หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1184 สถานการณ์เปลี่ยนแปลง
ยอดเขาพังทลายลง
เผยให้เห็นจัตุรัสขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวต่อหน้าทุกคน
โดยเฉพาะร่างเงาที่ยืนอหังการอยู่ใจกลางจัตุรัสซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคน
เขาเป็นชายสวมเสื้อคลุมสีฟ้าอมเขียวพร้อมกับรูปลักษณ์ชวนตะลึง ร่างกายไว้สง่าแม้จะไม่เคลื่อนไหวแต่ก็มีแรงกดดันที่น่ากลัวเลือนรางเล็ดลอดออกมา
บริเวณที่เขายืนอยู่ราวกับเป็นมิติพิเศษ มิติส่วนนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา…
ทุกคนที่นี่มองไปยังร่างเงานั้น ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นหรือแม้แต่มั่นถัวหลัวที่เพิ่งจะบรรลุขั้นเต็ม พลังงานหลิงในร่างกายของพวกเขาก็สั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้ในเวลานี้
สำหรับจอมยุทธ์ที่อยู่ภายใต้ขอบเขตตี้จื้อจุน คลื่นหลิงในร่างกายก็ตีวนจนกระอักเลือดออกมา ก่อนที่พวกเขาจะเบนสายตาหนีไม่กล้ามองไปที่ร่างเงานั้นอีก
พวกเขาได้รับบาดเจ็บเพียงแค่มองดูการดำรงอยู่นั้น… นี่น่ากลัวแค่ไหนกัน?
นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่มั่นถัวหลัวในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ไม่สามารถทำสำเร็จได้ ดังนั้น…จึงมีเพียงคำตอบหนึ่งเดียวที่เหมาะกับคำอธิบายตัวตนร่างเงานั้น…
ผู้ก่อตั้งวังสวรรค์บรรพกาล หนึ่งในสุดยอดจอมยุทธ์ในสมัยโบราณ—จักรพรรดิฟ้า!
สุสานจักรพรรดิฟ้าตกอยู่ในความเงียบเมื่อทุกคนมองไปยังร่างเงานั้น พวกเขารู้สึกตกตะลึงกับรัศมีที่ปล่อยออกมา
ความตกตะลึงนี้เกิดขึ้นเป็นเวลานานก่อนที่พวกเขาจะค่อยๆ ฟื้นคืนสติ
“นะ…นั่นคือจักรพรรดิฟ้า!”
เสียงสั่นเครือดังก้องด้วยความคารวะและความโลภ
ทุกคนมาที่สุสานจักรพรรดิฟ้าก็เพื่อรับมรดกจากจักรพรรดิฟ้า
กล่าวให้ชัดก็คือคัมภีร์ระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าวิชาสามพิสุทธิ์!
ถ้าพวกเขาได้รับก็จะสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของมหาพันภพในอนาคตและก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน
“นั่นคือจักรพรรดิฟ้าเหรอ?”
มู่เฉินตกตะลึงไปเช่นกันเมื่อมองไปที่ร่างนั้น ใครจะไปคิดว่าจักรพรรดิฟ้าที่ซ่อนอยู่จะเผยตัวออกมาจากการเผชิญหน้าระหว่างลู่หยวนและมั่นถัวหลัว
หญิงสาวทั้งสามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังมู่เฉินก็มองไปที่ร่างนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
วาบ! วาบ!
ความเงียบทั่วบริเวณพังทลายลง เนื่องจากหลายคนกลั้นใจไว้ไม่ได้แล้ว ไปปรากฏตัวขึ้นรอบๆ ภูเขา
ลู่หยวนก็ขยับเข้าใกล้หลังจากเหลือบไปมองมั่นถัวหลัว
มั่นถัวหลัวไม่ได้ขัดขวางอีกฝ่าย เพราะนางกำลังอึ้งไปขณะมองไปที่ร่างนั้นด้วยอารมณ์ซับซ้อนที่พลุ่งพล่านในดวงตา
นางถูกจักรพรรดิฟ้านำตัวกลับมา ในเวลานั้นนางทั้งยังเด็กและใกล้ตาย แต่จักรพรรดิฟ้ากลับช่วยฟูมฟัก หลังจากนั้นก็เลี้ยงดูให้อยู่ในวังสวรรค์บรรพกาล
ตอนที่จักรวรรดิปีศาจโจมตี นางก็คิดจะเข้าสู้รบเช่นกัน แต่กลับถูกผนึกไว้โดยจักรพรรดิฟ้าจึงหลีกเลี่ยงชะตากรรมความตายมาได้
ดังนั้นสำหรับนางจักรพรรดิฟ้าประหนึ่งบิดาผู้เลี้ยงดู แต่ตอนที่นางตื่นขึ้นอีกครั้งโลกทั้งใบก็เปลี่ยนไป
จักรพรรดิฟ้าหายไปพร้อมกับวังสวรรค์บรรพกาลถูกทำลายราบคาบ มิหนำซ้ำนางยังได้รับบาดเจ็บหนักจากการกระทำของลู่หยวนต้องหลบหนีส่งผลให้สูญเสียความทรงจำไป
แต่…ไม่ว่าอย่างไร นางไม่มีทางให้ลู่หยวนคนทรยศได้รับมรดกของจักรพรรดิฟ้าไปอย่างแน่นอน!
มั่นถัวหลัวกำหมัดแน่นพร้อมกับจิตสังหารกะพริบในดวงตาก่อนที่นางจะทะยานไปที่ภูเขา
มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็ตามหลังไปติดๆ
ทุกคนรวมตัวกันรอบๆ ภูเขาและเมื่อเข้าใกล้ พวกเขาก็สังเกตเห็นสิ่งอื่นรอบตัวจักรพรรดิฟ้า
จักรพรรดิฟ้าถือกระบี่ยาวผลึกแก้วใส กระบี่ยาวดูเก่ามากราวกับเป็นแค่โครงกระบี่ที่ด้านและไม่สมบูรณ์ แต่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่น่ากลัวที่มาจากกระบี่เล่มนั้น
แสงเย็นที่สะท้อนจากกระบี่สามารถเฉือนมิติออกจากกันได้เลยทีเดียวซึ่งเป็นพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
ตอนนี้กระบี่แทงลงไปที่พื้นซึ่งมีกะโหลกศีรษะสีดำผุพัง
เมื่อเห็นหัวกะโหลกสีดำ ทุกคนก็รู้สึกหนาวสั่นในใจ พวกเขารู้สึกถึงความชั่วร้ายที่ไม่อาจพรรณนาได้จากมัน
“กระบี่แก้วนั่น… หรือจะเป็นกระบี่เกล็ดจักรพรรดิในตำนาน? ว่ากันว่ามีระดับสูงกว่าอาวุธมหสวรรค์เลยทีเดียว…”
“งั้นกะโหลกศีรษะนั้นก็เป็นของนักรบราชันปีศาจที่รุกรานทวีปเทียนหลัวเรอะ?”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาต่างสิ้นชีพในการต่อสู้ครั้งนั้น…”
“…”
ทุกคนมองไปที่ฉากนี้ขณะเสียงสนทนาดังกึกก้อง บางคนถึงกับจ้องมองด้วยสายตาคิดลงมือทำ
ไม่ว่าจะเป็นกระบี่เกล็ดจักรพรรดิในตำนาน วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดวิชาสามพิสุทธิ์ หรือแม้แต่ศพจักรพรรดิฟ้า ล้วนเป็นสิ่งที่ล่อใจที่อาจทำให้ผู้คนสูญเสียสติได้
“ข้าขอแนะนำว่าอย่าเคลื่อนไหว เราไม่รู้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ถ้ามีใครไปกระตุ้นอะไรเข้า เราจะหนีกันไม่พ้น!” ขณะที่คนอื่นๆ ร้อนใจที่จะเคลื่อนไหว เสียงเย็นชาของมั่นถัวหลัวก็ดังก้อง
ทุกคนอึ้งและลังเล สถานที่แห่งนี้ผิดแผกอย่างแท้จริง ศพของจักรพรรดิฟ้าและกะโหลกศีรษะชั่วร้ายนั่นทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจแท้จริง
“เหอะ มั่นถัวหลัว อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดที่จะผูกขาดมรดกและกระบี่เกล็ดจักรพรรดิไว้?” ขณะที่ทุกคนกำลังลังเล เสียงเย้ยหยันก็ดังขึ้น
แต่ละคนมองไปที่ต้นกำเนิดของเสียงก็เห็นว่าเป็นลู่หยวนที่พูดออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จอมยุทธ์บางคนก็ขมวดคิ้วมองไปที่มั่นถัวหลัวอย่างสงสัย นั่นเป็นเพราะวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังถูกล่อลวง
“ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ แม้ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในการบรรลุขุมพลัง เจ้าก็ไม่ได้อยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเพียงผู้เดียวในทวีปเทียนหลัว อย่าได้คิดอะไรเกินตัว” ในที่สุดก็มีคนพูดออกมา ผู้พูดมีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยมบวกกับขั้วอำนาจของเขาก็มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม แม้ว่าจอมยุทธ์ท่านนั้นจะไม่ได้มาที่สุสานจักรพรรดิฟ้า แต่เขาก็สามารถใช้วิธีพิเศษบางอย่างเรียกมาได้ ดังนั้นแม้ว่าคนอื่นจะกลัวมั่นถัวหลัว แต่เขาไม่กลัว
เมื่อเห็นว่ามีบางคนพูดออกมา การสนทนาก็แตกสลาย ชัดว่ามั่นถัวหลัวไม่สามารถหยุดยั้งทุกคนภายใต้การล่อลวงนี้
เมื่อมั่นถัวหลัวเห็นปฏิกริยาของผู้คน ใบหน้าก็มืดครึ้มลง ก่อนที่นางจะพูดอะไรต่อก็ถูกมู่เฉินหยุดเอาไว้ เพราะนี่ไร้ประโยชน์ที่จะขัดขวางในสถานการณ์นี้ หากนางบังคับให้พวกเขาหยุดด้วยความรุนแรง อาจทำให้เกิดความโกรธแค้นหมู่ก็เป็นได้ แม้แต่มั่นถัวหลัวก็ยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ชั้นยอดจำนวนมากได้ บางคนก็มีภูมิหลังที่ไม่ด้อยกว่าพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือเลย
เมื่อลู่หยวนเห็นมั่นถัวหลัวเงียบไป รอยยิ้มก็ผุดขึ้นที่มุมปาก
วาบ!
สถานการณ์นี้ไม่ได้กินเวลานาน เสียงมวลลมอัดก็ดังกึกก้องทำลายความเงียบงันลง จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นหลายคนไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ทะยานออกไปได้
พวกเขามีวัตถุประสงค์ชัดเจน ซึ่งไม่ใช่กระบี่เกล็ดจักรพรรดิ แต่เป็นศพของจักรพรรดิฟ้า
เนื่องจากตัวกระบี่ปักอยู่บนกะโหลกศีรษะชั่วร้าย ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาดึงออกมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาขอเข้าไปหาศพจักรพรรดิฟ้าก่อน ไม่แน่วิชาสามพิสุทธิ์อาจอยู่ที่ตัวจักรพรรดิฟ้าก็เป็นได้
จอมยุทธ์เหล่านั้นทะยานไปอย่างรวดเร็ว แต่คนอื่นๆ ที่มีสติมากกว่าก็ไม่ได้ขัดขวาง เพราะพวกเขาต้องการใช้จอมยุทธ์เหล่านี้เพื่อทดสอบ
คนเหล่านั้นปรากฏขึ้นข้างศพของจักรพรรดิฟ้าในพริบตา จากนั้นก็เอื้อมมือจับแล้วเตรียมพุ่งหนีจากไป
ร่างจักรพรรดิฟ้าผละจากกระบี่
เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนั้นร่างกายก็เกร็งขึ้นด้วยความตื่นตัวเต็มที่
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจก็คือไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อจอมยุทธ์คนอื่นเห็นฉากนี้ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ ความโลภวูบไหวในดวงตา แต่ละคนพุ่งเข้าไปแย่งชิง
วาบ!
ทว่าจังหวะนั้นเองเงาเลือนรางก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นซัดฝ่ามือออกมา ดวงดาวระเบิดด้วยพลังงานที่น่ากลัวปะทุออกไปในมิติจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
สะเก็ดชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันบนกำปั้นกระแทกบนหน้าอกของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นคนหนึ่ง
ปัง!
พริบตาเดียวร่างนั่นก็ระเบิดออกกลายเป็นกลุ่มเลือดโปรยปรายลงมาจากบนท้องฟ้า…
ปัง! ปัง!
เงานั้นยังคงเคลื่อนไหวสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นอีกสองคน หลังจากสังหารคนแรกเรียบร้อย
เมื่อจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสามคนถูกฆ่าตาย หลายคนก็ฟื้นคืนสติจากเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ใบหน้าพวกเขาเปลี่ยนแปลงรุนแรง พวกเขามองเงานั้นด้วยความตกตะลึงในดวงตา
เนื่องจากคนที่ลงมือก็คือลู่หยวน!
“ลู่หยวน แกทำอะไรน่ะ?!” หลายคนคำรามลั่น การกระทำของลู่หยวนคิดจะเป็นศัตรูกับทุกคนรึ?
แต่เผชิญหน้ากับสายตาของทุกคน ลู่หยวนกลับยิ้มกว้าง รอยยิ้มอำมหิตอย่างแท้จริง จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อกวักเลือดเนื้อที่ระเบิดบนท้องฟ้าเข้าด้วยกัน
เลือดเนื้อของสามจอมยุทธ์เคลื่อนไหว ขณะนั้นเองเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ร่างจักรพรรดิฟ้าเปิดปากกว้างกลืนเลือดเนื้อเหล่านั้นเข้าไป
ฉากนี้ทำให้ทุกคนสะท้านจับจิตขึ้นมา
นี่…เกิดอะไรขึ้น!
ยามนี้ทั้งสุสานตกอยู่ในความเงียบงัน