หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1294

ตอนที่ 1294

บทที่ 1294 ผู้อาวุโสชิงเซวียน
สายตาของมู่เฉินจ้องมองชิงเซวียนด้วยความตกใจ

ตอนนี้เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่านางมีส่วนที่คล้ายคลึงกับมารดาของเขาอยู่หลายส่วน

อารมณ์ที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นในใจเขา ตามสถานการณ์นี้เขาควรเรียกนางว่า ‘ท่านป้า’ เหรอ

“นายน้อย ผู้อาวุโสชิงเซวียนมาจากสายเลือดตระกูลชิงและนางมีสายสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเจ้าจริงขอรับ” หลงเซี่ยงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แม้ว่าเผ่าจะขับไล่เขา แต่เขาก็ยังเป็นคนที่มาจากเผ่าฝูถู ดังนั้นเขาจึงรู้ข้อมูลบางอย่างภายใน

“แต่ว่า…” หลงเซี่ยงหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “นายหญิงและตระกูลชิงก็มีรอยร้าวระหว่างกัน…”

แม้ว่าหลงเซี่ยงจะไม่ได้อธิบายกระจ่างชัดเจน แต่มู่เฉินก็สามารถเดาได้ว่าต้องเป็นเพราะเรื่องของเขา หัวใจของเขาจึงค่อยๆ สงบลง ไม่ว่าหญิงคนนี้จะเกี่ยวข้องกับมารดาของเขาจริงหรือไม่ เขาก็ไม่ควรคาดหวังมากเกินไป

ดังนั้นสายตาของเขาจึงค่อยๆ สงบลง

ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกได้ว่านางกำลังเบนสายตามา เขาเงยหน้าขึ้นแลกเปลี่ยนสายตากับนาง ก่อนที่จะถอนออกอย่างเรียบนิ่ง

ชิงเซวียนพิจารณามู่เฉิน ความเย็นชาบนใบหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เนื่องจากมู่เฉินช่างคล้ายคลึงกับมารดาของเขาหลายส่วนเลยทีเดียว!

แต่เมื่อนางเห็นสายตาไม่แยแสของมู่เฉิน สายตานางก็ดิ่งลึกลง แต่ในไม่ช้านางก็กลับคืนสภาพไม่แยแสเช่นกันก่อนที่จะหันไปมองตาเฒ่าทั้งสองคน “ข้าแค่เตือนพวกเจ้าถึงคำสั่งของผู้อาวุโสใหญ่ ถ้าพวกเจ้าต้องการทำอย่างนั้น ข้าก็จะไม่ขัดขวาง แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็รับผิดชอบกันเองละกันนะ”

เมื่อได้ยินเฮยกวางและมั่วหยิงก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาเข้าใจในสิ่งที่ชิงเซวียนพูด มีข่าวลือว่าการตัดสินใจไม่ให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเข้ามามีส่วนร่วมในการจับกุมมู่เฉิน เกิดขึ้นหลังจากผู้อาวุโสใหญ่และชิงเหยี่ยนจิ้งปะทะกัน

ว่ากันว่าชิงเหยี่ยนจิ้งมาถึงสถานะที่น่าสะพรึงกลัวในการบรรลุค่ายกล

แม้ว่าพวกเขาจะสามารถรับมือกับชิงเหยี่ยนจิ้งด้วยรากฐานของตระกูล แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาโหดแน่งานนี้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทั้งสองก็แลกเปลี่ยนสายตากัน อดรู้สึกขัดเคืองใจไม่ได้ เด็กเลือดผสมของเผ่าฝูถูอยู่ต่อหน้าแท้ๆ แต่พวกเขาก็ทำได้แค่มองแบบทำอะไรไม่ได้ นี่น่าอึดอัดเสียจริง

สุดท้ายพวกเขาก็เค้นเสียงสบถพลางมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา “นับว่าแกยังมีโชคบ้าง แต่ข้าขอบอกให้แกยอมจำนนต่อเผ่าฝูซูซะ แม่ของแกจะได้เลิกทนทุกข์ทรมานซะที!”

เมื่อได้ยินคำพูดนั่น ไอเย็นเยือกก็วูบไหวในนัยน์ตาของมู่เฉิน เขามองไปที่ตาเฒ่าทั้งสองอย่างไม่เกรงกลัว “วางใจเถอะ ข้าจะไปเยี่ยมที่เผ่าฝูถูแน่นอน แต่ไม่ได้ไปยอมจำนน ข้าจะไปรับท่านแม่และถ้าพวกแกตั้งใจจะขัดขวาง ข้าจะพลิกเผ่าโบราณเลื่องชื่อให้หัวปักดินไปเลย!

คำพูดของเขาทำเอาทั่วบริเวณเงียบกริบลง

ทุกคนตาเบิกกว้างมองไปที่มู่เฉิน ไม่มีใครคิดว่าชายหนุ่มที่เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจะมีความกล้าหาญและท้าทายหนึ่งในห้าเผ่าโบราณขนาดนี้

นี่เหมือนกับมดง่ามพยายามเขย่าต้นไม้

“ไอ้หนูนี่ โอหังใช้ได้” แม่เฒ่าเหอจากตระกูลเวินก็เบ้ริมฝีปาก แม้แต่ตระกูลเวินยังหวาดเกรงต่อเผ่าโบราณ สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็เป็นเพียงมดตัวหนึ่งต่อเผ่าฝูถูเท่านั้น

ทว่าที่ด้านข้าง เวินชิงเฉวียนกลับเม้มริมฝีปากพลางมองมู่เฉินด้วยแววตาผิดแผก “ท่านป้าเหอ ท่านรู้ไหมว่า หลายปีก่อนตอนอยู่สำนักศึกษาเป่ยชาง มู่เฉินยังไม่ได้บรรลุระดับจื้อจุนเลย แต่ตอนนี้…เขามาถึงระดับตี้จื้อจุนได้แล้ว”

“บางทีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายอาจไม่ได้มีอะไรมากในสายตาท่าน มิหนำซ้ำก็มีช่องว่างระหว่างอัจฉริยะของเผ่าเรา ยิ่งไม่ต้องเปรียบเทียบกับเหล่าประมุขน้อยของเผ่าฝูถู… แต่จากที่ข้ารู้เขาเป็นคนไม่มีอะไรเลย ทั้งกำลังสนับสนุนและทรัพยากรที่น่าอิจฉา สิ่งที่เขาได้มาทุกอย่างใช้พลังของตัวเขาเองทั้งสิ้น”

“ข้าคิดว่า จุดนี้ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะของตระกูลเวินหรือเผ่าฝูถู พวกเขาก็คงไม่สามารถทำถึงขั้นนี้ได้”

“ดังนั้นอย่าดูถูกเขา มิฉะนั้นจะต้องเสียใจในอนาคต”

“โอ้?” แม่เฒ่าเหอเงียบไปหลังจากได้ยินคำพูดของเวินชิงเฉวียน ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง มู่เฉินคนนี้ก็เป็นต้นกล้าที่น่าตกใจแล้ว

ไม่แน่ในอนาคตเขาอาจจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนได้จริงๆ

“ฮ่าๆ ความกล้าหาญของเจ้ายอดนัก ตรงกับรสนิยมข้าจริงๆ!” ชื่อเหยียนหัวเราะร่วนขณะตบไหล่ของมู่เฉิน “ถ้าเจ้าไม่มีสายเลือดของเผ่าฝูถูเน่าหนอนนี่ละก็ ข้าจะทำทุกวิธีทางเพื่อเอาเจ้าเข้าเผ่าไท่หลิงแน่ๆ วะฮะฮ่า!”

“ฮึ่ม ไอ้หน้าด้าน!” มั่วหยิงแสดงสีหน้าดูถูกและไม่แยแส

สมาชิกคนอื่นๆ ของเผ่าฝูถูก็มองไปที่มู่เฉิน แต่สายตาส่วนใหญ่เป็นการเยาะเย้ยถากถาง แค่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายคนเดียวกล่าวว่าต้องการเหวี่ยงเผ่าฝูถูไปรอบๆ นี่มุกตลกอะไร?

สายตาของมู่เฉินค่อยๆ สงบลง ไม่ได้พูดเถียงกับมั่วหยิง เขาถอยหลังครึ่งก้าวด้วยใบหน้าเฉยเมย

ให้เวลาเป็นตัวบอกว่าเขาโอ้อวดหรือไม่ การพูดมากไปก็สักแต่จะทำให้ผู้อื่นเยาะเย้ย

เขาไม่ใช่เด็กน้อยที่อ่อนแอและต้องซ่อนตัวอยู่ในเงามืดหลบหลีกเผ่าฝูถูอีกต่อไป ตอนนี้เขาสร้างปีกขึ้นมาเองได้แล้ว ต่อให้เผ่าฝูถูจะส่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนออกมา เขาก็มีวิธีที่จะเผชิญหน้ากับพวกมัน ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องหมอบราบให้กับเผ่านี้อีกต่อไป

“ผู้อาวุโสชื่อเหยียน ไปกันเถอะขอรับ” มู่เฉินกล่าวขณะที่หันไปหาชื่อเหยียน

ดวงตาของชื่อเหยียนยิ้มหยีขณะที่พยักหน้าเดินออกไปพร้อมกับมู่เฉิน โดยมีลั่วหลีและพรรคพวกติดตามมา

ตอนที่มู่เฉินเดินผ่านชิงเซวียน เขาก็ชะลอตัวแวบหนึ่ง แต่ไม่หยุดเดินตัดผ่านออกไป

สิ่งที่เรียกว่า ‘ความสัมพันธ์ทางสายเลือด’ ก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าในมุมมองของมู่เฉินเท่านั้น เขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือใดๆ เนื่องจากเขาชินกับการไร้ญาติขาดมิตรตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ชิงเซวียนมองมู่เฉินด้วยแววตาซับซ้อน ก่อนที่นางจะกำกำปั้นในแขนเสื้อเอาไว้แน่น จากนั้นก็ยิ้มขมขื่นในหัวใจ “น้องสาว ลูกของเจ้าดื้อรั้นเหมือนกับเจ้าจริงๆ…”

“หึ มีมารดา แต่ไร้คนสั่งสอน เย่อหยิ่งโง่เขลา ไม่รู้จักฟ้าสูงแฟ่นดินต่ำ!” เมื่อมู่เฉินเดินผละไป มั่วหยิงก็ยังคงหัวร้อนอยู่ เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินราดน้ำมันไปในเพลิงโทสะเพิ่มขึ้น

“ผู้อาวุโสมั่วหยิงระวังคำพูดด้วย ในฐานะผู้อาวุโสเผ่าฝูถูมารังแกเด็กรุ่นใหม่แบบนี้ ไม่ใช่เรื่องได้หน้าอะไร หากเจ้ากล้าพอก็ไปพูดกับน้องสาวข้าสิ!” เมื่อชิงเซวียนได้ยินคำพูดนั่น นางก็เค้นเสียงออกมา

มั่วหยิงชะงักไปในทันที แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ยังต้องหลบทางให้ชิงเหยี่ยนจิ้ง แล้วถ้าเขาเอาพูดคำนี้ไปพ่นต่อหน้านาง แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็ปกป้องเขาไม่ได้

ทุกคนรู้ว่าเมื่อไรที่แม่เสือเข้าสู่โหมดการป้องกัน นางจะน่ากลัวขนาดไหน

ใบหน้าของมั่วหยิงสลับกันไปมาระหว่างเขียวกับขาวขณะเกรี้ยวกราดขึ้น “งั้นเราจะปล่อยให้มันหนีไปอย่างนี้เรอะ?!”

“ฮ่าๆ ผู้อาวุโสมั่วหยิงพูดอะไรเช่นนั้น” ชายชุดฟ้าอมเขียวที่ยืนอยู่ข้างเฮยกวางก็กล่าวขึ้นพร้อมกับหัวเราะเสียงนุ่ม

“คำสั่งของผู้อาวุโสใหญ่ห้ามแค่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจัดการเท่านั้น ไม่ได้ห้ามจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มจัดการนี่น่า”

ชายชุดฟ้าอมเขียวยิ้ม “ไอ้เจ้านั่นเพ้อฝันไปที่คิดจะหลุดจากพันธนาการของเรา”

“วางใจเถอะ เฉวียนหลัวสัญญาว่าเมื่อเราออกจากทวีปเซิ่งยวน เราจะจับไอ้กาลกิณีนั่นไปมอบให้ผู้อาวุโสใหญ่ด้วย” เฉวียนหลัวพูดเสียงอ่อนโยน ไม่มีความผันผวนใดในน้ำเสียงของเขา

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็มาดูกันว่าใครจะสามารถจับมันได้ก่อน” ขณะเดียวกันชายหนุ่มชุดดำที่ยืนอยู่ข้างหลังมั่วหยิงก็เปล่งเสียงแผ่วเบา

เฉวียนหลัวยักไหล่พลางยิ้ม “ในเมื่อมั่วซินต้องการที่จะแข่งขันด้วย งั้นเรามาดูกันว่าใครจะเป็นคนจับไอ้เจ้านั่นได้”

ทั้งสองพูดจากันอย่างสบาย ชัดว่าไม่เห็นมู่เฉินอยู่ในสายตา สำหรับพวกเขามู่เฉินเป็นเหยื่อเท่านั้น

เมื่อมั่วหยิงและเฮยกวางเห็นเรื่องราวดำเนินไปแบบนี้ก็พยักหน้าช้าๆ หากเฉวียนหลัวและมั่วซินออกโรงเอง ไอ้กาลกิณีนั่นไม่สามารถหลบหนีได้แน่

ชิงเซวียนที่เห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ หัวใจก็ทรุดฮวบลง เฉวียนหลัวและมั่วซินเป็นจอมยุทธ์ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นใหม่ของเผ่า หากพวกเขาออกโรงจัดการมู่เฉินจริงๆ ละก็ งานนี้มู่เฉินถึงคราวเคราะห์แน่…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท