หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1277

ตอนที่ 1277

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1277 ความนุ่มนวล
ภูเขาด้านหลังวังลั่วเสิน

ตู้ม ตู้ม!

เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่วเทือกเขา ฝุ่นควันแผ่กว้าง แผ่นดินสั่นสะเทือน เงาร่างสองร่างกำลังโรมรันพันตู ทุกการปะทะปล่อยระลอกคลื่นทำลายล้างออกมา

ขณะที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กันภูเขานี้ก็ถูกทำลายจนราพณาสูร

ปัง!

การปะทะกันดุเดือดอีกครั้ง ก่อนที่ร่างทั้งสองจะกระเด็นออกไปพร้อมกับเท้าลากไปบนพื้น ทำให้ภูเขากลายเป็นกองเถ้าถ่าน

“ฮ่าๆ เยี่ยมสุดๆ!” มู่เฉินยืนนิ่งขณะที่ถูกำปั้นแดงก่ำ รอยยิ้มยินดีปรากฏบนใบหน้า การแลกกระบวนท่าเมื่อครู่สะใจยิ่งนัก

หลงเซี่ยงปรากฏตัวตรงข้ามกับเขา แต่เมื่อเทียบกับความพอใจของมู่เฉินแล้ว สายตาของหลงเซี่ยงเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

นั่นเป็นเพราะในหลายวันที่ผ่านมาขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มของเขาถูกใช้เป็นคู่มือให้กับมู่เฉิน เนื่องจากมู่เฉินเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ดังนั้นเขาจึงต้องการคู่ต่อสู้เพื่อให้คุ้นเคยกับพลังที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือหลงเซี่ยง

หลงเซี่ยงเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องเป็นคู่ฝึกให้ เพราะเขาต้องการทราบถึงขีดจำกัดพลังของมู่เฉิน

แต่เมื่อลองเขาก็ต้องตกใจ

ตอนแรกเขายังรู้สึกได้ว่าการไหลเวียนของคลื่นพลังมู่เฉินค่อนข้างเชื่องช้า เนื่องจากยังไม่คุ้นชินกับคลื่นหลิงที่แข็งแกร่งขึ้น

ในเวลานั้นหากพวกเขาปะทะกันในแง่ของพลังงาน หลงเซี่ยงอาจยังได้รับข้อได้เปรียบเล็กน้อย

แต่เมื่อเวลาผ่านไป มู่เฉินก็ค่อยๆ ชินกับขุมพลังที่มี ดังนั้นพลังในการต่อสู้ของเขาก็เริ่มเพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าตกใจ

ไม่กี่วันหลงเซี่ยงก็ตระหนักว่าในแง่ความบริสุทธิ์ของความแข็งแกร่ง เขาไม่สามารถได้รับประโยชน์อีกต่อไป เมื่อปะทะกับมู่เฉิน

นั่นทำให้เขาตกตะลึงอย่างยิ่งยวด เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นจอมยุทธ์ที่เกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม มิหนำซ้ำทักษะการฝึกฝนก็มุ่งเน้นความแข็งแกร่งทางกายภาพ

ดังนั้นต่อให้เป็นบรรดาคู่ต่อสู้ในขุมพลังเดียวกัน เขาก็ไม่ได้อ่อนแออย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้เขากลับถูกปราบปรามโดยจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้นแล้วเขาจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้นมู่เฉินก็ยังไม่ได้เผยไพ่ตายใดๆ… หลงเซี่ยงมีความรู้สึกว่าถ้าเขาปะทะแบบเดิมพันชีวิตกับมู่เฉิน คนที่ตายจะเป็นเขาแน่นอน

“นายน้อยลึกซึ้งยากหยั่งถึงจริงๆ ข้านับถือจริงๆ”

หลงเซี่ยงถอนหายใจ มู่เฉินสามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วยขุมพลังที่มี ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นในตัวมู่เฉินมาก

มองใบหน้าของมู่เฉิน ริ้วความเชื่อมั่นในหัวใจของหลงเซี่ยงก็ยิ่งเกิดขึ้น บางทีด้วยความแข็งแกร่งของมู่เฉิน อาจจะสามารถช่วยเหลือหลิงซีจากเกาะหัวใจหยกได้จริงๆ

ได้เห็นความชื่นชมของหลงเซี่ยง มู่เฉินก็เพียงยิ้มเท่านั้น สาเหตุที่ทำให้เขาต่อกรกับหลงเซี่ยงได้ ไม่เพียงเพราะเกิดจากร่างกายที่ทรงพลังของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง เมื่อเทพอสูรทั้งสองผสานกันก็ปลดปล่อยออกมา ซึ่งนี่ไม่ได้เป็นสมการง่ายๆ ของหนึ่งบวกหนึ่ง

จากการประเมินของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้คลื่นหลิง แต่เขาก็สามารถยืนอยู่บนยอดพีระมิดท่ามกลางจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายได้ มากยิ่งกว่านั้นหากเขาได้พบกับจอมยุทธ์ขุมพลังเดียวกับหลงเซี่ยง เขาก็ยังสามารถรักษาที่มั่นของตนเองไว้ได้

แน่นอนว่าสิ่งนี้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะจัดการกับจอมยุทธ์เกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม

ด้วยความคิดเหล่านี้กวนตัวในใจ มู่เฉินเงยหน้าขึ้นก็เห็นเงาที่คุ้นเคยยืนอยู่บนเนินเขาที่อยู่ไกลออกไป มองมาที่เขา

“นายน้อย ข้าขอตัวก่อน” หลงเซี่ยงยิ้มเมื่อเห็นลั่วหลี

มู่เฉินพยักหน้า “เราจะเดินทางอีกสามวันข้างหน้าไปยังเกาะหัวใจหยก”

“รับทราบ!”

หลงเซี่ยงตอบกลับด้วยความเคารพก่อนหันจากไป

เมื่อเห็นหลงเซี่ยงจากไปแล้ว ร่างของมู่เฉินก็เคลื่อนไหวไปปรากฏตัวต่อหน้าลั่วหลี

วันนี้ลั่วหลีเข้าร่วมประชุม นางจึงสวมชุดสีม่วงงดงามที่ดูสูงศักดิ์และสง่างามนัก

เอวของนางคอดกิ่ว การแต่งกายเช่นนี้ยิ่งเน้นย้ำส่วนโค้งที่น่าประทับใจ รูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบทำให้คนอื่นต้องหันมาจ้องมองนาง สายลมพัดผ่านเรือนสีเงินก็พลิ้วไหว ยามนี้นางช่างดูงดงามหมดจด

รอยยิ้มอ่อนโยนเผยบนใบหน้าของมู่เฉินเมื่อเห็นหญิงสาวคนรัก แม้แต่ร่างกายเกร็งเครียดของเขาก็ผ่อนคลาย

อยู่ต่อหน้านาง เขาสามารถละทิ้งหน้าที่และรับความสงบสุขที่หายากได้เสมอ

ทว่าสายตาที่มองลั่วหลีก็ร้อนแรงขึ้น

เมื่อรู้สึกถึงสายตาชัดเจนของเขา ลั่วหลีก็รู้สึกสะเทินอายก่อนที่ส่งสายตาค้อนไปให้ แต่ก่อนที่นางจะได้พูดอะไรมู่เฉินก็ก้าวเข้ามา

กลิ่นของมู่เฉินโชยอ่อน ทำให้ลั่วหลีถอยกลับจากปฏิกิริยาตอบสนอง แต่อึดใจนางก็หยุด แขนแกร่งเอื้อมเข้ามาโอบรอบเอวไว้ ดึงตัวนางพุ่งเข้าใส่อ้อมกอดของเขา

สัมผัสคนรักในอ้อมแขน มองใบหน้าที่ขึ้นริ้วแดงของนางพร้อมกับริ้วความประหม่าในดวงตางดงาม มู่เฉินก็กดอารมณ์ในหัวใจไม่ไหว เขาก้มลงจูบนาง

ร่างกายของลั่วหลีแข็งเกร็งไป แต่ไม่ช้านางก็ตอบสนอง เรียวแขนโอบรอบคอมู่เฉินพร้อมกับหลับตาพริ้ม

สายลมอ่อนโยนพัดผ่านมา ขณะที่คู่รักกอดกันแน่น ปลดปล่อยความรักความคิดถึงที่พรากจากกันมานาน

ทั้งสองตระกองกอดกันไว้ไม่รู้นานเท่าไร ในที่สุดลั่วหลีก็แพ้ลงด้วยใบหน้าเขินอายซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของมู่เฉินราวกับนกกระจอกเทศ ท่วงท่าเขินอายนี้ไม่เหมือนกับจักรพรรดินีตระกูลลั่วเสินเลยสักนิด

ภาพนี้ทำให้ดวงตาของมู่เฉินลุกโชนยิ่งขึ้น ลมหายใจของเขาเริ่มกระชั้นถี่ มือกดหญิงสาวลงบนพื้นหญ้า

แต่ก่อนที่เขาจะก้าวต่อ มือเรียวก็ยื่นมาดันที่หน้าอกเขา ครั้นเขาก้มศีรษะลงก็เห็นสายตาเอียงอาย

“ไม่เอา” ลั่วหลีกัดริมฝีปากสีแดงชาดแน่น

มู่เฉินได้สติขึ้นมา ไฟปรารถนาในดวงตาก็ลดลง เขายิ้มเนือยๆ เขารู้ว่าอารมณ์ถูกกักเก็บมานานหลายปี ดังนั้นจึงยากจะควบคุม

นี่เป็นภูเขาด้านหลังวังลั่วเสินจะมีหน่วยลาดตระเวณมาตรวจตราเป็นครั้งคราว หากพวกเขาเห็นว่าจักรพรรดิถูกมู่เฉินรังแก พวกเขาอาจมองข้ามความแตกต่างของพลัง พุ่งเข้ามาแบบสู้ตาย

พอเห็นมู่เฉินหยุดการกระทำ มือของนางก็เลื่อนออกจากแผ่นอก ใบหน้างดงามยังคงแดงซ่าน ก่อนหน้านางรู้สึกตกใจไปกับความรู้สึกที่ปะทุของมู่เฉิน ดังนั้นจึงปฏิเสธโดยการตอบสนองตามธรรมชาติ แต่ถ้าเราสองอยู่ในที่รโหฐาน นางอาจไม่มีความกล้าที่จะหยุดมู่เฉิน

แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ทำให้ใบหน้าของนางแดงเป็นหัวผักกาด

เมื่อมองท่าทางน่ากินของนาง มู่เฉินก็ถอนหายใจ “ข้าดันปล่อยเนื้อหงส์ให้บินออกจากปากซะนี่”

ลั่วหลีที่ได้ยินคำพูดของเขาก็กำมือทุบหลังไหล่ของมู่เฉินรัวๆ นางกัดฟันก่อนที่จะพูดเสียงต่ำ “ระ…รอจนกว่าเจ้าจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนและช่วยมารดาเจ้าได้ ขะ…ข้า…จะให้เจ้าทำตามที่ปรารถนา”

เมื่อพูดถึงตอนท้าย แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ยังสั่นเทา ชัดว่าเขินอายสุดขีด

มู่เฉินเบิกตา เขาไม่เคยคิดว่าลั่วหลีจะใช้วิธีนี้เพื่อล่อลวงเขา ดังนั้นเขาจึงเชิดหน้าขึ้นพูดว่า “ข้าดูเหมือนจะเป็นคนหื่นกามงั้นเหรอ?”

ทว่าเลือดที่เดือดพล่านและผิวแดงก่ำพิสูจน์ได้ว่าเขาพูดโกหก

ด้วยความรู้ทันของลั่วหลี นางสามารถบอกได้ว่าเขาแกล้งทำ ดังนั้นนางจึงเบ้ปาก ผลักเขาออกไป ลุกขึ้นนั่งกอดเขาพลางปัดเส้นผมที่ระบนใบหน้าออก “ก็ได้ งั้นถือว่าข้าไม่เคยพูดมาก่อนละกัน”

“เอ่อ”

มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะพูดเสียงตะกุกตะกักว่า “เจ้าคือจักรพรรดินีแห่งตระกูลลั่วเสิน คำพูดกษัตริย์มีน้ำหนักมหาศาล จะเปลี่ยนแปลงอย่างง่ายดายได้ยังไง”

ขณะที่พูดเขาก็สังเกตเห็นรอยยิ้มหยอกเย้าบนริมฝีปากของนาง ดังนั้นจึงกระโจนใส่ทันที

“เจ้ากล้าหลอกข้าเหรอ!”

“คิกๆ!”

บนผืนหญ้าทั้งคู่กลิ้งเกลือกไปมาพร้อมกับเสียงหัวเราะสดใส พวกเขาเครียดตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและนี่เป็นช่วงเวลาที่หายากยิ่งสำหรับทั้งสอง

สิ่งนี้กินเวลานานพอสมควร ก่อนที่พวกเขาจะลุกขึ้นไปนั่งบนเนินเขามองพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน

“เจ้าตั้งใจจะไปเกาะหัวใจหยกใช่ไหม?” ศีรษะของลั่วหลีเอนซบลงบนไหล่ของมู่เฉิน

มู่เฉินพยักหน้า “พี่หลิงซีอยู่ที่นั่น ข้าต้องไปช่วยนาง”

แม้ว่าเกาะหัวใจหยกจะเป็นถ้ำเสือ แต่มู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกนอกจากมุ่งหน้าไป เพราะหลิงซีเคยช่วยเหลือเขามามาก ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างพวกเขา

“เจ้าจะไม่บอกมั่นถัวหลัวให้รู้หน่อยเหรอ?”

ถ้ามั่นถัวหลัวไปด้วยจะทำให้การเดินทางนี้ปลอดภัยยิ่งขึ้น

ทว่ามู่เฉินกลับส่ายหัว “ตำหนักมู่เพิ่งก่อตั้ง แม้ว่าเราจะปกครองภูมิภาคเหนือทั้งหมด แต่ก็ยังมีกองกำลังชั้นยอดมากมายในทวีปเทียนหลัวที่จับตาเรา ดังนั้นมั่นถัวหลัวต้องอยู่ที่นั่น ไม่เช่นนั้นอาจมีความเป็นไปได้ที่ภูมิภาคทางเหนือที่เพิ่งเป็นปึกแผ่นจะถูกแยกอีก”

ลั่วหลีพยักหน้าพลางยิ้ม “งั้นครั้งนี้ข้าจะไปด้วย”

มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะมองลั่วหลี ตอนแรกเขาคิดว่าลั่วหลีจะออกจากตระกูลลั่วเสินไม่ได้ เพราะตอนนี้ตระกูลลั่วเสินต้องการนาง

ทั้งสองแยกจากกันเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นเขาจึงอยากจะอยู่กับนางตลอด ทว่าเขารู้ว่าบางทีตนเองก็ต้องแบกรับความเหงาเพื่อปกป้องคนที่รัก

ในเมื่อลั่วหลีตัดสินใจไปกับเขาครั้งนี้ ชัดว่านางให้ความสำคัญกับเขาเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นสายตาประหลาดใจที่จ้องมองมาของมู่เฉิน ลั่วหลีก็ยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ “ตอนนี้ตระกูลลั่วเสินมีความมั่นคงแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากนี้…ในอดีตเจ้าแบกรับคนเดียวมาตลอด ครั้งนี้ข้าอยากช่วยแบ่งเบาภาระบ้าง”

มู่เฉินรู้สึกซึ้งใจกับคำพูดของนาง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธด้วยเหตุผลว่ามีอันตราย เพราะนั่นไม่ได้มีผลกับหญิงสาวคนนี้

ดังนั้นเขาเอื้อมมือออกกอดเอวนางพร้อมกับเสียงหัวเราะสะท้อนก้อง

“เอาล่ะ งั้นไปดูกันเถอะว่าถ้ำเสือจะจับเราไว้ได้ยังไง!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท