หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1181

ตอนที่ 1181

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1181 การมาถึงของจอมยุทธ์ชั้นสูง
สุสานจักรพรรดิฟ้า

มิติอยู่ในสภาพเป็นเสี่ยงๆ โดยมีสะเก็ดชิ้นส่วนมิติจำนวนนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นเป็นกระแสมิติที่สับสนวุ่นวาย ขณะที่ส่งเสียงหวีดหวิวออกไปในสภาพแวดล้อม

แน่นอนว่าปัจจัยที่น่ากลัวที่สุดก็ยังเป็นแรงกดดันน่าสะพรึงสองสายที่คลุมเครือของสถานที่แห่งนี้

“ไปกันเถอะ”

มู่เฉินก็อึ้งไปกับรัศมีที่น่ากลัวนี้เช่นกัน แต่คนอย่างเขาก็ไม่กลัว เขาไตร่ตรองสั้นๆ ก่อนจะมองไปยังหญิงสาวทั้งสาม ในเมื่อพวกเขามาไกลขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีทางที่จะหันหลังกลับแบบคนขี้แพ้เด็ดขาด

หญิงสาวทั้งสามก็ไม่ได้คัดค้าน ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางอย่างระมัดระวังพุ่งไปในสุสาน

ทันทีที่ก้าวเข้ามาพวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันน่ากลัวที่ห่อหุ้ม ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายเฉื่อยชาลง

ทว่าพวกเขาล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นจึงหมุนเวียนพลังงานเพื่อต้านทานแรงกดดันทันที ก่อนที่จะเงยหน้ามองไปรอบๆ

ซึ่งนั่นทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านอีกครั้ง

มียอดเขาสูงตระหง่านจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่บนผืนฟ้า ผืนดินถูกปกคลุมไปด้วยเหวแตกลึกที่ดูคล้ายกับมังกรสีดำขนาดมหึมา

“มิติที่นี่แตกสลายไปแล้ว… แม้แต่กฎเกี่ยวกับพื้นที่เชิงมิติก็ผิดปกติ” ใบหน้าของเซียวเซียวเคร่งเครียดลงหลายส่วน สงครามแบบไหนกันที่สามารถทำให้พื้นที่เสียหายจนไม่อาจฟื้นฟูแม้จะผ่านไปนับหมื่นปี?

ใบหน้ามู่เฉินก็เคร่งขรึมลง แต่ก่อนที่จะพูดก็ต้องหันไปทางอื่น ริ้วแสงพุ่งเข้ามาใกล้ก่อนที่จะกลายเป็นร่างเงาร่อนลงในสุสานจักรพรรดิฟ้า

ชัดว่าจอมยุทธ์จากขั้วอำนาจต่างๆ ก็เริ่มเร่งรุดมาถึงสุสานจักรพรรดิฟ้าแล้ว

ในบรรดาคนเหล่านั้นมู่เฉินได้เห็นคนหน้าคุ้นเซี่ยหงจากแคว้นเซี่ย อีกฝ่ายกำลังมองมาที่มู่เฉินด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย

“เฮ้ มู่เฉินก่อนหน้านี้แกโอหังนักไม่ใช่เหรอ!” เซี่ยหงมองไปที่มู่เฉินก็เผยรอยยิ้มน่าขนลุก

บางทีเขาอาจจะปกปิดและซ่อนตัวถ้าได้พบกับมู่เฉินก่อนหน้านี้ แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างออกไปเนื่องจากพวกเขาเข้ามาในสุสานจักรพรรดิฟ้าแล้ว ในสายตาของเขาเวลานี้มู่เฉินคล้ายกับคนตาย

เพราะเมื่อมาถึงที่นี่ เขาก็สามารถเรียกบิดามาได้ทุกเมื่อ

ทว่ามู่เฉินกลับเมินเฉยต่อสายตาของเซี่ยหง เขาได้เตรียมการพอเพียงสำหรับฮ่องเต้เซี่ยแล้ว

แต่ใบหน้าของเซี่ยหงกลับบิดเบี้ยวเมื่อถูกมู่เฉินเมินใส่ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นป่าเถื่อนก่อนที่จะหยิบป้ายหยกออกมา

“มู่เฉิน ข้าจะทำให้แกคุกเข่าลงขอร้อง!”

เซี่ยหงคำรามขณะที่บดขยี้ป้ายหยก

ตู้ม!

คลื่นหลิงทรงพลังระเบิดออกมาเมื่อป้ายถูกทำลาย พลังงานรวมตัวฉีกขาดผ่านมิติก่อนที่จะกลายเป็นช่องทาง

จากนั้นภาพเงาสง่างามก็เยื้องย่างออกมาอย่างช้าๆ

เมื่อภาพเงานั้นเดินออกมาคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็กวาดตัวออกไป เนินเขาที่ลอยอยู่โดยรอบกลายเป็นเถ้าถ่านจากมวลคลื่นพลังงานขนาดใหญ่

“นี่คือสุสานจักรพรรดิฟ้าเหรอ…เซี่ยหงเจ้าทำได้ดีมาก” เมื่อภาพเงาสง่างามมาถึงก็มองไปรอบๆ ก่อนที่จะเอ่ยชมเชย

“เซี่ยหยู่ล่ะ?”

ฮ่องเต้เซี่ยตั้งคำถาม เขาไม่รู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานของเซี่ยหยู่เลย

เซี่ยหงมองไปที่มู่เฉินอย่างโกรธแค้น “ท่านพ่อ พี่ชายถูกมันสังหาร!”

ร่างฮ่องเต้เซี่ยหยุดชะงักก่อนจะค่อยๆ เหลียวไปมองมู่เฉินโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ ในสายตา

ฮึ่ม!

เมื่อสายตาของฮ่องเต้เซี่ยกวาดมา มู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันน่ากลัวที่พุ่งออกมาจากทิศทางนั้นพยายามจะทำให้เขาคุกเข่าลงกับพื้น

เผชิญกับแรงกดดัน สีหน้ามู่เฉินก็มืดครึ้ม ทว่าอึดใจแสงสีม่วงทองก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายเขาต่อต้านแรงกดดันที่มาจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย อย่างไรก็ตามพื้นดินใต้ฝ่าเท้าเขาถึงกับแตกร้าวออกไป

“หืม?”

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินต่อต้านแรงกดดันได้ ฮ่องเต้เซี่ยก็อึ้งไป ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มธรรมดาจะถูกบดกลายเป็นกองเนื้อสับภายใต้แรงกดดันของเขา แต่เจ้าเด็กนั่นกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลยเรอะ?

มู่เฉินกัดฟันแน่นทนรับแรงกดดัน แต่เขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ฮ่องเต้เซี่ยตรงๆ

ฮ่องเต้เซี่ยสวมเสื้อคลุมจักรพรรดิสีทองดูสง่างามสองมือไพล่หลัง ความทรงเกียรติไม่มีที่สิ้นสุดเลือนรางเอิบอาบออกมาจากเขาทำให้คนอื่นกลัว

แกร็ก

ขณะที่มู่เฉินมองไปที่ฮ่องเต้เซี่ยเขาก็บดขยี้หินหยกที่มั่นถัวหลัวมอบไว้ให้โดยไม่ลังเลใดๆ ทันใดนั้นคลื่นหลิงทรงพลังก็ก่อตัวขึ้นเป็นอุโมงค์มิติ ร่างเงาเล็กกะทัดรัดก็สาวเท้าเดินออกมา

เมื่อนางก้าวเดินแรงกดดันที่มาจากฮ่องเต้เซี่ยก็หายไปทันที

“อะไรกันนี่? ฮ่องเต้แห่งแคว้นเซี่ยไม่ใส่ใจสถานะตัวเองถึงกับเคลื่อนไหวจัดการจอมยุทธ์รุ่นใหม่เลยรึ?” น้ำเสียงนุ่มนวลแฝงไอเย็นชาของมั่นถัวหลัวดังก้อง

ฮ่องเต้เซี่ยมองไปที่มั่นถัวหลัวด้วยสายตามืดมนก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแสซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า “เขาฆ่าลูกชายผู้สืบทอดบัลลังก์ของข้า หากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเจ้าต้องการปกป้องเขา แคว้นเซี่ยของข้าก็จะต้องประกาศงครามเท่านั้น”

เมื่อพูดจบก็มีร่างเงาอีกสองร่างเดินออกมา พวกเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น ชัดว่าเป็นจอมยุทธ์ชั้นยอดของแคว้นเซี่ย

จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสองคนกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายหนึ่งคน การรวมตัวเช่นนี้ถือว่าทรงพลังมากเลยทีเดียว

หากเป็นขุมกำลังระดับสูงธรรมดาพวกเขาคงต้องส่งมอบมู่เฉินให้ทันทีถ้าต้องเผชิญหน้ากับการรวมตัวนี้ ทว่าใบหน้าของมั่นถัวหลัวกลับเผยรอยยิ้มจางๆ

ร่างเงากลุ่มหนึ่งก็เดินออกมาจากอุโมงค์มิติโดยมีคลื่นหลิงไร้ขอบเขตครอบงำกวาดออกไป นับได้ห้าสาย

นี่คือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่เป็นผู้ประมุขขั้วอำนาจระดับสูงสุดในภูมิภาคทางเหนือซึ่งเป็นสมาชิกของพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือ

“พันธมิตรภูมิภาคทางเหนือรวมกองทัพเป็นหนึ่งแล้ว ถ้าแคว้นเซี่ยต้องการประกาศสงครามก็เอาเลย” มั่นถัวหลัวยิ้ม

ที่เบื้องหลังประมุขทั้งห้าเบ้ปากอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาไม่ต้องการเริ่มสงครามกับขุมกำลังระดับแนวหน้าอย่างแคว้นเซี่ย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถแสดงท่าทีคัดค้านใดๆ กับมั่นถัวหลัวที่นี่ได้

อย่างน้อยภายนอกกองทัพพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือก็แข็งแกร่งกว่าแคว้นเซี่ย ดังนั้นหากการต่อสู้เกิดขึ้นพวกเขาอาจได้รับผลประโยชน์เป็นกอบเป็นกำด้วยซ้ำ

เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเห็นว่ามั่นถัวหลัวเต็มใจที่จะทำสงครามกับแคว้นเซี่ยเพื่อปกป้องมู่เฉิน สายตาเขาก็ดูเย็นชาลงหลายส่วน แม้จะไม่มีอารมณ์ใดๆ บนใบหน้าเขา แต่คลื่นหลิงทรงพลังรอบตัวก็บ่งบอกถึงความโกรธเกรี้ยวได้ดี

มิติยังถึงกับบิดเบี้ยวภายใต้ความคั่งแค้นของเขา

ทว่ามั่นถัวหลัวยังคงรักษาท่าทางสงบนิ่ง ต่อให้เผชิญหน้ากับฮ่องเต้เซี่ยที่โกรธเกรี้ยว พลังงานหลิงที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากร่างเล็กของนางเช่นกัน

บรรยากาศระหว่างทั้งสองฝ่ายเข้มข้นขึ้น

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ขณะที่พวกเขายืนประจันหน้ากัน ความผันผวนของมิติก็เริ่มกระเพื่อมไหว เหล่าจอมยุทธ์ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่มาถึงก็เริ่มเรียกยอดยุทธ์ของขั้วอำนาจตนเอง

ดังนั้นความผันผวนทรงพลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในสุสานจักรพรรดิฟ้าไม่หยุด ขณะที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเริ่มมาถึงกันทีละคน

เมื่อพวกเขามาถึงก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดระหว่างมั่นถัวหลัวและฮ่องเต้เซี่ยอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่มีใครจะสอดมือเข้าไปยุ่ง เพราะขุมกำลังทั้งสองมีการรวมตัวที่ทรงพลังและพวกเขาอาจต้องทนทุกข์ทรมานหากเข้าไปแทรกแซง

นอกจากนี้นี่ก็เป็นข่าวดีสำหรับพวกเขาหากทั้งสองฝ่ายประสบความสูญเสีย จำนวนคู่แข่งจะได้ลดลง

ทว่าสุดท้ายสถานการณ์นี้ก็ไม่ได้ดำเนินต่อไป

“ฮ่าๆ แมนดาลา ไม่คิดว่าปีที่ผ่านๆ มาเจ้าจะซ่อนตัวอยู่ในภูมิภาคทางเหนือ…ข้าตามหาซะนานเลย”ทันใดนั้นเสียงหัวเราะสดใสก็ดังก้องซึ่งดึงดูดความสนใจผู้คนเป็นอย่างมาก

เมื่อมู่เฉินได้ยินเสียงนั้นม่านตาก็หดแคบลง เนื่องจากคนคนนั้นเรียกมั่นถัวหลัวว่าแมนดาลา… นั่นหมายความว่าเขาต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของมั่นถัวหลัว

ในทวีปเทียนหลัว นอกเหนือจากเขาแล้วก็คงมีแต่ศัตรูข้ามชาติของมั่นถัวหลัว—จักรพรรดิปีศาจลู่หยวนที่รู้เกี่ยวกับตัวตนของนาง

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปในระยะไกลก็เห็นความผันผวนของมิติ ภาพเงาโดดเด่นก้าวเดินในความผันผวนนั่นปรากฏต่อหน้าสายตาพวกเขา

เมื่อภาพเงานั้นปรากฏขึ้น เขาก็เหลือบไปที่มั่นถัวหลัวก่อนที่จะมองไปที่มู่เฉินพลางยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ข้ารู้สึกได้ถึงความผันผวนของป้ายขวางสมุทรในตัวเจ้า ดูเหมือนว่า…เจ้าฆ่าจาโหลหลัวไปแล้วสินะ”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท