หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1207

ตอนที่ 1207

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1207 ทวีปซีเทียน ดินแดนซีเทียนเล็ก
หลังจากการจัดตั้งตำหนักมู่

คลื่นความตกตะลึงที่กวาดไปในทวีปเทียนหลัวและภูมิภาคทางเหนือก็ค่อยๆ สงบลง เนื่องจากทางตำหนักมู่ยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรมากมาย พวกเขาอยู่อย่างสงบเงียบ ไม่ได้แสดงความตั้งใจที่จะครองภูมิภาคทั้งหมด ซึ่งนี่ทำให้ขั้วอำนาจอื่นๆ รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

ทว่าก็ไม่มีใครรู้ว่าจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตำหนักมู่รวมถึงมู่เฉินและมั่นถัวหลัวได้ออกจากกองบัญชาการไปยังดินแดนซีเทียนเล็กแล้ว

ทวีปเทียนหลัว ภาคกลาง เมืองเทียนหยาง

ค่ายกลเคลื่อนย้ายมวลสารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง นี่เป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายไกลที่สุดของทวีปเทียนหลัว หากใครต้องการจะออกจากทวีปนี้ก็จะต้องผ่านที่แห่งนี้ไป

นอกค่ายกลร่างเงานับไม่ถ้วนเคลื่อนผ่านไปมา ทำให้สถานที่แห่งนี้คึกคักยิ่งนัก คลื่นหลิงจำนวนมหาศาลย้อมท้องฟ้าจนเป็นแสงระยิบนะยับ

ขณะนี้มีคนหกคนยืนอยู่ด้านนอกค่ายกล คนที่เป็นผู้นำดูอ่อนเยาว์ขณะกำลังมองค่ายกลด้วยความสนใจ

“ค่ายกลนี้ไม่ธรรมดา ความซับซ้อนไม่ได้ด้อยไปกว่าค่ายกลระดับจงซือเลย” ร่างอ่อนเยาว์เป็นใครไม่ได้นอกจากมู่เฉิน พวกเขาออกจากภูมิภาคทางเหนือเมื่อหลายวันก่อน โดยจุดหมายก็คืออค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สามารถเดินทางได้ไกลที่สุดของทวีปเทียนหลัว

“ลือกันว่าค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นโดยหลิงเจิ้นจงซือชั้นสูง ราคาเรียกว่าต้องใช้ของเหลวจื้อจุนหลายร้อยล้านหยดเป็นอย่างน้อยเลยทีเดียว” มั่นถัวหลัวถอนหายใจ

ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ใช้ในการเดินทางไกลขึ้นต้องใช้วัสดุที่มีมูลค่ามากขึ้น ดังนั้นความยากลำบากในการสร้างก็สูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ราคาที่จะจ้างหลิงเจิ้นต้าจงซือก็ไม่ได้ถูกเลย

มู่เฉินถอนหายใจชื่นชม ด้วยราคาสูงลิบลิ่วขนาดนี้มิน่าล่ะภูมิภาคทางเหนือถึงไม่มี

“ฮ่าๆ ด้วยความสำเร็จของท่านประมุขในด้านค่ายกล ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานภูมิภาคทางเหนือของเราก็จะมีสิ่งนี้” หลิ่วเทียนเต้ายิ้ม

หลังจากผ่านระยะเวลาในการปรับตัว พวกเขาก็ยอมรับฐานะประมุขของมู่เฉินได้แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความอึดอัดในการเรียกประมุขเลย

มู่เฉินอดยิ้มไม่ได้ขณะที่เอ่ยล้อเล่น “ตราบใดที่ผู้อาวุโสหลิ่วยอมจ่ายของเหลวจื้อจุนสองร้อยล้านหยด ข้าก็สามารถสร้างขึ้นมาสำหรับภูมิภาคทางเหนือของเราได้ทุกเมื่อ”

หลิ่วเทียนเต้ายิ้มค้างขณะส่ายหน้าหวือ เว้นแต่เขาไปขายตัว มิฉะนั้นต่อให้รื้อทั้งตำหนักสุดนภาก็ไม่สามารถจ่ายในราคานี้ได้ ราคานี้สามารถซื้ออาวุธมหสวรรค์ขั้นกลางได้เลยนะ

ทุกคนมองไปที่หลิ่วเทียนเต้าขณะหัวเราะเบาๆ

มู่เฉินมองไปที่พรรคพวก มีคนไม่มากที่เดินทางมากับเขาครั้งนี้ นอกเหนือจากมั่นถัวหลัว ก็มีหลิ่วเทียนเต้า โยวมิ่ง เยาตี้และวั้นตู๋เสอ ส่วนวั้นเซิ่งที่มีนิสัยมั่นคงตั้งระวังได้รับมอบหมายคอยดูแลตำหนักมู่ เนื่องจากสำนักเพิ่งก่อตั้งใหม่ การมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเฝ้าบ้านไว้สักคนจะดีกว่า

ครั้งนี้กระทั่งจิ่วโยวก็ไม่ได้ตามมาด้วย เนื่องจากการเดินทางไปที่ตระกูลลั่วเสินครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ไม่มีประโยชน์ ด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง นางไม่ยอมให้ตัวเองเป็นภาระเด็ดขาด ดังนั้นนางจึงตัดสินใจอยู่ที่ตำหนักมู่เพื่อพยายามบรรลุระดับตี้จื้อจุนด้วยความช่วยเหลือของทะเลสาบสวรรค์ให้จงได้

แต่ถึงกระนั้นการรวมตัวของพวกมู่เฉินก็หรูหราน่าดู ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มหนึ่งคนและขั้นต้นห้าคน พวกเขาสามารถเดินเชิดหน้าไปทั่วทวีปเทียนหลัวได้เลยทีเดียว

“เราจะต้องเดินทางผ่านหลายสิบทวีปใช้เวลาประมาณยี่สิบวันเพื่อไปถึงทวีปซีเทียน” มั่นถัวหลัวมองไปที่มู่เฉิน

“เวลากระชั้นชิดมาก”

มู่เฉินนับเวลาและถอนหายใจ “เตรียมตัวให้พร้อมเถอะ”

ทุกคนพยักหน้าเดินเข้าสู่ค่ายกล มู่เฉินสะบัดมือของเหลวจื้อจุนหลายหมื่นหยดก็ลงไปในจุดรับของค่ายกล

มั่นถัวหลัวใส่รหัสพิกัด จากนั้นค่ายกลก็ระเบิดแสงออกมา พื้นที่บิดเบี้ยวอึดใจกลายเป็นสายธารห้วงมิติกลืนเงาร่างของทั้งหกไป

เมื่อลำแสงจางหายไป ร่างทั้งหกก็วับหายไปแล้ว

มหาพันภพกว้างใหญ่ไพศาล

ทวีปซีเทียนตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ที่นี่เป็นทวีปโบราณ แต่ในแง่ของขนาดก็ด้อยกว่าทวีปเทียนหลัวที่เป็นหนึ่งในมหาทวีปของมหาพันภพ ทว่าในแง่ของจำนวนจอมยุทธ์คุณภาพทวีปซีเทียนถือว่าค่อนข้างสูงมาก

ทุกคนบอกได้ว่าอดีตทวีปซีเทียนเคยมีสัญลักษณ์สองอย่างที่โดดเด่นมาก

อดีตที่ว่าก็คือสมัยโบราณ ในสมัยนั้นลั่วเสินจากทวีปซีเทียนได้รับฉายาเทพธิดาแห่งมหาพันภพ ชื่อเสียงของนางดังก้องไปทั่วสุริยะจักรวาลมากจนแม้แต่เผ่าปีศาจต่างมิติยังรู้จักชื่อนาง ยอดยุทธ์มากมายล้วนตกหลุมรักนาง

นอกจากนี้ที่น่าสะพรึงกว่าก็คือเทพธิดาคนนี้ยังเป็นหนึ่งในยอดยุทธ์ของมหาพันภพอีกด้วย

เรื่องราวเกี่ยวกับความงามและพลังของนางยังเล่าสืบต่อกันมาแม้กระทั่งผ่านมาหมื่นปี

ทว่าตอนนี้ขั้วอำนาจที่ทรงอิทธิพลที่สุดในทวีปซีเทียนกลับเป็น…ตำหนักซีเทียน!

และประมุขของตำหนักซีเทียนก็คือ…จักรพรรดิสัประยุทธ์!

เขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแท้จริง!

จักรพรรดิสัประยุทธ์แห่งตำหนักซีเทียน รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!

คำกล่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วมหาพันภพ อาจจะดูเกินความจริงไปบ้าง แต่ก็พูดได้ว่าเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นของจักรพรรดิสัประยุทธ์เลยทีเดียว

ด้วยการดำรงอยู่เช่นนี้ ตำหนักซีเทียนจึงเป็นหนึ่งในมหาอำนาจสูงสุดของมหาพันภพ แม้แต่ทวีปรอบๆ ก็กลายเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา

กล่าวอีกนัยหนึ่งจักรพรรดิสัประยุทธ์เป็นผู้ปกครองเด็ดขาดในดินแดนฝั่งตะวันตก โดยมีกลุ่มชนจำนวนมากยอมสวามิภักดิ์ให้

ทว่าในเวลาส่วนใหญ่ตำหนักซีเทียนจะไม่ได้สนใจการรบพุ่งของแว่นแคว้นต่างๆ คล้ายกับยักษ์ที่ไม่ใส่ใจกับการตายของมด

ดังนั้นแม้จะมีขั้วอำนาจยิ่งใหญ่นี้ แต่ทวีปซีเทียนและทวีปโดยรอบก็ยังอยู่ในสภาพวุ่นวาย สงครามระหว่างขุมกำลังเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ในบางแง่มุมวุ่นวายอาบเลือดไปกว่าทวีปเทียนหลัวที่ไม่มีมหาอำนาจปกครองซะอีก

แต่ไม่ว่าอย่างไรจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็เป็นยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพ ตราบใดที่มีการดำรงอยู่ของจักรพรรดิสัประยุทธ์ กฎเกณฑ์ที่นี้ก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ทวีปเทียนหลัวและทวีปซีเทียนถูกแยกออกจากกันด้วยระยะทางที่กว้างไกล โดยมีหลายสิบทวีปคั่นเอาไว้ แม้จะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายทางไกล แต่กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ยังมีปัญหาในการเดินทางข้ามทวีปด้วยระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน

แม้จะรู้เรื่องเหล่านี้ แต่ด้วยเวลากระชั้นชิด มู่เฉินก็ไม่คิดที่จะผ่อน เขาเดินทางด้วยความเร็วเต็มพิกัดหลังจากออกจากทวีปเทียนหลัว

โชคดีที่ทุกคนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งสิ้น ไม่งั้นกระทั่งจิ่วโยวก็คงต้องหมดแรงจากการเดินทางรีบเร่งเช่นนี้

นอกจากนี้ต่อให้คนอื่นๆ ตามทันได้ด้วยขุมพลังที่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องร้องอย่างขมขื่น ทว่ามู่เฉินกลับทำเหมือนไม่รับรู้ ตอนนี้เขาจะต้องมุ่งหน้าไปถึงตระกูลลั่วเลิ่นก่อนที่พิธีจะเริ่ม มิฉะนั้นถ้าเกิดอะไรกับลั่วหลีขึ้นมาเขาไม่มีทางให้อภัยตัวเอง

ดังนั้นแม้เขาจะเหนื่อยล้าแต่ก็ต้องกัดฟันเดินทางต่อไป เมื่อเห็นท่าทางของเขา คนอื่นๆ ก็ยิ้มเฝื่อนกัดฟันแน่น ตอนนี้พวกเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของมู่เฉิน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถโยนกลองทำให้มู่เฉินไม่พอใจ

ภายใต้การเร่งเดินทางเช่นนี้ ยี่สิบวันต่อมาในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทวีปซีเทียน…

ทวีปซีหลิงเป็นทวีปที่อยู่ใกล้กับทวีปซีเทียนมากที่สุด กลุ่มมู่เฉินปรากฏตัวในเมืองยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง

เบื้องหน้าพวกเขาเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายทางไกลอีกค่ายกล

มู่เฉินมองค่ายกลเบื้องหน้า ใบหน้าที่เหนื่อยล้าก็ฉายความตื่นเต้น เพราะเมื่อไรที่เขาผ่านค่ายกลนี้ไปก็จะถึงดินแดนซีเทียนเล็ก!

“ทุกคนขอบคุณสำหรับความอดทนนี้!”

มู่เฉินหันกลับมาเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ประสานมือขอบคุณอย่างจริงใจ

พวกเขายิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่จะส่ายหัวเห็นได้ชัดว่าไม่มีแรงที่จะเปิดปากพูดแล้ว

มู่เฉินก้าวเข้าสู่ค่ายกล เหวี่ยงของเหลวจื้อจุนออกไป เขารู้สึกถึงความผันผวนของห้วงมิติรอบตัว สายธารน้ำวนค่อยๆ ก่อตัวและกลืนกินร่างเขาไป

ดวงตาของมู่เฉินหลับลงอย่างช้าๆ มือที่อยู่ในแขนเสื้อสั่นไหว

นี่เกิดจากความตื่นเต้น

ฮา

มู่เฉินหายใจเข้าลึก

เขาเหมือนเห็นฉากที่เขากอดหญิงสาวไว้ก่อนที่นางจะจากไป ใจเขาสั่นเทาไปหมด

ตั้งแต่วันนั้น เขาก็รอวันนี้มาตลอด การรอคอยกินเวลานานหลายปี

ลั่วหลี ข้ามาหาแล้ว… เจ้าสบายดีไหม?

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท