หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1242 ค่ายกลรบสามกำลัง
ผ่านวังวนเข้ามา
มู่เฉินก็ลืมตาขึ้น ภาพทิวทัศน์เบื้องหน้าถูกย้อมด้วยสีเหลืองคล้ำ พระอาทิตย์ตกเหมือนเป็นสีเลือด ทั้งมิติราวกับตกอยู่ในความรกร้าง
“นี่คือสนามรบครั้งนี้เหรอ?” มู่เฉินมองความขมุกขมัวก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นมิติขนาดเล็กที่จักรพรรดิสัประยุทธ์สร้างขึ้น ตอนนี้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ทั้งหมดได้เข้ามาอยู่ในมิตินี้ การต่อสู้ดุเดือดกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
เป็นการต่อสู้ที่ไม่มีใครหน้าไหนได้รับการยกเว้น
ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้ตื่นเต้น เขาครุ่นคิดสั้นๆ ไม่คิดรีบจะเดินทาง เขากำมือแล้วแบออกป้ายสัประยุทธ์ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
ป้ายนี้มีความสำคัญสำหรับทุกคนที่เข้าร่วมการศึกนักรบทวีป เพราะถ้าสูญเสียป้ายก็จะหมายถึงความล้มเหลว พวกเขาจะถูกลบออกจากมิตินี้ทันที
นอกจากนี้ป้ายสัประยุทธ์ยังเชื่อมโยงกับคลังสัประยุทธ์ ซึ่งเป็นคลังสมบัติของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ดังนั้นสมบัติทุกชั้นในนั้นจึงมีค่ามหาศาลแบบไม่ต้องสงสัยแน่นอน
มู่เฉินจับป้ายแล้วเทคลื่นหลิงเข้าไป ก่อนที่หน้าจอแสงจะยิงออกจากป้ายเพื่อแสดงรายการสมบัติล้ำค่าทุกประเภท แม้จะไม่ได้เป็นภาพจริง แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงรัศมีสมบัติที่ถูกปลดปล่อยออกมา
“คัมภีร์ระดับเสินทงขั้นเต็ม ทักษะดาวประกายพรึก… สิบป้ายสัประยุทธ์”
“อาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำ พลองร้อยมังกร… สี่ป้ายสัประยุทธ์”
“อาวุธมหสวรรค์ขั้นกลาง ป้ายหินโกฏิวิญญาณ…สิบสามป้ายสัประยุทธ์”
“ลำดับเจ็ดสิบเก้าของคัมภีร์ร่างเทห์สรรค์เก้าสิบเก้าร่าง ร่างพระวิญญาณ…เก้าป้ายสัประยุทธ์”
“…”
เมื่อมองรายการสมบัติ มู่เฉินก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ ในดวงตาอัดแน่นได้ด้วยความโหยหา คลังสมบัติของจักรพรรดิสัประยุทธ์สมกับเป็นการสะสมของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแท้จริง ทุกชิ้นมีค่ามหาศาลในมหาพันภพเลยทีเดียว
ทว่าวันนี้จักรพรรดิสัปะระยุทธ์กลับยอมปล่อยพวกมันเพื่อผลประโยชน์ ผู้คนต้องถอนหายใจกับฐานะที่ร่ำรวยของเขาจริงๆ
“ป้ายหินโกฏิวิญญาณอาวุธมหสวรรค์ขั้นกลาง…”
มู่เฉินมองไปที่สมบัติที่เรียกน้ำลายเกือบสอ ต้องรู้ว่าพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจที่อยู่ในมือมั่นถัวหลัวก็แค่ขั้นกลางเช่นกัน
ส่วนตัวเขาก็ได้ครอบครองแค่พัดสายลมและป้ายขวางสมุทรซึ่งอยู่ในขั้นต่ำทั้งคู่
“แต่สิ่งแลกเปลี่ยนก็คือสิบสามป้ายสัประยุทธ์…นั่นหมายความว่าต้องได้ป้ายจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสิบสามคน” ทว่าแม้เขาจะถูกล่อลวง แต่ก็ต้องถอนหายใจจนใจจากเงื่อนไข เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำสำเร็จ
“แพงเกินไป…”
มู่เฉินมองรายการอยู่นานก่อนที่จะถอนหายใจ มีสมบัติมากมายที่เขาสนใจ แต่เงื่อนไขช่างสูงลิบลับ
ตามสถานการณ์ปกติจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายทั่วไปที่มีความสามารถและโชคช่วยก็น่าจะได้รับป้ายหกเจ็ดป้าย ซึ่งยังไม่เพียงพอสำหรับอาวุธมหสวรรค์ขั้นกลางเลย…
นอกจากนี้หากเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ การแลกเปลี่ยนสมบัติก็หมายความว่าเขาจะสูญเสียโอกาสที่จะได้อันดับหนึ่ง
เนื่องจากนักรบทวีปจะต้องเป็นของผู้ที่มีป้ายสัประยุทธ์มากที่สุด…
เมื่อเป็นเช่นนี้คนที่มีความทะเยอทะยานที่จะได้รับตำแหน่งนี้ก็คงไม่เต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนสมบัติจากคลัง แม้ว่าพวกเขาจะถูกล่อลวงก็ตาม
นั่นหมายความว่าคลังสัประยุทธ์คล้ายกับรางวัลปลอบใจสำหรับคนที่ไม่สามารถชิงตำแหน่งได้
“ไม่มีของดีราคาถูกมั่งเลยเหรอ?” มู่เฉินเบ้ปาก นิ้วเลื่อนหน้าจอพลางส่ายหัว จากนั้นก็เตรียมปิด
“หืม?”
ทว่าขณะที่เขาคิดจะปิด ทันใดนั้นเขาก็เห็นของสิ่งหนึ่ง มือของเขาหยุดชะงักชั่วคราว
“ค่ายกลรบสามกำลัง… “
สายตาของมู่เฉินจ้องเขม็งตรงภาพกระบวนทัพสงครามที่หายาก ที่สำคัญยังใช้จำนวนคนเพียงสามคนเท่านั้น
นี่เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเนื่องจากค่ายกลสงครามเป็นของจั้นเจิ้นซือ ซึ่งกองทัพที่พวกเขาควบคุมต้องมีอย่างน้อยในหลักพันถึงหลายหมื่น คนที่โดดเด่นกว่านั้นจะมีเป็นหลักแสนหรือล้านเลยทีเดียว
แล้วค่ายกลสงครามรูปแบบสามคนนี้คืออะไรกัน?
ความประหลาดใจแวบเข้ามาในดวงตา ก่อนที่เขาจะแตะเบาๆ ทันใดนั้นก็มีข้อมูลมหาศาลไหลเข้ามาในสมอง ความแปลกประหลาดก็วาบบนใบหน้าเมื่อรับข้อมูล
ที่แท้ค่ายกลรบสามกำลังถูกสร้างขึ้นโดยจั้นเจิ้นซือสมัยโบราณที่สามารถสร้างลวดลายจั้นเหวินได้ห้าล้านลวดลาย บุคคลเช่นนี้ถือได้ว่าโดดเด่นแม้จะอยู่ในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ตาม
ทว่าจั้นเจิ้นซือผู้นี้แปลกมาก กองทัพของเขาไม่ได้มีจำนวนหลักพันหรือหลักหมื่น แต่มีเพียง…จอมยุทธ์สองคน
พูดให้ชัดเจนก็คือเป็นแฝดสองคนของเขา
ทว่าทั้งสองคนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย
โดยทั่วไปแล้วเป็นไปไม่ได้ที่ไป่วั่นเหวินจั้นเจิ้นซือจะใช้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสองคนเป็นแหล่งกำเนิดของรัศมีจั้นยี่ เนื่องจากแต่ละคนทรงพลังเกินไป คลื่นรัศมีจั้นยี่ของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความระแวดระวัง ถ้าไป่วั่นเหวินจั้นเจิ้นซือพยายามควบคุมก็จะได้รับผลกระทบจากการตอบโต้ของรัศมีจั้นยี่
แต่แตกต่างกันสำหรับพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นแฝดสาม ดังนั้นหัวใจของพวกเขาจึงเชื่อมโยงกันและยอมรับรัศมีจั้นยี่ของกันและกันได้ ดังนั้นพี่น้องทั้งสองจึงเปรียบได้กับทหารนับล้านหรือแม้กระทั่งหลายสิบล้านคน
ด้วยการเชื่อมโยงที่อัศจรรย์ใจนี้ บวกกับความลึกซึ้งของการสร้างค่ายกลรบสามกำลัง ไป่วั่นเหวินจั้นเจินซือผู้นี้สามารถท้าทายจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มและสังหารลงได้!
โดยทั่วไปแม้ว่าจะเป็นการผนึกกำลังของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสามคน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ทว่าไป่วั่นเหวินจั้นเจิ้นซือคนนี้กลับสามารถสังหารจอมยุทธ์ระดับนี้ร่วมกับพี่น้องทั้งสอง ด้วยค่ายกลรบสามกำลังผลลัพธ์นี้ก่อให้เกิดความตกใจกับผู้คนนับไม่ถ้วน
“ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ในโลก”
ใบหน้าของมู่เฉินเต็มไปด้วยริ้วความตะลึงจากข้อมูล เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินมาว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสองคนสามารถเป็นกำลังให้ไป่วั่นเหวินจั้นเจิ้นซือได้
แต่ก็เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่ผู้อื่นจะทำเลียนแบบ เนื่องจากพวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝดที่มีหัวใจเชื่อมโยงกัน จึงสามารถควบคุมพลังอำนาจยิ่งใหญ่ของรัศมีจั้นยี่ที่รวมกันโดยไม่ตอบโต้กัน
แน่นอนว่าเหตุผลสำคัญที่พวกเขาสามารถฆ่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้ก็เพราะค่ายกลรบสามกำลัง
ความลึกซึ้งของค่ายกลสงครามนี้ได้รวมพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง มิหนำซ้ำยังขยายพลัง ทำให้พวกเขาบรรลุความสำเร็จที่น่าตื่นตาได้ในที่สุด
ทว่า…
สิ่งที่คนอื่นไม่สามารถบรรลุได้ ไม่ได้หมายความว่ามู่เฉินทำไม่ได้…
มู่เฉินมองค่ายกลรบสามกำลังด้วยดวงตาลุกโชน
แม้เขาจะไม่มีพี่น้องแฝด แต่เขามีวิชาสามพิสุทธิ์!
อีกสองคนเป็นร่างรองของเขา ดังนั้นความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขาจึงแข็งแกร่งกว่าพี่น้องฝาแฝด เมื่อพูดในระดับหนึ่งความเข้ากันได้ที่เขามีกับค่ายกลรบสามกำลังสามารถชนะแม้กระทั่งพี่น้องแฝดสามได้!
ค่ายกลรบสามกำลังสร้างขึ้นมาสำหรับเขาจริงๆ!
มู่เฉินเลียริมฝีปากด้วยความปรารถนาวูบไหวตา แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการคาดเดาตอนนี้ แต่เขาจะต้องได้รับค่ายกลรบสามกำลังนี้!
ด้วยการเสริมพลังของค่ายกลนี้ พลังของวิชาสามพิสุทธิ์จะยิ่งเพิ่มขึ้นทบทวี!
ดังนั้นมู่เฉินเลื่อนสายตาไปด้านหลัง ซึ่งได้แสดงราคาเอาไว้
ค่ายกลรบสามกำลัง สี่ป้ายสัประยุทธ์
มู่เฉินรู้สึกโล่งใจกับราคานี้ ถึงแม้ว่าค่ายกลรบสามกำลังจะลึกซึ้ง แต่เงื่อนไขเข้มงวดเกินไป ในโลกนี้ไม่มีแฝดสามมากมาย ซ้ำหนึ่งในนั้นต้องเป็นจั้นเจิ้นซืออีกด้วย
ดังนั้นราคาของค่ายกลรบสามกำลังจึงเปรียบได้กับอาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำเท่านั้น
ทว่าสำหรับมู่เฉินแล้ว มูลค่าค่ายกลนี้สูงยิ่งกว่าคัมภีร์ระดับเสินทงขั้นเต็มเสียอีก
มู่เฉินแตะเบาๆ บนหน้าจอ จากนั้นก็กำกำปั้นเก็บป้ายไป เขาเงยหน้าขึ้นมองขอบฟ้าด้วยรอยยิ้ม
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาป้ายสัประยุทธ์สี่ป้ายอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเขาถ้ามีคนอื่นมาแลกไป
“ในเมื่อเป็นแบบนี้…”
มู่เฉินกำมือด้วยรอยยิ้มพลางพึมพำ “ต่อไปถึงเวลาการออกล่าของข้าแล้ว…”
พูดจบเขาก็ยิ้มเสียงเบา ไม่มีอาการลังเลอีกต่อไปก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ เปลี่ยนเป็นร่างแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วมุ่งหน้าเข้าไปในสนามรบ
เป้าหมายแรกของเขาคือได้ป้ายสัประยุทธ์ทั้งสี่ป้ายโดยไม่คำนึงถึงวิธีการใด!