หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1258

ตอนที่ 1258

บทที่ 1258 ร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์
ครืนๆ!

เมื่อเสียงของหลิงจั้นจื่อดังขึ้น คลื่นหลิงรุนแรงก็ไหลมาบรรจบกันอยู่ข้างหลัง ร่างเงาขนาดใหญ่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจร่างใหญ่โตก็ควบแน่นปรากฏต่อสายตาของทุกคน ดึงดูดความตกตะลึงนับไม่ถ้วน

นี่เป็นร่างสีดำที่สูงใหญ่มาก มีลูกทรงกลมสามลูกอยู่ด้านหลังศีรษะซึ่งหมุนตลอดเวลาด้วยแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้กวาดออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มิติเกิดการบิดเบือนจากแรงกดดัน

เมื่อร่างเวทสวรรค์นี้ปรากฏขึ้น ก็ทำให้เกิดความโกลาหลในเมืองซีเทียนจั้น ความเคารพและอิจฉาพล่านในดวงตาของทุกคน

เพราะพวกเขารู้ที่มาของร่างเวทสวรรค์นี้

ร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธธ์อันดับยี่สิบสี่บนทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง

ในสมัยโบราณมียอดยุทธ์ที่รู้จักกันในชื่อปฐมจักรพรรดิสัประยุทธ์ เขาสามารถสร้างคลื่นหลิงจั้นซึ่งเกิดจากการผสมผสานระหว่างรัศมีจั้นยี่และคลื่นหลิง ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาน่ากลัวเกินบรรยาย ทำให้ตัวเขาอยู่ในอันดับต้นๆ แม้ในสมัยโบราณ

แต่เมื่อปฐมจักรพรรดิสัประยุทธ์สิ้นชีพลง มรดกของเขาก็หายสาบสูญไป แต่จักรพรรดิสัประยุทธ์แห่งทวีปซีเทียนกลับโชคดีพบเข้า ด้วยการรับมรดกนั่นทำให้จักรพรรดิสัประยุทธ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้

ส่วนร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยปฐมจักรพรรดิสัประยุทธ์ แต่เงื่อนไขในการฝึกฝนเข้มงวดมาก ในบรรดาเทพจอมยุทธ์ทั้งสี่มีเพียงหลิงจั้นจื่อเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก

เพราะไม่ใช่ขั้วอำนาจใดๆ ที่จะสามารถครอบครองร่างเทห์สวรรค์อันดับยี่สิบสี่ได้

“ร่างเวทสวรรค์ของมู่เฉินคืออะไรกัน? ทำไมข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

“ฮ่าๆ ร่างเวทสวรรค์สูงเพียงไม่กี่ร้อยจั้ง จะสามารถบรรจุคลื่นหลิงได้เท่าใด?”

“เปรียบเทียบได้กับดาวแคระและดาวยักษ์อย่างแท้จริง… ข้ากลัวว่าร่างเวทสวรรค์นั่นจะถูกบดทันทีที่เคลื่อนไหว”

“…”

ขณะที่เสียงกระซิบกระซาบอัดแน่นทั่วฟ้าดิน จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็มองภาพเบื้องหน้าด้วยดวงตาแคบลง ทว่าเขาไม่ได้สนใจร่างเวทสวรรค์ของหลิงจั้นจื่อ แต่กลับให้ความสนใจร่างสีม่วงทองของมู่เฉิน

บางทีคนอื่นอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่ด้วยการรับรู้ของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน จักรพรรดิสัประยุทธ์สามารถสัมผัสได้ถึงพลังน่าสะพรึงกลัวที่มีอยู่ในร่างเล็กนั่น

“ร่างเวทสวรรค์ของมู่เฉินเหมือนจะไม่ธรรมดา” จักรพรรดิสัประยุทธ์เอ่ยอย่างช้าๆ แม้เขาจะมีประสบการณ์มาก แต่ก็แค่รู้สึกคุ้นกับร่างเวทสวรรค์ของมู่เฉิน ไม่อาจบอกได้ว่ามันมีประวัติความเป็นมาอย่างไร

ทว่าถึงแม้เขาจะไม่สามารถบอกต้นกำเนิดได้ แต่เขารู้ว่าร่างเวทสวรรค์ของมู่เฉินไม่ได้อ่อนแอไปกว่าร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์เลย

“มู่เฉินโชคดีจริงๆ ที่ได้รับร่างเวทสวรรค์นี้… มิน่าเทพจักรพรรดิอัคคีถึงให้ความสำคัญกับเขา”

จักรพรรดิสัประยุทธ์มองไปที่เทพจักรพรรดิอัคคีพลางยิ้ม “ด้วยร่างเวทสวรรค์นี้ เขาอาจมีกำลังพอที่จะต่อสู้กับหลิงจั้นจื่อ แต่ถ้าเขาต้องการที่จะชนะ ข้ากลัวว่าจะไม่ง่าย”

แม้จะมีความแข็งแกร่งที่มู่เฉินแสดงออกมา แต่ก็ยังมีข้อจำกัดจากการฝึกฝนของเขาในขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะก้าวข้ามความแตกต่างด้านขุมพลัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหลิงจั้นจื่อเป็นหัวกะทิในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเลย

ถ้ามู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย จักรพรรดิสัประยุทธ์อาจต้องยอมรับว่าเขามีโอกาสสูงที่จะตีหลิงจั้นจื่อจนจุกได้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีคำว่า ‘ถ้า’ ในโลกนี้

เซียวเหยียนไม่ได้โต้คำพูดของอีกฝ่าย แค่มอบรอยยิ้มตอบ

เมื่อเห็นรอยยิ้มนั่น จักรพรรดิสัประยุทธ์กลับรู้สึกไม่สบายใจ เพราะทุกครั้งที่เทพจักรพรรดิอัคคีเผยรอยยิ้มแบบนี้ มู่เฉินจะนำไพ่ตายที่น่าตกใจออกมาเสมอ

“ไอ้หนูนั่นยังมีไพ่ตายที่ทรงพลังกว่านี้อีกรึ?”

จักรพรรดิสัประยุทธ์มองไปที่มู่เฉิน ขณะที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน

“ร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์เรอะ”

ยืนอยู่บนร่างสีม่วงทอง มู่เฉินก็มองเงาขนาดใหญ่โตด้วยสายตาวูบไหว เขาแปลกใจนิดหน่อยที่หลิงจั้นจื่อฝึกฝนร่างเวทสวรรค์ระดับสูงเช่นนี้

ไม่น่าแปลกใจที่หลิงจั้นจื่อจะเพิกเฉยต่อจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายส่วนใหญ่ ด้วยร่างเวทสวรรค์นี้ก็ไม่มีจอมยุทธ์ทั่วไประดับเดียวกันคนไหนสามารถทำอะไรเขาได้

“ในสนามรบแห่งนี้ มีเพียงหลิ่วซิงเฉินเท่านั้นที่บังคับให้ข้านำร่างเวทสวรรค์ออกมา แต่เขาต้องจ่ายในราคาแพงระยับ ไม่รู้ว่าแกจะต้องจ่ายในราคาเท่าไร?” หลิงจั้นจื่อปรากฏตัวบนร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์พลางก้มมองลงไปที่มู่เฉิน

ฮึ่ม!

เมื่อพูดจบลง ร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ระเบิดแสงพราว ริ้วแสงขึ้นไปรวมตัวกันบนท้องฟ้า ก่อตัวเป็นหอกมากมายที่มีลวดลายจั้นเหวินปกคลุม กำจายด้วยรัศมีจั้นยี่อันเชี่ยวกราก

เพียงหอกเดียวก็สามารถฉีกร่างจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นได้ ยิ่งด้วยจำนวนดังกล่าวแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ยังไม่สามารถหนีรอดได้

ช่างเป็นฉากที่ตระการตานัก

“ทักษะเทห์สวรรค์ พายุหอกสงคราม”

ฟิ้ว ฟิ้ว!

หลิงจั้นจื่อสะบัดนิ้ว หอกก็ทะยานออกมาราวกับห่าฝน ดูคล้ายกับก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่ห่อหุ้มมู่เฉินและร่างสีม่วงทอง เสียงเจาะโสตประสาทดังก้องไปทั่วขอบฟ้า

เมื่อมองเงาที่เกิดจากหอก ท่าทางของมู่เฉินก็เคร่งเครียดลงหลายส่วน ดวงตาของเขาหดเกร็งก่อนที่มือจะประสานกันอย่างรวดเร็ว ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ใต้ฝ่าเท้าก็ระเบิดด้วยแสงสีทองม่วง

“แสงอมตะ!”

แสงสีม่วงทองแปรปรวนโดยรอบ ดูราวกับเป็นเปลือกไข่สีม่วงทองห่อหุ้มมู่เฉินและร่างเทพสุริยะนิรันดร์ไว้

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์เป็นวิวัฒนาการของร่างเทพสุริยะ ดังนั้นความสามารถในการป้องกันจึงมากขึ้นตามไปด้วย แสงอมตะนี้ทำให้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์มีการป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เคร้ง เคร้ง

ขณะที่แสงสีม่วงทองพวยพุ่งออกมา หอกก็กระแทกกับแสงก่อนที่จะชะลอลงและแข็งตัวเมื่ออยู่ห่างจากร่างสีม่วงทองไม่กี่เมตร

เมื่อมองจากที่ไกลร่างสีม่วงทองถูกปกคลุมด้วยหอกราวกับตัวเม่น

“ไปให้พ้น!”

มู่เฉินเบิกตากว้าง แสงสีม่วงทองก็กวาดออกมาก่อนที่เขาจะตบฝ่าเท้าลงไป ร่างเทพสุริยะนิรันดร์คำราม คลื่นเสียงกระเพื่อมออกมาราวกับพายุเฮอริเคนพัดหอกกลับไป

ปัง ปัง!

หอกถูกกวาดกลับไปในทิศทางของหลิงจั้นจื่อ

“หึ!”

หลิงจั้นจื่อวาดกระบวนท่าเร็วรี่ หอกละลายในรัศมีจั้นยี่ก่อนที่จะกลายเป็นจุดแสงห้อมล้อมรอบตัว

ตู้ม!

ร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์กระทืบเท้า ร่างกายมหึมาก็กระโจนออกไปพร้อมกับหมัดที่อัดแน่นด้วยคลื่นหลิงเชี่ยวกรากซัดเข้าใส่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์อย่างป่าเถื่อน

ปัง!

พื้นดินที่อยู่ใต้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์พังทลายลง แต่มู่เฉินก็ไม่แสดงสัญญาณจะถอยเมื่อเผชิญหน้ากับร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ เขาควบคุมร่างสีม่วงทองเคลื่อนไหวออกไปเช่นกัน

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

เงาร่างสองร่างโรมรันพันตูกันในป่า ทุกครั้งที่ซัดหมัดออกไปก็มีคลื่นหลิงมหาศาลกวาดออก ทำให้มิติแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พื้นดินพังทลายเหวขนาดมหึมากระจายออกไปทั่วฟ้าดิน

ผู้ชมในจัตุรัสตะลึงงัน ขณะที่พวกเขาจ้องมองร่างสองร่างฟัดกันนัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นว่าร่างสีม่วงทองของมู่เฉินสามารถทนต่อการโจมตีทำลายล้างของร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ได้อย่างไร ดวงตาแต่ละคู่แทบถลนออกมานอกเบ้า

นั่นคือร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์นะ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ไม่สามารถต้านทานแม้แต่หมัดเดียวได้ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่สามารถทำอะไรกับร่างเวทสวรรค์ที่ลึกลับของมู่เฉินได้รึ?

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าหลังจากที่หลิงจั้นจื่อเรียกร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์สถานการณ์จะกลายเป็นพับกระดานสู้ด้านเดียว แต่ในความเป็นจริง…ร่างเวทสวรรค์ลึกลับของมู่เฉินไม่ได้อ่อนแอไปกว่าร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์เลย!

ครืนนนน!

การต่อสู้ที่สะเทือนโลกาสร้างหายนะในป่า เนินเขาราพณาสูรในเส้นทางที่เงาทั้งสองพุ่งผ่านไป

ตู้ม!

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์และร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ปะทะกันอีกครั้ง คลื่นพลังงานมหาศาลก็กวาดออก มิติแตกสลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยบินว่อน

ร่างทั้งสองกระเด็นออกจากกัน เงาขนาดใหญ่ก็พังทลายภูเขาเสียราบเตียน

หลิงจั้นจื่อยืนอยู่บนไหล่ของร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์พร้อมกับใบหน้าดำคล้ำลง เขาไม่เคยคิดว่ามู่เฉินจะสามารถเผชิญหน้ากับเขาได้ถึงระดับนี้

ร่างเวทสวรรค์ลึกลับนั่นยากในการรับมือนัก

“เจ้านั่นฝึกฝนร่างเวทสวรรค์อะไร? ทำไมถึงไม่ได้อ่อนแอกว่าร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์เลย?”

ความไม่เต็มใจวาบขึ้นในดวงตาของหลิงจั้นจื่อ เขากวาดศัตรูจำนวนมากที่อยู่ในระดับเดียวกันด้วยร่างเวทสวรรค์นี้ แต่วันนี้เขากลับไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้

“เจ้านี่ประหลาดมาก ไม่ฉลาดที่จะลากการต่อสู้ออกไป ถึงเวลาจบแล้ว!”

ดวงตาของหลิงจั้นจื่อวูบไหวเมื่อมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับริ้วความเคร่งขรึม ไม่เหลืออาการดูถูกอีกต่อไป

เผชิญหน้ากับมู่เฉิน หลิงจั้นจื่อก็รู้อย่างชัดเจนว่าไม่สามารถออมมือหากต้องการชนะ

เขาไม่ลังเลอีกต่อไป สูดหายใจเข้าลึก แสงเย็นเยือกโหดเหี้ยมวาบในนัยน์ตา เขากระทืบเท้า ฝ่ามือเริ่มวาดตราประทับ

เมื่อกระบวนท่าเปลี่ยนแปลง ลูกแสงทรงกลมทั้งสามด้านหลังร่างต้นจักรพรรดิสัประยุทธ์ก็ระเบิดออกด้วยแสงแพรวพราวทันที มู่เฉินสังเกตเห็นว่าในลูกทรงกลมเหล่านั้นเหมือนจะเต็มไปด้วยเงาร่าง

ม่านตาของเขาก็หดลงทันที

เนื่องจากมีกองทัพชั้นยอดซ่อนอยู่ในลูกทรงกลมเหล่านั้น!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท