หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1238

ตอนที่ 1238

บทที่ 1238 หนึ่งหมัด
“รับกำปั้นโดยไม่หลบ…”

เสียงของมู่เฉินดังก้องทำให้หลายคนต้องแลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นก็ฉายแววเยาะเย้ย เนื่องจากคำตอบนั้นเกินความคาดหมายของทุกคน

เขาไม่เพียงแต่ยอมรับการท้านี้เท่านั้น ซ้ำยังบอกอีกด้วยว่าจะไม่หลบและจะรับกำปั้นตรงๆ

ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอนสำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่จะรับการโจมตีของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย…

บนชั้นสามสายตาของหลิงเฟยจื่อก็กะพริบวูบไหว ก่อนที่ริมฝีปากจะโค้งขึ้น นางหัวเราะเบาๆ “ไม่คิดว่าจะพบวีรบุรุษผู้กล้า ข้าคงต้องมองเจ้าใหม่ ราชาหมีในเมื่อเขาขอ เจ้าก็ทำให้ความปรารถนาเขาเป็นจริงที”

หลายคนแอบหัวเราะเยาะในใจ เวลาผู้หญิงโหดขึ้นมานี่น่ากลัวแท้จริง คำพูดของนางปิดกั้นทุกทางถอยสำหรับมู่เฉิน ตอนนี้ต่อให้ไม่ยินยอม มู่เฉินก็ต้องกลืนคำพูดเข้าไปทางเดียว

หากมู่เฉินพูดด้วยความอวดดี ตอนนี้เขาต้องทุกข์แล้ว

ทว่าที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือท่าทางของมู่เฉินไม่ได้เปลี่ยนไปจากคำพูดของหลิงเฟยจื่อ เขายังคงสงบซึ่งทำให้ทุกคนสงสัยว่าเขามีไพ่ตายซ่อนอยู่จริงหรือ?

ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเลยนะ

ใบหน้าของสงป้าปกคลุมไปด้วยรังสีน่ากลัวก่อนที่จะมองมู่เฉินอย่างดุดัน เขาไม่คิดว่าตนเองจะถูกมู่เฉินดูถูกเพียงนี้

เจ้าโง่นี่ไม่รู้หรือไงว่าสงป้าเป็นจอมยุทธ์ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ซึ่งหน้า? แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายบางคนยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับพลังป่าเถื่อนแบบจังๆ

“ไอ้หนู ดูเหมือนว่าแกเหนื่อยกับการมีชีวิตนะ!” ดวงตาแดงก่ำของสงป้ามองมู่เฉินราวกับอสูรร้าย

มู่เฉินขมวดคิ้ว “เลิกพล่ามไร้สาระซะที ตกลงเจ้าจะเอารึเปล่า?”

สงป้ารู้สึกคัวนออกหู แต่สุดท้ายก็กัดฟันระงับเอาไว้ “ดี ข้าจะสนองความต้องการของแกวันนี้เอง!”

ตู้ม!

ร่างกายของสงป้าลั่นเปรียะด้วยรัศมีรุนแรง ทำให้เกิดรอยแตกในมิติโดยรอบ

คลื่นหลิงของเขาอัดแน่นด้วยความป่าเถื่อน เหมือนจะสะท้อนเสียงคำรามของหมีอย่างเลือนรางออกมาด้วย

ร่างของเขาพองตัวเป็นยักษ์ทันที ใบหน้าก็บิดเบี้ยวไป เขาดูเหมือนมนุษย์ครึ่งหมีที่ดิบเถื่อนในขณะนี้

ในอาคารผู้คนมากมายหรี่ตาแคบลงกับฉากนี้

“ว่ากันว่าทักษะที่สงป้าฝึกฝนต้องใช้เลือดหมีโลหิตแตกฟ้าซึ่งเป็นเทพอสูรโบราณ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องหลอมรวมกับคลื่นหลิงของเขา ทำให้คลื่นหลิงของเขามีความรุนแรงอย่างมากพร้อมกับพลังที่ทำลายสวรรค์ได้” มีคนอุทานออกมา

แม้แต่ท่าทางของลั่วเทียนเสินก็เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม เขาอดไม่ได้ที่จะกังวลว่าสงป้าอาจฆ่ามู่เฉินตายในหมัดเดียว

มู่เฉินหรี่ตาแคบลง ท่ามกลางเสียงร้องของฝูงชน เขาสัมผัสถึงคลื่นหลิงรุนแรงที่ระเบิดออกมาจากร่างสงป้า ดวงตาก็วูบไหว

โฮก!

คลื่นหลิงในร่างสงป้ากวาดออกมาเป็นลอน วินาทีต่อมาเขาก็หมุนวนคลื่นหลิงไปยังจุดสูงสุด คำรามก้องฟ้า คลื่นเสียงกระเพื่อมจากเสียงคำรามของเขาทำให้มิติแตกสลาย

ปัง!

คลื่นหลิงเชี่ยวกรากผันผวนภายในร่างกาย สายตาเขาก็จับจ้องมู่เฉิน อึดใจเขาก็กระแทกฝ่าเท้า ระเบิดพื้นที่แข็งแกร่งใต้ฝ่าเท้าให้กลายเป็นฝุ่น

ร่างกลายเป็นลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกไป ขณะเดียวกันก็เหวี่ยงกำปั้นขวาออกไปอย่างช้าๆ

ทันใดนั้นหมีตัวใหญ่ตัวหนึ่งก็ปรากฏอยู่ข้างหลัง อุ้งตีนหมีซ้อนทับรวมกันกับกำปั้นของสงป้า

ปัง ปัง!

พายุสีแดงกวาดออกทำให้มิติรอบด้านแตกเป็นเสี่ยงๆ ประกายไฟแล่นแปลบปลาบเมื่อสัมผัสกับหมัด

“กำปั้นปีศาจแยกฟ้า!”

สงป้าคำรามขณะที่เหวี่ยงหมัดออกไป ภาพนี้ทำให้ใบหน้าผู้คนเปลี่ยนแปลงไปมาก พวกเขาตกใจกับการเคลื่อนไหวของสงป้า

กำปั้นนี้เค้นพลังทั้งหมดของสงป้า แม้ว่าชายคนนี้จะดูเหมือนพวกสมองกล้ามเนื้อ แต่ก็ยังมีไหวพริบ เขากลัวว่ามู่เฉินจะมีทักษะบางอย่างในแขนเสื้อ ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้วิธีการที่ตรงที่สุดเพื่อเอาชนะมู่เฉิน ด้วยพลังหลิงยิ่งใหญ่ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย

การโจมตีนี้อาจดูงุ่มง่าม แต่เป็นเส้นทางพลังยิ่งใหญ่แท้จริง

ต่อให้แกมีทักษะมาก ข้าก็สามารถทำลายสิ่งกีดขวางให้หมดสิ้น!

ถึงยังไงมู่เฉินก็มีขุมพลังเท่านี้ ดังนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตของสงป้าในฐานะจอมยุทธ์อีกขั้นก็สามารถทำลายการป้องกันของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นนี้ได้

ดังนั้นเมื่อสงป้าชกหมัดออกไป หลายคนก็ชื่นชม เพราะสิ่งที่ดีที่สุดที่ต้องทำเมื่อเผชิญกับการโจมตีครั้งนี้คือการหลบ ทว่ามู่เฉินบอกไว้แล้วว่าจะไม่หลบ นี่ก็เท่ากับบีบตัวเองให้ต้องตายนั่นเอง

มุมปากของหลิงเฟยจื่อเพิ่มโค้งเยาะเย้ยมากขึ้น เนื่องจากนางรู้ว่ามู่เฉินต้องจ่ายราคาแพงระยับสำหรับความเย่อหยิ่งของตนเอง

ขณะที่ทุกคนกำลังเฝ้าดูฉากนี้ด้วยความดีใจกับความทุกข์คนอื่น มู่เฉินก็หายใจลึกสุดปอดกางขาออกเล็กน้อย จากนั้นก็เหยียดฝ่ามือออก ตั้งท่าจะรับกำปั้นอีกฝ่าย

ทว่าไม่มีใครสังเกตเห็นการวูบไหวของแสงอัญมณีที่กะพริบในส่วนลึกของดวงตามู่เฉิน คลื่นหลิงของเขาหลั่งไหลลงในเจดีย์ผลึกใส เปลี่ยนเป็นคลื่นหลิงแก้วใส…

เมื่อแสงอัญมณีบางจางก็เริ่มกำจายทั่วร่างมู่เฉิน จังหวะนั้นกำปั้นรุนแรงของสงป้าก็มาถึง

“ตาย!”

สงป้าคำรามด้วยท่าทางน่ากลัว รัศมีร้ายกาจห่อหุ้มเขาไว้ จากนั้นก็ชกไปที่ฝ่ามือของมู่เฉินภายใต้สายตาที่จ้องมองมานับไม่ถ้วน

ตู้ม!

เมื่อกำปั้นและฝ่ามือปะทะกัน เสียงดังกึกก้องก็กระจายไปทั่ว ทุกคนเห็นเสื้อผ้าของมู่เฉินกระพืออย่างรุนแรง

ขณะนี้ฝ่ามือมู่เฉินเปลี่ยนเป็นสีแดง เหมือนมีหยดเลือดซึมออกมาด้วย เนื่องจากคลื่นหลิงรุนแรงของสงป้า

คลื่นหลิงสีแดงกวนตัวเป็นพายุเฮอริเคนห่อหุ้มทั้งสองไว้

“ข้าจะฉีกร่างแกเป็นชิ้นๆ!” สงป้าหัวเราะร่วน อึดใจต่อมาคลื่นหลิงสีแดงเข้มก็พลุ่งพล่านเข้าสู่ร่างกายของมู่เฉินอย่างป่าเถื่อน เขาตั้งใจจะทำลายร่างมู่เฉินจากภายในสู่ภายนอก

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้กระบวนท่าที่โหดร้าย เขาเคยทำสิ่งนี้กับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสองคนให้กลายเป็นแอ่งเลือด

ตู้ม!

ทว่าเมื่อคลื่นหลิงสีแดงเข้มเทลงไปในร่างกายมู่เฉิน สงป้าก็เห็นรอยยิ้มเย้ยบนใบหน้าของอีกฝ่าย

“จะตายอยู่แล้วยังเสแสร้งอีกเรอะ?!” สายตาสงป้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม คิดจะจุดประกายพลังงานรุนแรงภายในร่างของมู่เฉิน

แต่ทันใดนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงด้วยความหวาดผวา เมื่อพบว่าตนเองสูญเสียการเชื่อมต่อกับคลื่นหลิงที่กระแทกใส่ร่างกายของมู่เฉินไป

นี่ให้ความรู้สึกราวกับว่าร่างกายของมู่เฉินเป็นหลุมดำที่สามารถกลืนกินและย่อยสลายพลังงานทุกชนิดที่เข้าไป

“เป็นไปได้ยังไง?” ใบหน้าของสงป้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

ตรงกันข้ามมู่เฉินกลับยิ้มเย็นชา แท้จริงแล้วคลื่นหลิงของสงป้ารุนแรงมาก แต่น่าเสียดายที่มู่เฉินไม่กลัวคลื่นหลิงที่บุกเข้ามาในร่างกายของเขา

เนื่องจากตอนนี้คลื่นหลิงแก้วใสคำรามอยู่ภายในร่างกาย เมื่อคลื่นหลิงสีแดงที่บุกเข้ามาสัมผัสกับมันก็เงียบลงทันที ถูกผนึกอย่างสมบูรณ์…

ยามนี้ทุกคนรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทำให้ใบหน้าถึงกับเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกได้ว่าไม่ว่าสงป้าจะพยายามจุดชนวนคลื่นหลิงของเขาในร่างกายของมู่เฉินเท่าไร ก็ไม่มีอาการปั่นป่วนสักเล็กน้อยออกมาจากร่างกายของอีกฝ่าย แม้แต่เท้าก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?!” ทุกคนมีท่าทางเคร่งเครียดลงหลายส่วน ความตกใจผุดขึ้นในใจของพวกเขา

ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงไป มู่เฉินก็ยิ้มให้สงป้า “อยากได้คลื่นหลิงกลับไปเหรอ? งั้นเอาคืนไปเลย”

เขากำมืออีกข้างหนึ่ง คลื่นหลิงสีแดงก็พุ่งออกมาก่อตัวเป็นลูกแสงสีแดงกว้างเกือบร้อยจั้ง

ภายในบรรจุคลื่นหลิงที่มีความรุนแรง

มู่เฉินถือลูกแสงจากนั้นก็ขว้างใส่สงป้า

เผชิญหน้ากับการกระทำของมู่เฉิน สงป้าก็หัวเราะเสียงดัง เพราะเมื่อวงแสงคลื่นหลิงสีแดงเข้มสัมผัสกับร่างเขาก็รวมเข้าสู่ร่างอย่างรวดเร็วราวกับว่าน้ำไหลลงทะเล

“ฮ่าๆ เจ้าโง่ คิดจะใช้คลื่นหลิงของข้าเพื่อโจมตีข้าเนี่ยนะ? เพ้อฝันจริงๆ!” สงป้าระเบิดเสียงหัวเราะ

“งั้นเหรอ?” มู่เฉินตอบด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด

เมื่อพูดจบใบหน้าของสงป้าก็เปลี่ยนไปรุนแรง เพราะเขาตระหนักว่าคลื่นพลังงานที่ดูดซึมเข้าไปส่งผลกระทบต่อคลื่นหลิงในร่างทั้งหมดของเขา ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมทันที…

ในช่วงเวลาไม่กี่ลมหายใจคลื่นหลิงที่หนาแน่นรอบตัวเขาก็อันตรธานหายไป

“คลื่นหลิงของข้า?!” ดวงตาของสงป้ากะพริบด้วยความหวาดผวาเข้มข้นกับสถานการณ์นี้

“แกก็ลองรับหมัดข้าหน่อยละกัน”

ทว่าก่อนที่เขาจะได้ทันตรวจสอบร่างกาย มู่เฉินยิ้มพลางก้าวออกไป หมัดกระทุ้งเข้าไปที่หน้าอกของสงป้าที่สูญเสียพลังงานทั้งหมดไปแล้ว

ปัง!

สงป้ารับผลกระทบหนักหน่วง ร่างบินออกไปสร้างรอยครูดยาวบนพื้น ก่อนที่เลือดจะกบปาก หน้าอกยุบตัวลง

ทั่วบริเวณตกอยู่ในความเงียบงัน แม้จะมีจอมยุทธ์มากมายที่นี่ แต่ทุกคนก็ต่างอ้าปากตาค้างไปหมด เนื่องจากพวกเขาไม่คิดว่าไม่เพียงแต่กำปั้นของสงป้าจะไม่ทำอันตรายให้กับมู่เฉิน เขายังสูญเสียการควบคุมคลื่นหลิงทั้งหมดไปและถูกมู่เฉินซัดจนมีสภาพน่าอนาถเช่นนี้

มู่เฉินถอนกำปั้นออก ภายใต้สายตาที่จ้องมาก็คลี่ยิ้ม จากนั้นก็เงยหน้ามองหลิงเฟยจื่อที่หน้าเขียวคล้ำ

“ขอบใจสำหรับของเหลวจื้อจุนแปดสิบล้านหยดนะ…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท