบหนี หากข่าวนี้กระจายไปในทวีปเทียนหลัว คงจะทำให้ชื่อเสียงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โชคลาภยิ่งใหญ่

มู่เฉินถอนหายใจก่อนที่จะเรียกรัศมีจั้นยี่และยกป้ายขึ้นมาเก็บกองทัพสังหารวิญญาณจากนั้นเขาก็เดินมาที่เบื้องหน้าประตู

ร่างหลักของมั่นถัวหลัวน่าจะอยู่หลังประตูบานนี้

มู่เฉินร่างกายเกร็งขึ้นจากนั้นก็ไม่ลังเลยื่นมือออกมาดันประตูออก

เมื่อประตูเปิดรัศมีเวิ้งว้างก็พัดปะทะใบหน้าของเขา

มู่เฉินมองเข้าไปก็เห็นดอกไม้สีดำสนิทน่าหลงใหลที่ปลายห้องโถงที่เสียหาย

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท