หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1190

ตอนที่ 1190

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1190 เทพจักรพรรดิสงคราม-หลินต้ง
มิติพังทลายลง

ก่อนที่สะเก็ดมิติจะก่อตัวเป็นกระแสล้นทะลักออกมา ร่างเงาหนึ่งย่างเท้าออกมา ทางที่เดินผ่านกระแสก็เคลื่อนหลบหลีกไป ราวกับว่าไม่กล้าแตะต้องตัวเขาเลย

ทุกคนต่างตะลึงกับร่างที่มีคลื่นพลังลึกลับอยู่รอบตัว ในฐานะหนึ่งในมหาทวีป ทวีปเทียนหลัวมีเครือข่ายข้อมูลที่ทรงประสิทธิภาพ ดังนั้นหลายคนจึงจำเขาผู้นี้ได้ทันที

มีจอมยุทธ์เพียงหนึ่งเดียวในมหาพันภพที่คลื่นหลิงลึกลับสามารถเปลี่ยนไปเป็น น้ำแข็ง-เพลิง-สายฟ้า-ความมืด… ที่ผสานอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างองค์ประกอบนี้

เขาก็คือประมุขแคว้นหวู—เทพจักรพรรดิสงคราม!

ในมหาพันภพระดับเทียนจื้อจุนถือว่าเป็นยอดยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ในเวลาเดียวกันก็แยกขั้นกันอย่างเห็นได้ชัด ในบรรดาจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามอยู่ในอันดับต้นๆ จริงแท้แน่นอน!

พวกเขาถือกำเนิดในพิภพเขตล่าง แต่ต่างมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น เทพจักรพรรดิอัคคีสถาปนาแคว้นหวู่จิ้งฮั่วขึ้นภายในเวลาไม่กี่ร้อยปีด้วยทักษะการจัดการเพลิงแบบสุดยอดบวกกับทักษะการกลั่นเม็ดยาที่ไม่มีใครเทียบ แม้กระทั่งขั้วอำนาจที่กลั่นเม็ดยาโดยเฉพาะในมหาพันภพก็สู้เขาไม่ได้ ทุกคนรู้ว่าแคว้นหวู่จิ้งฮั่วเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เชื่อถือได้ในเรื่องยาเม็ดมากที่สุด

เทียบกับเทพจักรพรรดิอัคคี เทพจักรพรรดิสงครามเป็นอะไรที่เก็บเนื้อเก็บตัว แต่ถึงกระนั้นเขาก็พุ่งชนเผ่าเทพน้ำแข็งเพื่อช่วยเหลือฮูหยิน เผชิญหน้ากับทั้งเผ่าด้วยพลังของตนเองเพียงผู้เดียว ต้องรู้ว่าเผ่าเทพน้ำแข็งเป็นเผ่าโบราณ แม้ว่าจะอ่อนกำลังลงมาบ้างแต่รากฐานก็ยังน่ากลัวอย่างยิ่ง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ต้องทนทรมานถ้าคิดจะพุ่งเข้าใส่เผ่าเทพน้ำแข็ง

ยิ่งกว่านั้นเผ่าโบราณเช่นนี้ยังมีสายสัมพันธ์ที่กว้างขวาง ตราบใดที่ขอความช่วยเหลือก็จะมีจอมยุทธ์ทรงพลังจำนวนมากเข้ามา ซึ่งในตอนนั้นเผ่าเทพน้ำแข็งก็ได้ทำเช่นนี้ พวกเขาเชิญยอดยุทธ์ในมหาพันภพมาเพื่อบีบให้เทพจักรพรรดิสงครามถอยกลับไป

ว่ากันว่าตอนนั้นมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสามคนในเผ่าเทพน้ำแข็ง!

การรวมตัวนี้สามารถทำลายล้างเผ่าโบราณได้เลยทีเดียว ไม่ต้องพูดถึงแค่คนคนเดียว!

ในเวลานั้นการต่อสู้สั่นสะเทือนไปทั่วมหาพันภพ

ทว่าที่ผิดคาดและตกตะลึงก็คือเผชิญหน้ากับการกดขี่ของเผ่าเทพน้ำแข็ง เทพจักรพรรดิสงครามก็ไม่ได้ถอยกลับ มีข่าวลือว่าเขาสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนสามคนด้วยพลังของตัวเองเพียงผู้เดียว ซึ่งนี่สร้างชื่อเสียงให้เขามากนัก

ผลลัพธ์สุดท้ายแม้จะไม่มีใครพูดถึง แต่ชัดว่าเทพจักรพรรดิสงครามได้รับสิ่งที่ต้องการจากเผ่าเทพน้ำแข็ง มิหนำซ้ำชื่อเสียงยังขจรขจายไปทั่วมหาพันภพ จากนั้นเขาก็สถาปนาแคว้นหวูขึ้นมา

แคว้นหวูก้าวขึ้นเป็นขุมกำลังสูงสุดในมหาพันภพ ในเวลานั้นประมุขเผ่าเทพน้ำแข็งก็สละตำแหน่ง ส่งให้สมาชิกในเผ่า ซึ่งก็คือนายหญิงแห่งแคว้นหวู

หลังจากเหตุการณ์นั้นเผ่าเทพน้ำแข็งและแคว้นหวูก็กลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน ด้วยพลังของแคว้นหวูทำให้เผ่าเทพน้ำแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนก้าวขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของเผ่าโบราณเลยทีเดียว

ทั้งหมดนี้เกิดจากฝีมือของเทพจักรพรรดิสงคราม!

ด้วยสาเหตุเหล่านี้ทำให้ชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามโด่งดังเสมอกันไปทั่ว ทว่าแคว้นหวู่จิ้งฮั่วกับแคว้นหวูมีชัยภูมิทางอยู่ตรงขอบชายแดนของมหาพันภพ หนึ่งอยู่ทิศใต้อีกหนึ่งอยู่ทิศเหนือ ซึ่งคอยเป็นปราการหน้าด่านจากจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะปรากฏตัวในที่เดียวกัน แต่วันนี้จอมยุทธ์ในทวีปเทียนหลัวมีโอกาสได้เห็นยอดยุทธ์ทั้งคู่กับตา แล้วทำไมทุกคนจะไม่ตะลึงงันล่ะ?

“นั่นเทพจักรพรรดิสงครามเหรอ?”

ท่ามกลางสายตาตกตะลึง มู่เฉินก็มองไปที่ร่างเงานั้นด้วยความอยากรู้ อีกฝ่ายดูสุขุมนุ่มลึกนัก เทียบกับเทพจักรพรรดิอัคคีที่ดูสบายอิสระ เทพจักรพรรดิสงครามผู้นี้มั่นคงราวกับขุนเขาเลยทีเดียว

แต่ในทำนองเดียวกันแรงกดดันจากเทพจักรพรรดิสงครามก็ทำให้มิติสั่นสะเทือนเช่นเดียวกับเทพจักรพรรดิอัคคี

“พ่อ! พ่อ!”

หลินจิ้งโบกมืออย่างร่าเริงขณะที่ยิ้มตาหยีพลางตะโกนเรียก

เทพจักรพรรดิสงครามเบนสายตามาเมื่อเห็นบุตรสาว สีหน้าก็อ่อนโยนลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเคลื่อนไปปรากฏตัวต่อหน้าหลินจิ้ง

“แอบหนีออกจากบ้านมาซนอีกแล้วนะ ดูท่าคงต้องขังไว้สักหน่อยแล้ว!” เขาพูดด้วยท่าทางที่เข้มงวด

แต่เผชิญหน้ากับท่าทางของบิดา หลินจิ้งกลับหัวเราะเบาๆ สวมกอดแขนเขาราวกับว่าไม่สนใจคำขู่ การแสดงออกที่เข้มงวดของเทพจักรพรรดิสงครามดำเนินต่อไปชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นช่วยไม่ได้ เขารู้ว่าภาพลักษณ์บิดาที่เข้มงวดไม่มีประโยชน์กับบุตรสาวคนนี้เลย

จากนั้นเทพจักรพรรดิสงครามก็หันมามองมู่เฉินพลางยิ้ม “สหายน้อย ขอบคุณที่ช่วยปกป้องลูกสาวข้า”

มู่เฉินรู้สึกเคอะเขินทันที หากเขารู้ว่าบิดาของพวกนางอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ต้องทำตัวเป็นวีรบุรุษหรอก

เมื่อเห็นท่าทางอึกอักใจของมู่เฉิน เทพจักรพรรดิสงครามก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร เขาส่ายหัว “ความพยายามของเจ้าไม่ได้ไร้ประโยชน์ ในเวลานั้นกระทั่งเราก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ทันและด้วยขุมพลังของพวกนางตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับนักรบราชันปีศาจ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ข้าจะต้องขอบคุณ”

“จริงเหรอขอรับ?” มู่เฉินยิ้มพลางเกาหัว

“ฮ่าๆ ที่พี่หลินพูดถูกต้อง” เซียวเหยียนปรากฏตัวขึ้นก่อนที่จะตบไหล่มู่เฉินเบาๆ จากนั้นก็หันไปทางหลินต้งพูดว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยพี่หลิน สบายดีใช่ไหม”

ในมหาพันภพมีไม่กี่คนที่เซียวเหยียนจะยกตำแหน่งสูงให้ในใจ แต่หลินต้งก็ยังนับเป็นหนึ่งในไม่กี่คนนั้น พวกเขาสองคนคอยคานอำนาจกับเผ่าปีศาจต่างมิติ ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้พบกัน แต่ทั้งสองชัดว่ามีความรู้สึกชื่นชมต่อกัน

“พี่เซียว”

รับฟังน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนจากเซียวเหยียน หลินต้งก็ประสานมือให้ จากนั้นยื่นมือออกมาใบหน้าปีศาจในลูกทรงกลมสีฟ้าอมเขียวก็เผยออกมา

“เจ้านี่แปลกอยู่นิดๆ” เซียวเหยียนมองไปที่จอมปีศาจทุนเทียน พูดขึ้นขณะดวงตาหดเกร็ง

“ฮ่าๆ จอมปีศาจทุนเทียนไม่ธรรมดาเลย” หลินต้งยิ้มขณะที่พูดต่อ “ในอดีตมันคงจะติดอันดับหนึ่งในสิบของเผ่าปีศาจต่างมิติเลยทีเดียว”

เซียวเหยียนรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ ราชันปีศาจที่ติดอันดับหนึ่งในสิบสูงสุดของเผ่าปีศาจต่างมิติเป็นภัยคุกคามแม้แต่กับพวกเขา แต่ด้วยพลังที่แสดงออกมาโดยจอมปีศาจทุนเทียนตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่ได้มีความแข็งแกร่งอะไรที่ว่าเลย

“สมัยก่อนจอมปีศาจทุนเทียนมีอีกฉายาหนึ่งนะ” หลินต้งหยุดพูดชั่วครู่ก่อนจะตอบว่า “ราชันเก้าซาก”

“ราชันเก้าซาก?” พวกมู่เฉินอึ้งไปพลางพึมพำ แต่ก็ต่างงุนงง มีเพียงเซียวเหยียนที่ครุ่นคิด

“ในบางแง่มุมราชันเก้าซากไม่ใช่คนเดียวแต่เป็นเก้าคน! นอกจากนี้ทั้งหมดยังเป็นราชันปีศาจอีกด้วย!” หลินต้งจ้องมองไปที่ลูกทรงกลมสีฟ้าอมเขียว “จอมปีศาจทุนเทียนมาจากเผ่าปีศาจทุนหมัว ย้อนกลับไปตอนนั้นพวกมันทั้งเก้าได้รวมร่างเข้าด้วยกันเพื่อแสงหาความแข็งแกร่ง”

ข้อมูลนี้ทำให้มู่เฉินตกใจไป นั่นหมายความว่าจักรพรรดิฟ้าไม่ได้เผชิญหน้ากับราชันปีศาจคนเดียว แต่ปะทะกับเก้าคน?!

“ไม่งั้นจอมปีศาจทุนเทียนจะต่อสู้กับจักรพรรดิฟ้าที่ใช้วิชาสามพิสุทธ์ได้อย่างไร?” หลินต้งยิ้ม

“ย้อนกลับไปตอนนั้นจักรพรรดิฟ้าใช้วิชาสามพิสุทธิ์สังหารจอมปีศาจทุนเทียนทั้งเจ็ดคนก่อนที่จะหมดแรง เขาจึงทำได้แค่ผนึกปีศาจที่เหลือสองคนเอาไว้ เมื่อครู่เซียวเหยียนสัมผัสได้ถึงการแตกสลายของหัวใจปีศาจ แต่นั่นแค่เป็นของจอมปีศาจคนที่แปด ดังนั้นมันจึงยังสามารถหลบหนีได้”

พวกมู่เฉินตกตะลึง ในเวลานี้พวกเขาตระหนักได้ว่าเผ่าปีศาจน่ากลัวแค่ไหน พวกมันสามารถใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตที่แม้แต่จักรพรรดิฟ้าก็ยังทำอะไรไม่ได้นอกจากปิดผนึกไว้

ดังนั้นสามารถบอกได้ว่าจักรพรรดิฟ้าทรงพลังเพียงใด เผชิญหน้ากับจอมปีศาจเก้าคนที่ประสานพลังกัน ไม่เพียงแต่สามารถสังหารเจ็ดคนได้ ยังผนึกอีกสองคนไว้ได้

“เป็นแบบนี้นี่เอง” เซียวเหยียนพยักหน้าด้วยการแสดงออกเคร่งเครียดลงมาก เขารู้ว่ากระทั่งตนเองที่เผชิญกับจอมปีศาจทรงพลัง เขาก็ยังต้องสู้แบบจริงจัง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมราชันเก้าซากจึงสามารถเข้าสู่หนึ่งในอันดับสิบได้

“เราจะปล่อยให้มันกลับไปยังจักรวรรดิปีศาจต่างมิติไม่ได้”

หลินต้งพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่มันไม่เหลือซากแล้ว ด้วยพวกเราสองคน มันไม่มีทางหนีพ้นไปได้แน่นอน”

น้ำเสียงของหลินต้งสงบกระนั้นก็ยังแสดงให้เห็นถึงความครอบงำ

ทว่ามู่เฉินและคนอื่นๆ รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ต้องพูดถึงสภาพน่าสมเพชในปัจจุบันของจอมปีศาจทุนเทียน ต่อให้กลับไปรวมกันจนครบเก้าคน มันก็ต้องตายเมื่อเผชิญหน้ากับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

“แต่เป็นเพราะความพยายามของจักรพรรดิฟ้า ทำให้ปีศาจตัวนี้ถูกสังหาร ดังนั้นจักรพรรดิฟ้าก็ควรที่จะอยู่ในเหตุการณ์ด้วย” เซียวเหยียนยิ้มบาง

หลินต้งพยักหน้ายอมรับเช่นกัน

เมื่อมู่เฉินและมั่นถัวหลัวได้ยินคำพูดนี่หัวใจก็สั่นไหว ตัดสินจากความหมายเบื้องหลังคำพูดของพวกเขา…หรือว่าจักรพรรดิฟ้ายังไม่ได้สิ้นชีพอย่างแท้จริง?!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท