หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1218

ตอนที่ 1218

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1218 ความสำเร็จ
เหนือแม่น้ำลั่ว

หมอกเลือดลอยเคว้างคว้าง ทั้งเมืองตกอยู่ในความเงียบ ราวกับว่าถูกความกลัวที่มองไม่เห็นปกคลุมไปทั่ว

ทุกคนงุนงงเมื่อมองหมอกเลือด หากพวกเขาไม่ได้เห็นกับตาแน่นอนว่าไม่มีทางจะเชื่อว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนจะถูกฆ่าต่อหน้าเช่นนี้…

นั่นคือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนนะ!

ยอดยุทธ์ของมหาพันภพที่สามารถเป็นชนชั้นสูงแม้แต่ในชนเผ่าโบราณ!

ในบางพื้นที่พวกเขาสามารถเป็นชนชั้นปกครองครอบครองทั้งดินแดนในฐานะผู้ปกครองได้เลย

ทุกคนรู้ว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทรงพลัง เพราะพลังชีวิตถูกยกขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น เมื่อถึงระดับนั้นจุดจื้อจุนไห่จะแตกสลายและวิวัฒนาการหลอมรวมเข้ากับร่างกายอย่างสมบูรณ์

ดังนั้นแม้ว่าร่างกายส่วนใหญ่ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนจะถูกทำลาย ตราบใดที่ยังมีพลังเหลืออยู่เพียงน้อยนิด พวกเขาก็จะสามารถฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้

ถ้าต้องการฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน ก็ต้องลบพลังที่มีอยู่ในทุกอณูทิ้งออกไป!

นี่เป็นเรื่องยากที่จะบรรลุความสำเร็จนี้ เว้นแต่ว่าเป็นการปราบปรามสมบูรณ์

สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่จะสังหารจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันก็ยิ่งยากขึ้นไปใหญ่

ทว่าภาพนี้ก็เกิดขึ้นที่เบื้องหน้าสายตาพวกเขา…

เอื๊อก

หลายคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แม้แต่จอมยุทธ์ตี้จื้อจุนคนอื่นที่แอบสังเกตตระกูลลั่วเสินอยู่ก็รู้สึกหวาดผวาในใจ

บนเจดีย์ที่อยู่ห่างไกลพวกหลิ่วเทียนเต้ามองหน้ากันก็เห็นความกลัวในดวงตาแต่ละคน ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะมีความสามารถในการสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นแบบไม่เหลือซากได้

เมื่อหลิ่วเทียนเต้านึกย้อนถึงการดวลของตนกับมู่เฉิน เขาก็รู้สึกว่าเหงื่อไหลโชกมาจากแผ่นหลัง โชคดีที่มู่เฉินไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเขา ไม่งั้นผลลัพธ์ของเขาคงไม่ดีไปกว่าจออมยุทธ์ตระกูลเสี่ยเสินคนนี้แล้ว

ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาประเมินประมุขตำหนักมู่ต่ำไป…เนื่องจากชายหนุ่มที่เคยถูกมองว่าเป็นมดในอดีตได้ก้าวข้ามพวกเขาไปแล้วอย่างแท้จริง

ดวงตาของพวกเขาสั่นไหวขณะถอนหายใจ พวกเขาเริ่มแก้ไขจุดยืนของมู่เฉินในใจ อย่างน้อยพวกเขาก็รู้สึกเคารพต่อผู้นำหนุ่มคนนี้เพิ่มอีกหลายส่วน

มั่นถัวหลัวไม่ได้พูดอะไร นางทำเพียงเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาอย่างใจเย็น ครั้งนี้ไม่เพียงแต่มู่เฉินจะข่มขู่ตระกูลเสี่ยเสินได้เท่านั้น แต่เขายังทำให้พวกหัวสูงตื่นจากฝันด้วย

ขณะนี้บางทีพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าถึงมู่เฉินจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากนาง เขาก็สามารถดำรงตำแหน่งผู้นำตำหนักมู่ได้อย่างมั่นคง

นอกจากนี้ในฐานะคนเข้าใจที่ดีที่สุด มั่นถัวหลัวรู้ว่ามู่เฉินยังไม่ได้หงายไพ่ทั้งหมด เพราะเขายังมีวิชาสามพิสุทธิ์ไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่อีกด้วย…

ไม่เช่นนั้นไม่ต้องพูดถึงเสี่ยยี ต่อให้จอมยุมธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นของตระกูลเสี่ยเสินทั้งสามคนโจมตีพร้อมกันก็ไม่มีทางได้เปรียบใดๆ จากวิชาสามพิสุทธิ์ของมู่เฉิน

แต่เห็นชัดว่ามู่เฉินยังไม่ต้องการเปิดเผย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเล่นกับเสี่ยยีนานแบบนี้…

“ไอ้เด็กเหลือขอ! ข้าจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ!”

ขณะที่ทั่วบริเวณเงียบกริบ ไม่นานเสียงคำรามโกรธแค้นก็ดังกึกก้องพร้อมกับจิตสังหารรุนแรง

ดวงตาของเสี่ยหลิงจื่อเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ คลื่นหลิงน่าสยดสยองก่อตัวเป็นมหาสมุทรโลหิตกระจายไปทั่ว

เขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะเหี้ยมขนาดฆ่าเสี่ยยีโดยไม่ลังเล!

นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับตระกูลเสี่ยเสิน แค่คิดก็ทำให้เสี่ยหลิงจื่อคั่งแค้นในหัวใจนัก

ตู้ม!

ภายใต้ความโกรธ เสี่ยหลิงจื่อเกือบจะสูญเสียการควบคุมตนเองขณะที่เคลื่อนไหว นิ้วเหยียดออก สายธารเลือดพุ่งออกมา ซึ่งอัดแน่นด้วยใบหน้าที่น่ากลัวนับไม่ถ้วน

ปัง!

ทว่าคลื่นหลิงขนาดใหญ่อีกสายหนึ่งก็เข้าครอบงำสายธารเลือดออกไป นี่คือการสกัดจากลั่วเทียนเสิน

ลั่วเทียนเสินหันมามองมู่เฉินอย่างซับซ้อน ก่อนจะหันไปที่เสี่ยหลิงจื่อพูดจาเยาะเย้ยว่า “แกคิดว่าข้าเป็นแจกันดอกไม้เท่านั้นหรือ?”

“ลั่วเทียนเสิน ตราบใดที่แกส่งไอ้เด็กบ้านี่มา ข้ารับประกันว่าจะไม่ยุ่งกับตระกูลลั่วเสินอีกต่อไป!” เสี่ยหลิงจื่อกัดฟัน ขณะนี้ความเกลียดชังที่มีต่อมู่เฉินพวยพุ่งขึ้นถึงขีดสุด

แต่เผชิญกับข้อเสนอนี้ ลั่วเทียนเสินกลับยิ้มเย้ยหยัน จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ ร่างเวทสวรรค์เบื้องหลังระเบิดคลื่นหลิงน่ากลัวออกมา ปิดกั้นเสี่ยหลิงจื่อไม่ให้โจมตีมู่เฉินได้

“ดี! ดี! ลั่วเทียนเสิน แกจะต้องเสียใจกับสิ่งนี้!”

เมื่อเห็นคำตอบของลั่วเทียนเสิน ท่าทางของเสี่ยหลิงจื่อก็น่ากลัวขึ้นอีกหลายส่วนขณะที่ขู่ฟ่อ สายตาเย็นชาไม่สิ้นสุดมองมู่เฉินจากระยะไกล ราวกับว่าเขากำลังกดดันอีกฝ่ายอยู่

ทว่ามู่เฉินไม่ใส่ใจสายตาที่จ้องมองอย่างเย็นชา เขาปัดมือเบาๆ พลางมองเสี่ยถงที่ถูกขังอยู่ในค่ายกล

ยามนี้ภายใต้การโจมตีของเสี่ยถง ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารใกล้จะล่มสลายลงแล้ว มังกรเจ็ดตัวลดลงเหลือสามตัวเท่านั้น

ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นด้วยค่ายกลระดับจงซือที่ไร้ผู้ควบคุม

แต่ถึงเวลาจบเรื่องนี้แล้ว

มู่เฉินยิ้มอ่อนให้กับเสี่ยถงที่อยู่ในค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร ร่างเงาของเขาเคลื่อนไปปรากฏอย่างรวดเร็วภายในค่ายกลแล้วนั่งลง

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินพลิ้วตัวลงมานั่งในค่ายกล ใบหน้าของเสี่ยถงก็เปลี่ยนไปรุนแรง เนื่องจากเขารู้ชัดเจนว่าตราบใดที่หลิงเจิ้นซือเข้าควบคุมค่ายกลด้วยตนเอง พลังอำนาจก็จะเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ

“ไม่เลวเลย ที่สามารถทำลายค่ายกลจนอยู่ในลักษณะนี้ได้…”

มู่เฉินมองค่ายกลที่เกือบจะแตกสลายก็ยิ้มบาง ดวงตาส่องประกายเย็นชาพลางโบกมือ สัญลักษณ์หลิงยิ่งพวยพุ่งออกมาจากมือรวมเข้ากับค่ายกลเบื้องหน้า

ฮึ่ม ฮึ่ม!

เมื่อมู่เฉินเริ่มเคลื่อนไหว ค่ายกลที่กำลังจะแตกสลายก็ได้รับการกู้คืนอย่างสมบูรณ์ในเวลาไม่กี่สิบลมหายใจ!

เสี่ยถงกัดฟันกรอดกับภาพนี้ เขาใช้ความพยายามมากในการสร้างความเสียหายให้กับค่ายกล แต่มู่เฉินเรียกคืนค่าได้ในทันที

“ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารก่อนหน้าเป็นเพียงการป้องกัน ตอนนี้เจ้ามาลองอีกสักหน่อยไหม?”

มู่เฉินมองไปที่เสี่ยถงด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขาหรี่แคบลงขณะที่มือสร้างตราประทับ

โฮก!

เสียงคำรามของมังกรดังออกมาจากค่ายกล จากนั้นทุกคนก็เห็นมังกรทีละตัว…ละตัวถูกสร้างขึ้นภายในอีกครั้ง

ไม่กี่อึดใจจำนวนมังกรก็กลับมาเป็นเจ็ดตัวอีกครั้ง!

นอกจากนี้เมื่อมังกรทั้งเจ็ดก่อตัวขึ้น แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดแรงกล้ากว่าเดิมหลายเท่า!

ค่ายกลที่มีจำนวนมังกรเหมือนกัน แต่ภายใต้การควบคุมของมู่เฉินพลังที่แท้จริงก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์

เมื่อรับรู้ถึงแรงกดดัน ใบหน้าของเสี่ยถงก็บิดเบี้ยวไม่น่าดู ความกลัววูบไหวในส่วนลึกของดวงตา

เนื่องจากในเวลานี้เขารู้สึกถูกคุกคามโดยค่ายกลจริงๆ แล้ว

ถ้าค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารก่อนหน้าสามารถดักจับเขาได้เท่านั้น คราวนี้ถ้าเขาไม่ระวังก็มีโอกาสที่จะถูกฆ่าเหมือนเสี่ยยีแน่!

“ข้าไม่มีเวลามากพอที่จะจัดการกับเจ้าเพราะยังมีลูกหมาอีกตัวต้องไปจัดการ ถ้าเจ้าสามารถรอดไปได้ ก็ถือว่ามีความสามารถ”

มู่เฉินมองเสี่ยถงอย่างเย็นชา โดยไม่ลังเลตราประทับก็วาดวูบไหว มังกรทั้งเจ็ดตัวแผดเสียงกึกก้องฟ้าดินพลางพุ่งเข้าหาเสี่ยถงพร้อมเพรียงกัน

เสาแสงระเบิดออกมาจำนวนมหาศาลจากร่างมังกรทั้งเจ็ด จากนั้นพวกมันก็หลอมรวมกันกลายเป็นมังกรขนาดแสนจั้ง ปลดปล่อยความผันผวนขณะที่พุ่งเข้าหาเสี่ยถง

เผชิญหน้ากับการโจมตีน่ากลัวนี้ ใบหน้าของเสี่ยถงก็เปลี่ยนไปรุนแรง เขาเร้าร่างเวทสวรรค์โดยไม่ลังเล กางไพ่ตายทั้งหมดออกมาทันที

ตู้ม ตู้ม!

อึดใจมังกรก็พุ่งตัวลงมาอย่างรุนแรง คลื่นหลิงระเบิดออก คลื่นกระแทกที่มองเห็นกระจายออกไปทำให้มิติโดยรอบถูกฉีกออกจากกัน

แม้แต่ค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารก็ยังไม่สามารถรองรับพลังทั้งหมดได้ สายผนึกแตกหักเป็นเสี่ยงๆ…

ทว่าเมื่อค่ายกลแตกสลาย ร่างเวทสวรรค์ขนาดใหญ่ก็ปริแตกออกจากกัน เงาที่ดูน่าเวทนากระเด็นออกไปหลายหมื่นจั้ง ถลาข้ามแม่น้ำลั่วไปเลยทีเดียว

มู่เฉินไม่ได้สนใจค่ายกลที่ล่มสลายลง เขาเพียงแต่มองไปที่เสี่ยถงอย่างเสียดาย นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกว่าแม้ว่าเสี่ยถงจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ก็ไม่ตาย

ยกที่สองจบลงด้วยเสี่ยถงบาดเจ็บสาหัส!

มู่เฉินไม่สนใจเสียงหายใจเข้าเย็นเยือกของผู้คน แต่หันกลับพุ่งเข้าไปในกองทัพสังหารวิญญาณ

เขาจะต้องจัดการจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนคนที่สาม ขณะที่กองทัพสังหารวิญญาณยังอยู่ในสภาพสูงสุด

จังหวะที่มู่เฉินเข้ามาในกองทัพสังหารวิญญาณ รัศมีจั้นยี่เชี่ยวกรากก็ครางกระหึ่ม ทำให้ผู้คนที่มองหนังหัวลุกชันเลยทีเดียว

หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป

รัศมีจั้นยี่ดุเดือดระเบิดขึ้น ก่อนที่มู่เฉินจะโบกมือเก็บกองทัพสังหารวิญญาณ สายตาเย็นชามองไปที่หลุมในแม่น้ำลั่วที่มีเสี่ยโส่วนอนพังพาบอยู่ภายใน

ยกที่สามจบลงด้วยเสี่ยโส่วบาดเจ็บสาหัส!

เวลานี้ทั่วทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท