หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1187

ตอนที่ 1187

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1187 เทพจักรพรรดิอัคคี-เซียวเหยียน!
เสียงหัวเราะเกียจคร้านดังออกมาจากความว่างเปล่า

ขณะที่เปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาปกคลุมสุสานจักรพรรดิฟ้า

อุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวเผาไหม้รัศมีปีศาจที่อยู่ภายในอย่างรวดเร็ว มังกรปีศาจทุกตัวที่แม้แต่จอมยุทธ์ตี้จื้อจุนยังปวดหัวในการจัดการก็ต่างส่งเสียงร้องโหยหวนขณะถูกเผาเป็นเถ้าธุลี

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนตกตะลึง ก่อนที่พวกเขาจะเงยหน้าขึ้นมองไปที่ความว่างเปล่าที่ถูกฉีกออกจากกันพร้อมกับเปลวไฟที่พวยพุ่งออกมา ช่างดูงดงามตระการตาและเป็นภัยคุกคามยิ่งนัก

ร่างเงาหนึ่งเยื้องย่างออกมาจากทะเลเพลิงอย่างช้าๆ มิติยังสั่นสะเทือนจากฝีเท้าราวกับว่าไม่อาจทนรับการมาถึงของเขา

เขาเป็นชายร่างสูงโปร่งสวมชุดดำ เผยรอยยิ้มขี้เกียจบนใบหน้า ทั่วร่างถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟงดงาม ฉายภาพเขาราวกับเทพอัคคีที่ทรงพลังจนไม่อาจบรรยายได้

ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวพื้นที่ทั้งหมดกำลังสั่นสะเทือนด้วยรัศมีปีศาจ แต่เมื่อเขาเผยตัวออกมาทุกคนก็รู้สึกได้ว่ารัศมีปีศาจกำลังสลายไปอย่างรวดเร็ว

ทุกคนมองไปที่ชายฉกรรจ์ผู้นั้นด้วยความตกใจ เขาเป็นใครกันถึงสามารถระงับการดำรงอยู่ที่น่ากลัวอย่างราชันปีศาจได้?

ต้องรู้ว่าราชันปีศาจนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน ในเวลานั้นแม้แต่จักรพรรดิฟ้ายังต้องสละชีวิตลง ดังนั้นคนคนนี้จะต้องอยู่ในอันดับต้นๆ แม้แต่ในหมู่ระดับนักรบราชันปีศาจด้วยกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเพิ่งหลุดออกมาจากผนึก แต่กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนธรรมดาก็ยังต้องหวาดกลัว

ทว่าชายคนนี้สามารถสกัดกระบวนท่าของราชันปีศาจได้ ซึ่งก็หมายความว่าเขาจะต้องเป็นยอดยุทธ์ไม่ธรรมดาในมหาพันภพแน่นอน

“เขาคือ…”

จอมยุทธ์หลายคนมองที่ชายที่มีเปลวเพลิงล้อมรอบตัวด้วยความตกใจ เมื่อความคิดตกตะกอนประกายแสงก็วูบไหว ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ขะ…เขาคือเทพจักรพรรดิอัคคีแห่งแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว!”

ในที่สุดก็มีบางคนจดจำชายผู้นี้ได้ ต่างอุทานด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง

“เทพจักรพรรดิอัคคี?!”

คลื่นความปั่นป่วนกวนตัวไปทั่ว ทุกคนตะลึง ใครๆ ก็รู้ว่าเทพจักรพรรดิอัคคีเป็นตำนานมีชีวิต หนึ่งในยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพ!

นอกจากนี้แคว้นหวู่จิ้งฮั่วที่เขาสถาปนายังขึ้นเป็นขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาพันภพภายในเวลาไม่กี่ร้อยปี ซึ่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเผ่าโบราณเลยสักนิด

ในมหาพันภพมีเพียงเทพจักรพรรดิสงครามแห่งแคว้นหวูและจอมยุทธ์อีกไม่กี่คนที่สามารถเทียบเคียงกับเทพจักรพรรดิอัคคีได้!

แม้จอมยุทธ์ที่นี่ล้วนแต่กุมอำนาจในทวีปเทียนหลัว แต่ก็ไม่มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว

ด้วยความแข็งแกร่งและรากฐานของแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว ต่อให้เทพจักรพรรดิอัคคีไม่เคลื่อนไหวเองก็สามารถเอาชนะขั้วอำนาจทั้งหมดในทวีปเทียนหลัวได้

จอมยุทธ์ในตำนานเช่นนี้ปกติไม่อาจเจอตัวได้เลย ต่อให้พวกเขาขอเข้าพบก็ไม่มีประตูให้เข้า แต่ตอนนี้เขากลับปรากฏตัวต่อหน้า นี่ไม่ทำให้ผู้คนตะลึงพรึงเพริดได้อย่างไร

มิหนำซ้ำยังปรากฏตัวในช่วงเวลาวิกฤตที่สุดเช่นนี้

ขณะที่ทุกคนตกตะลึง มู่เฉินก็มองไปที่ร่างเงานั้นด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเทพจักรพรรดิอัคคีในตำนานจะมาที่นี่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้

“เขาคือเทพจักรพรรดิอัคคีเหรอ?”

มู่เฉินพึมพำกับตัวเองขณะที่มองชายฉกรรจ์ในชุดดำ อีกฝ่ายดูขี้เกียจแต่กลับมีรัศมีที่ทำให้ผู้อื่นเคารพยำเกรง ความกดขี่สุดพรรณนาทำให้มิติยุบตัว ราวกับว่าต่อให้สวรรค์จะถล่ม เขาก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ด้วยตัวคนเดียว

นั่นคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง

ยอดยุทธ์แท้จริงควรเป็นแบบเขา!

ที่ด้านหลังมู่เฉิน เมื่อเซียวเซียวเห็นร่างเงานั้น นางก็เบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ ทว่าร่างกายซึ่งเกร็งเครียดก็ได้คลายตัวลง

“กรี๊ด นั่นคือท่านพ่อของพี่เซียวเซียว เทพจักรพรรดิอัคคีเหรอ? ว้าว ในที่สุดข้าก็ได้เห็นตัวจริงแล้ว!” หลินจิ้งจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง

เซียวเซียวจือปากอย่างหมั่นไส้ “ใช่สิ พ่อจอมเก๊กที่ชอบโผล่หัวมาในช่วงเวลาสำคัญเสมอ เดี๋ยวกลับไปข้าจะต้องฟ้องซะหน่อยแล้ว!”

“อะแฮ่ม…ลูกสาวที่รัก เจ้าชักไม่มีเหตุผลแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจมาสายนะ มันต้องใช้เวลาเพื่อหาตำแหน่งมิตินี้!” จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น มิติเบื้องหน้าหญิงสาวสามคนบิดเบือนก่อนที่เทพจักรพรรดิอัคคีจะปรากฏตัว ทว่าตอนนี้เขายักไหล่ไม่สนใจศักดิ์ศรีแห่งการเป็นยอดยุทธ์เอาเสียเลย

เซียวเซียวส่งเสียงขึ้นจมูกเมินหน้าหนี

เทพจักรพรรดิอัคคีลูบหัวนาง ก่อนจะทักทายจิ่วโยวและหลินจิ้ง ท่าทางอ่อนโยนนั้นทำให้เอาหญิงสาวสองคนอึ้งไปเลยทีเดียว

“ข้าจัดการเรื่องนี้ก่อน ครั้งนี้พวกเจ้าเล่นเอาซะใหญ่เลย”

เทพจักรพรรดิอัคคียิ้มก่อนที่จะหันเดินไปหามู่เฉิน เขามองพลางตบไหล่มู่เฉินด้วยรอยยิ้ม “เจ้าทำดีมาก เจ้าหนูสมกับเป็นลูกผู้ชาย”

มู่เฉินไม่คิดว่าจอมยุทธ์ทรงอิทธิพลเช่นนี้จะพูดกับเขาโดยไม่ถือตัว ทำเอาเขาทำตัวไม่ถูกจนต้องเกาหัวแกรกกราก “ไม่ว่าอย่างไรจะให้ตายหลังผู้หญิงก็ไม่ได้หรอกขอรับ”

เมื่อเทพจักรพรรดิอัคคีได้ยินคำพูดของมู่เฉิน เขาก็จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความชื่นชมพลางพยักหน้า “แต่ข้าต้องขอขอบคุณสำหรับช่วยเหลือเซียวเซียว ข้าจะจดจำบุญคุณนี้ไว้”

ก่อนที่มู่เฉินจะทันได้ตอบ เขาก็ยิ้มพูดว่า “เอาล่ะ จากนี้ให้ข้ารับมือกับสถานการณ์นี้เอง”

มู่เฉินพยักหน้าถอยฉากหลบไปทันที การเผชิญหน้าในระดับนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาสามารถมีส่วนร่วมได้ด้วยขุมพลังในปัจจุบัน

ขณะที่มู่เฉินถอย เทพจักรพรรดิอัคคีก็ก้าวออกมา แรงกดดันที่มองเห็นได้ปกคลุมไปทั่วภูมิภาคนี้

การมาถึงของเทพจักรพรรดิอัคี ทำให้สีหน้าเย้ยหยันของนักรบราชันปีศาจจางหายไปอย่างสิ้นเชิงแทนที่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ชัดว่าเขารู้สึกได้ถึงอันตรายที่เล็ดลอดออกมาจากอีกฝ่ายซึ่งน่าตกตะลึงนัก ชายคนนี้ให้ความรู้สึกคุกคามยิ่งกว่าจักรพรรดิฟ้าเสียอีก

เขารู้สึกไม่เชื่อในหัวใจ ไม่คิดว่าปัจจุบันจะมีจอมยุทธ์เช่นนี้ในมหาพันภพและนี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับจักรวรรดิปีศาจต่างมิติเลย

“ไม่คิดเลยว่ามหาพันภพในตอนนั้นที่ต้องสูญเสียยอดยุทธ์ส่วนใหญ่ถึงจะอยู่รอดได้ ตอนนี้กลับมีคนอย่างเจ้าปรากฏ ช่างน่าเสียดายจริงๆ” ราชันปีศาจเอ่ยขึ้น ถ้าคนที่มาวันนี้เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนธรรมดา เขาก็มั่นใจว่าจะหนีรอดไปได้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีความมั่นใจเนื่องจากไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดของสภาพพร้อมรบ

เทพจักรพรรดิอัคคียิ้ม “ไม่รู้ว่าในหมู่นักรบราชันปีศาจเทียน-เฉวียน-โยวแกอยู่ระดับไหน”

นี่คือการจำแนกระดับของราชันในเผ่าปีศาจซึ่งคนธรรมดาในมหาพันภพไม่รู้

“ไม่คิดว่าแกจะรู้ข้อมูลเผ่าปีศาจต่างมิติมากพอสมควร” ราชันปีศาจแปลกใจไปเช่นกัน

เทพจักรพรรดิอัคคีสะบัดนิ้วทั้งสิบ เปลวไฟวูบไหวที่ปลายนิ้ว “ปีที่ผ่านๆ มานักรบราชันปีศาจไม่น้อยกว่าสิบคนที่ตายด้วยน้ำมือข้า แล้วข้าจะไม่รู้ได้ยังไง?”

คำพูดนี่ทำให้ทุกคนตกตะลึงพลางมองเขาด้วยความเคารพ ต้องรู้ว่านักรบราชันปีศาจทุกคนมีพลังเทียบเท่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน มิหนำซ้ำยังมีไม่น้อยกว่าสิบคนที่ตายด้วยน้ำมือของเทพจักรพรรดิอัคคี? ความสำเร็จนี้น่ากลัวแค่ไหนกัน

ราชันปีศาจหดม่านตาลง ขณะนี้เขารู้ว่าชายเบื้องหน้าเป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่าปีศาจต่างมิติ อันตรายยิ่งกว่าจักรพรรดิฟ้า

เขาหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาเปลี่ยนเป็นดำมืด “ข้าคือจอมปีศาจทุนเทียน”

สายตาเทพจักรพรรดิอัคคีวูบไหว จากนั้นก็ถอนหายใจ “อา ที่แท้ก็เป็นนักรบราชันปีศาจระดับเทียนสินะ มิน่าล่ะถึงสามารถสู้กับจักรพรรดิฟ้าได้”

แม้แต่ในหมู่นักรบราชันปีศาจ ระดับเทียนก็ถือเป็นสุดยอด

“แกล่ะเป็นใคร?” จอมปีศาจทุนเทียนพูดด้วยเสียงดุดันพร้อมกับรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากพลุ่งพล่านฉีกขาดมิติ พลังอันน่ากลัวแผ่ขยายออกไป

เทพจักรพรรดิอัคคียกมือขึ้น เปลวไฟงดงามควบแน่นเป็นรูปดอกบัวในมือ

เขาส่งยิ้มให้จอมปีศาจทุนเทียน ก่อนที่เสียงเรียบเฉยจะดังก้องไปทั่วฟ้าดิน

“เทพจักรพรรดิอัคคี—เซียวเหยียน”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท