หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1295

ตอนที่ 1295

บทที่ 1295 พบปะยามค่ำคืน
เงารัตติกาลโอบล้อมเมืองเซิ่งยวน

แต่ในฐานะเมืองที่คึกคักที่สุดในทวีปเซิ่งยวน ทั้งเมืองก็ยังสว่างไสวแม้แต่ในเวลาค่ำคืน

ค่ายกลขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือเมือง ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในทวีปเซิ่งยวน เป็นที่ที่จะทำให้เหล่านักผจญภัยรู้สึกผ่อนคลายลงได้เมื่อเข้ามา

มู่เฉินนั่งในสวนเงียบสงบพร้อมหลับตาเพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่มารดาทิ้งไว้ให้

ในช่วงเวลานี้ กระทั่งตอนเดินทาง เขาก็ไม่เคยหยุดการฝึกฝนและผลที่ออกมาก็ค่อนข้างน่าพอใจ มู่เฉินรู้สึกได้ว่ายิ่งเขาทำความเข้าใจมากขึ้น พัฒนาการด้านศาสตร์ค่ายกลของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

การบรรลุหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

ศึกษาอยู่สองชั่วโมง ดวงตาของมู่เฉินก็เปิดออกช้าๆ มือเหยียดออกไป สัญลักษณ์หลิงยิ่งบินว่อนออกมาจากนิ้วมือ เชื่อมโยงกันกลายเป็นค่ายกลที่ซับซ้อน

ปัง

แต่เมื่อเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ก็เกิดระลอกคลื่นเล็กๆ ทำให้ค่ายกลทั้งค่ายกลสั่นสะเทือนก่อนจะพังทลายลง

เมื่อมองไปที่ค่ายกลที่หายไป มู่เฉินก็ยังคงมีท่าทางสงบ เพราะนี่คือค่ายกลเพลิงคำรามที่มารดาของเขาทิ้งเอาไว้ให้

ช่วงนี้เขากำลังทำการศึกษาค่ายกลนี้เพื่อรับประสบการณ์ ทว่าความพยายามทั้งหมดของเขาล้มเหลว

ท้ายที่สุดค่ายกลระดับสูงเช่นนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถสร้างขึ้นได้โดยง่าย

ทว่ามู่เฉินก็สงบอย่างรวดเร็ว เขาค่อยๆ เข้าใจปัจจัยหลายอย่างของค่ายกลนี้ ตามที่วางแผนไว้ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะสร้างค่ายกลนี้ได้อย่างชำนาญ

“หืม?”

ขณะที่มู่เฉินกำลังตรึกตรองภาพความล้มเหลวย้อนหลัง ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “ในเมื่อมาแล้วทำไมต้องซ่อนตัวด้วย?”

เมื่อเสียงสิ้นสุดลง มิติก็ผันผวนไปมาขึ้นในระยะไกล ก่อนที่เขาจะเห็นเงาสองเงาเดินทอดหุ่ยอยู่บนท้องฟ้าเหนือขึ้นไป คนแรกสวมชุดขาวนวล โฉมงามเย็นเยือกที่ตามหลังชิงเซวียนของเผ่าฝูถู

ขณะนี้มีหญิงสาวอีกคนอยู่ข้างนาง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นใครบางคนที่อยู่ในกลุ่มชิงเซวียน

“เผ่าฝูถู ตระกูลชิง—ชิงซวง” โฉมงามเย็นยะเยือกปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉินจ้องมองไปที่เขา น้ำเสียงของนางเย็นชาไม่มีระลอกคลื่นใดๆ

“ตระกูลชิง—ชิงหลิง” ผู้หญิงอีกคนก็แนะนำตัวเองเช่นกัน แต่ท่าทางดูยโสกว่า

มู่เฉินยิ้ม “ข้าไม่รู้เรื่องที่พวกเจ้าพูดหรอกนะ”

ไม่มีความดีใจในรอยยิ้มขา ตรงกันข้ามกลับเต็มไปด้วยความเย็นชา

“มาหาข้าเพื่ออะไรก็ว่ามาซะ แน่นอนว่าถ้าพวกเจ้าต้องการพาข้ากลับไปที่เผ่าในฐานะกาลกิณีก็ต้องดูว่าพวกเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่”

หญิงสาวที่ชื่อชิงหลิงมีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก ดังนั้นนางจึงไม่พอใจกับคำพูดเย็นชาของมู่เฉิน “หึ ความเย่อหยิ่งของเจ้ามีมากกว่าขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายของเจ้าซะอีก”

ตัวนางเองก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ซึ่งส่วนตัวคิดว่าไม่ได้อ่อนแอ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายธรรมดาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ดังนั้นเมื่อนางเห็นว่ามู่เฉินทำตัวหยิ่งยโสทั้งที่มีขุมพลังนี้ นางจึงรู้สึกไม่พอใจเท่าไร

ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจอีกฝ่าย ชัดว่าหญิงสาวเย็นชาเป็นผู้นำ ดังนั้นเขาจึงมองไปที่นาง “ถ้านี่คือสิ่งที่พวกเจ้ามาที่นี่ก็ไปซะ”

ชิงซวงมองไปที่มู่เฉินพูดช้าๆ “ท่านป้าเซวียนสั่งให้ข้ามาหาเจ้า นางอยากให้เจ้าออกจากทวีปเซิ่งยวนตอนนี้”

มู่เฉินขมวดคิ้วตอบกลับโดยไม่ลังเล “ข้าเกรงว่าจะทำไม่ได้”

ชิงซวงมุ่นคิ้ว “ถึงแม้ว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจะไม่สามารถเคลื่อนไหวเพื่อจัดการเจ้าได้ตามคำสั่ง แต่เฉวียนหลัวและมั่วซินตั้งใจจะจับเจ้า พวกเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงของเผ่าฝูถูที่มีความหวังที่จะเข้าสู่ขุมพลังเทียนจื้อจุนในอนาคต ตอนนี้เจ้ามีขุมพลังเท่านี้ ถ้าเผชิญหน้ากับพวกเขา เจ้ายากที่จะหนีไปแน่!”

“เฉวียนหลัวและมั่วซินเรอะ”

สายตาของมู่เฉินวูบไหว ตอนกลับมาจากหอเขารู้ข้อมูลจากหลงเซี่ยงแล้วว่าเฉวียนหลัวและมั่วซินเป็นผู้สมัครหัวกะทิในฐานะประมุขเผ่าฝูถูคนต่อไป

และกู้ซือหวงก็เป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเฉวียนหลัว

แสงวูบไหวในดวงตามู่เฉินลดลง เขาพยักหน้าเบาๆ ไปทางชิงซวง “ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีของพวกเจ้า แต่ข้าจะไม่ไปไหน หากพวกเขาต้องการก็เข้ามาได้เลย”

ถึงแม้ว่าทั้งสองจะทรงพลัง แต่ถ้าคิดว่าเขาเป็นคนที่จัดการได้ง่ายๆ พวกเขาก็คิดผิดไปแล้ว

“เจ้าช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”

ชิงหลิงขมวดคิ้วหัวร้อนขึ้นมาทันที “พวกเขาทั้งสองมีตำแหน่งสูงส่งในเผ่าฝูถู แม้แต่พี่ใหญ่ชิงซวงยังขยาดพวกเขา เจ้ายังคิดจะปะทะกับพวกเขาอีก สะกดคำว่าตายไม่เป็นรึไง!?”

“พวกข้าใจดีมาแจ้งให้เจ้าทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้ามีไหวพริบหน่อยไม่ได้หรือไง!”

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองชิงหลิงพร้อมรอยยิ้มจางๆ “ถ้าข้าสะกดคำว่าตายเป็น ข้าคงไม่มาไกลขนาดนี้ได้หรอก”

ตลอดหลายปีที่เขาแสวงหาพลังในการเป็นหนึ่ง มีตอนไหนที่ไม่แขวนชีวิตอยู่ระหว่างความเป็นตายเหรอ? หากเขารู้แต่ซ่อนตัว เขาจะแสวงหาความก้าวหน้าผ่านโอกาสเหล่านั้นได้อย่างไร?

เขาไม่ได้มีทรัพยากรเหมือนคนเหล่านี้ ได้แต่พึ่งพาตนเองเพื่อมาไกลขนาดนี้ ต่อสู้กับไม่ว่าไอ้หน้าไหน

เผชิญกับการตอบกลับเสียงแผ่วเบาของมู่เฉิน ชิงหลิงก็อึ้งไป เพราะแม้แต่นางก็รู้สึกถึงอันตรายจากคำพูดของมู่เฉิน

ประสบการณ์ของชายคนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกนางเอามาเทียบได้

ใบหน้าเย็นของชิงหวงก็เกิดระลอกคลื่นในตอนนี้ นางมองไปที่ชายหนุ่ม ภายใต้รอยยิ้มเงียบสงบนั่นมีสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวซ่อนอยู่

แม้ว่าเขาจะมีมารดาทรงพลัง แต่กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ ในทางตรงกันข้ามเขายังต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ก็อย่างที่เขาพูดการที่เขาสามารถมาไกลได้เพียงนี้ทั้งหมดพึ่งพาการทำงานหนักของตนเอง

ชิงซวงถอนหายใจอย่างแผ่วขณะที่พูดว่า “เหตุผลที่พวกข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งให้เจ้าทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับทางเลือกก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง”

พูดถึงตรงนี้นางก็หยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเจ้ายืนกรานดื้อจะอยู่ในทวีปเซิ่งยวนให้ได้ก็จงระวังตัว ถ้าไปปะทะกับเฉวียนหลัวหรือมั่วซินก็มาหาข้าได้ ข้าจะช่วยเจ้าเอง”

มู่เฉินมองไปที่หญิงสาวเย็นชา ในที่สุดสายตาก็กระเพื่อมไหว แม้ว่าชิงซวงจะดูเย็นชา แต่นั่นไม่ใช่เนื้อในของนาง

ทว่ามู่เฉินก็ทำเพียงพยักหน้า “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปซะเถอะ”

แม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงความหวังดีของพวกนาง แต่เขาก็ยังมีเยื่อบางกั้นในหัวใจเกี่ยวกับเผ่าฝูถู ดังนั้นเขาจึงไม่มีแผนที่จะขอความช่วยเหลือใด

เมื่อได้ยินคำพูดไล่กลายๆ ของมู่เฉิน ชิงซวงก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เหลือบมองไปที่มู่เฉินแวบหนึ่งก่อนจะเดินออกไป ผิดกับชิงหลิงที่กระทืบเท้าระบายอารมณ์ สายตาจ้องมองมู่เฉินด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็สะบัดหน้าตามออกไปเช่นกัน

เมื่อออกจากสวน ชิงหลิงก็ไล่ตามชิงซวงพูดอย่างไม่พอใจ “มู่เฉินหยิ่งผยองพองขน พวกเราอุตส่าห์ใจดีจะช่วยเหลือเขา แต่เขาดันไม่เห็นค่า!”

“เขาไม่รู้ว่าเฉวียนหลัวและมั่วซินทรงพลังเพียงใด แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังไม่ได้เปรียบอะไรเลยเมื่อประหน้าพวกเขา ดังนั้นการปะทะของพวกเขาก็เหมือนเอาไข่กระแทกก้อนหิน!”

ชัดว่าหญิงสาวที่มั่นใจและไว้ตัวมาตลอดแทบไม่เคยเจอคนที่เฉยเมยแบบที่มู่เฉินแสดงออก นอกจากนี้พวกนางยังมาพร้อมกับความปรารถนาดี แต่มู่เฉินกลับไม่ได้แสดงสีหน้าซาบซึ้งใดๆ ซึ่งนี่ทำให้นางขุ่นเคืองใจนัก

ชิงซวงส่ายหน้าเบาๆ “ท่านน้าจิ้งถูกจองจำมาหลายปี แม่กับลูกต้องแยกจากกันมา เป็นเรื่องปกติที่เขาไม่มีความรู้สึกดีกับเผ่าฝูถู มิหนำซ้ำเขาก็เป็นคนภูมิใจ เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเรา”

ชิงหลิงทำปากยื่น “แต่นี่เป็นการฝืนตัวอยู่ไม่ใช่หรอ!”

นางเหลือบตาหันไปมองสวนด้านหลัง “ฝืนตัว? คงไม่ใช่ล่ะ…”

“เขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจะมีอะไรที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก” ชิงหลิงเหวี่ยงริมฝีปากด้วยความอาการถากถาง

ชิงซวงขมวดคิ้ว “ไม่รู้เพราะเหตุใดข้ารู้สึกถึงรัศมีอันตรายที่มาจากเขาซึ่งเทียบได้กับเฉวียนหลัวและมั่วซินเลยทีเดียว…”

ชิงหลิงตกใจก่อนที่จะพูดว่า “พี่ใหญ่ชิงซวงจะเป็นไปได้ยังไง? เจ้าไม่ได้ประเมินสำหรับเขาสูงเกินไปหรอกหรือ? เขาจะเทียบได้กับเฉวียนหลัวและมั่วซินเจ้าสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นได้ยังไง?!”

ชิงซวงเม้มปากพยักหน้าอย่างลังเล บางทีมันอาจเป็นความเข้าใจผิดของนางก็ได้ล่ะมั้ง

เมื่อเทียบกับเฉวียนหลัวและมั่วซิน มู่เฉินก็ดูเหมือนจะด้อยกว่าอยู่จริง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท