หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1314

ตอนที่ 1314

บทที่ 1314 เผ่าซือหมัว
“คารวะนายท่าน!”

เสียงสะท้อนไปมาระหว่างสวรรค์และโลก ทำให้มู่เฉินที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าอึ้งไป เขามองไปที่กองทัพมังกรดำด้วยความตะลึงงัน เขาไม่คิดว่ากองทัพชั้นยอดนี้จะยอมรับว่าเขาในฐานะผู้นำคนใหม่แล้ว

ยามนี้แม้แต่มู่เฉินยังรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่รัวแรง แม้ว่าเขาจะพยายามระงับอารมณ์บนใบหน้าลง แต่กระนั้นก็ยังมีร่องรอยความสุขกระจายออกมา

จนสุดท้ายเขาก็ยอมแพ้กับการซ่อนอารมณ์นี้ ความสุขแล่นพล่านไปทั่วใบหน้าเลยทีเดียว

นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่ากองทัพนี้ทรงพลังเพียงใด แม้ว่านักรบบางคนจะสูญสลายไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงเป็นกองทัพที่ทรงพลังที่สามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้

หากวันหนึ่งที่มู่เฉินสามารถควบคุมทั้งกองทัพได้ เขาก็ไม่ต้องกลัวแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน

การสร้างกองทัพทรงพลังระดับนี้ในโลกมหาพันภพจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรและพลังงานที่ไม่สามารถจินตนาการได้ ซึ่งไม่มีขั้วอำนาจสูงสุดธรรมดาใดๆ ทำได้

เช่นเดียวกับตระกูลหวู่หรือตำหนักซีเทียน แม้ว่าพวกเขาจะมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แต่พวกเขาก็ไม่มีกองทัพระดับนี้

หากมู่เฉินคิดจะสร้างด้วยตัวเอง ก็ไม่สามารถทำได้ถึงหนึ่งส่วน แม้ว่าเขาจะคั้นตำหนักมู่ทั้งหมดก็ตาม

ด้วยเหตุผลหลายประการ มู่เฉินจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ในขณะนี้

“ลุกขึ้นเถอะ” ในที่สุดมู่เฉินก็ถอนความตื่นเต้นในใจ ก่อนที่จะประสานมือให้นักรบมังกรดำทุกคน

มู่เฉินทำตัวสุภาพยิ่งนัก ไม่เย่อหยิ่งเพียงเพราะกองทัพมังกรดำยอมรับ กองทัพมังกรดำไม่เหมือนกับกองทัพหุ่นเงาที่เขาเคยได้รับมาก่อน นี่เป็นกองทัพที่มีชีวิตดังนั้นเขาต้องทำในสิ่งที่จะเอาชนะใจพวกเขา

พรึ่บ

นักรบหลายหมื่นคนยืนขึ้น แม่ทัพมังกรดำก็พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ขอให้ท่านขึ้นไปบนแท่นเพื่อรับตรากองทัพ!”

มือของเขาชี้ไปที่แท่นตรงกลาง

มู่เฉินไม่ลังเลพลิ้วตัวลงบนแท่น ก่อนจะกวาดตามองกองทัพมังกรดำ

“ข้าแม่ทัพแห่งกองทัพมังกรดำ—เจียงหลง คารวะท่านจอมทัพคนใหม่”

แม่ทัพมังกรดำโค้งคำนับไปยังทิศทางของมู่เฉิน ก่อนที่จะกัดลิ้นตนเอง เลือดกลั่นพ่นออกมาจากปาก

ปุ

เมื่อเห็นดังนั้น นักรบมังกรดำก็ทำเช่นเดียวกัน เลือดกลั่นที่พ่นออกมาก็กลายเป็นลูกโลหิตลอยคว้างอยู่ตรงหน้ามู่เฉิน

ลูกโลหิตควบแน่นรวมตัวกัน ก่อนจะถักทอเป็นตรามังกรโลหิตดูดซับเลือดกลั่นที่อยู่รอบตัวไว้ทั้งหมด

ตรากองทัพลอยอยู่ตรงหน้ามู่เฉิน ปลดปล่อยพลังงานที่ลึกซึ้งออกมา สายตาของเขาก็วูบไหวขณะที่จ้องมองไป เขารู้ว่าเมื่อใดที่เขาชำระตรานี้ กองทัพมังกรดำจะเป็นของเขาอย่างแท้จริง

ดังนั้นมู่เฉินจึงกัดลิ้นโดยไม่ลังเล เลือดกลั่นพ่นไปยังตรากองทัพมังกรก่อนที่จะผสานเข้ากันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นมู่เฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเกี่ยวพันใกล้ชิดระหว่างเขากับกองทัพมังกรดำ

มู่เฉินเหยียดมือออกแล้วจับตรากองทัพเบาๆ ขณะนี้เขาคือจอมทัพแห่งกองทัพมังกรดำ

เมื่อหวู่ทงเห็นภาพนี้จากระยะไกล ดวงตาก็เต็มไปด้วยความโลภ ราวกับว่าต้องการให้มู่เฉินแดดิ้นลงตรงหน้า แล้วเขาจะได้แทนที่

ขณะนี้ความเสียใจพล่านในหัวใจอย่างอธิบายไม่ได้ หากเขารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ยอมให้มู่เฉินได้แหย่เท้าเข้ามาในมิตินี้อย่างเด็ดขาด เขาน่าจะต้องใช้ทุกวิธีการเพื่อขัดขวาง

เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจะได้ไม่ต้องแข่งขันกับมู่เฉินในฐานะจั้นเจิ้นซือ

ในความคิด มู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น หากไม่ใช้รัศมีจั้นยี่ เขาก็มั่นใจว่าจะฆ่ามู่เฉินได้

“บ้าเอ๊ย! บ้าที่สุด!”

หวู่ทงพึมพำขณะที่สาปแช่งในใจ ดวงตาเขาแดงก่ำมากขึ้นจนสามารถกลั่นเลือดออกมาได้

แต่เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินไม่มีเวลาสนใจกับความเกลียดชังของผู้แพ้ มือจับตรากองทัพไว้ เขาก็รู้สึกถึงความสามารถในการบัญชากองทัพทรงพลังนี้ด้วยความปีติเต็มหัวใจ ครั้งนี้แค่การเก็บเกี่ยวกองทัพมังกรดำอย่างเดียวก็ทำให้การเดินทางมายังแดนเซิ่งยวนโบราณคุ้มค่ามาก

เวลานี้ใบหน้าของนักรบมังกรดำซีดลง เนื่องจากเหนื่อยล้าจากการกลั่นเลือดให้กลายเป็นตรากองทัพมังกร

ตู้ม!

เจียงหลงมองมู่เฉินด้วยสายตาพึงพอใจ แต่เมื่อเขากำลังจะพูด มิติก็สั่นสะเทือนขึ้นทันที

เมื่อรู้สึกถึงแรงสั่น ทุกคนก็อึ้งไปสั้นๆ ก่อนที่จะมองไปที่หวู่ทง ‘เจ้านั่นคิดจะทำอะไรอีก?’

แต่เมื่อพวกเขากวาดสายตาไปก็ตระหนักว่าหวู่ทงไม่ได้ทำอะไรเลย

“ใครกัน?!”

ใบหน้าของมู่เฉินและเจียงหลงเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นพวกเขาก็หันไปมองมิติว่างเปล่าขณะที่คำรามลั่น

“คึๆ”

ท่ามกลางเสียงตะโกนของพวกเขา มิติก็บิดเบี้ยว หมอกดำตลบอบอวลขึ้น วินาทีต่อมาก็กลายเป็นภาพเงาดำบนท้องฟ้า

ภาพเงานั้นถูกโอบล้อมด้วยรัศมีความตายและกลิ่นอายเลวร้าย ทำให้นักรบมังกรดำท่าทางเปลี่ยนไปฉับพลัน

“เผ่าปีศาจต่างมิติ!” ม่านตาของมู่เฉินหดเกร็ง จะมีใครอื่นนอกจากเผ่าปีศาจที่สามารถครอบครองรัศมีที่น่าขยะแขยงนี้!

“ไอ้ปีศาจ บังอาจบุกเข้ามาในมิติมังกรดำ! รนหาที่ตาย!” เจียงหลงคำรามดุดัน เผชิญกับปีศาจต่างมิติ ดวงตาเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ชัดว่าเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างยิ่ง

ตู้ม!

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกมาจากร่างเขา ซึ่งอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเลยทีเดียว

วาบ!

เจียงหลงเคลื่อนตัวมาปรากฏที่เบื้องหน้าเงานั้น กำปั้นชกออกไป เส้นเลือดผุดขึ้นบนแขนเขา กระจายพลังน่าสะพรึงกลัวออกมา

ทว่าเมื่อกำปั้นเกรี้ยวกราดพุ่งไปถึงเงาดำก็ทะลุผ่านไป เงาดำวับหายไปไม่กี่ลมหายใจก็ปรากฏตัวขึ้นในจุดอื่น

“บ้ากำลังจริงๆ แต่เป้าหมายที่ข้ามาที่นี่ไม่ใช่พวกแก”

เงาดำมองเจียงหลงด้วยดวงตาน่ากลัวพลางแสยะยิ้มชั่วร้าย “แต่ในเวลานี้พวกแกอ่อนแอนัก ดังนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ไป”

ทันใดนั้นเขาก็พลิ้วลงบนพื้นพร้อมกับมือขาวซีดกดลงบนพื้น ควันดำบริเวณศีรษะจางลงเล็กน้อยเผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวน่ากลัว ก่อนที่เขาจะแสยะยิ้มผิดปกติให้เจียงหลงและมู่เฉิน

“หยุดมัน!”

ดวงตาของมู่เฉินหดลง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าไอ้ปีศาจนี่กำลังทำอะไร แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง คำรามออกมาทันที

“ฮ่าๆ สายไปแล้ว!”

ปีศาจตัวนั้นยิ้มน่าขนลุก ทันใดนั้นค่ายกลปีศาจดำทะมึนก็โผล่พรวดออกมาจากฝ่ามือ ราวกับหนอนบิดตัวขุดลงไปในพื้น

ใบหน้าของเจียงหลงเปลี่ยนไปรุนแรงขณะอุทาน “เป้าหมายมันคือร่างราชันปีศาจที่ถูกผนึกอยู่ใต้ดิน! จอมทัพมู่ควบคุมรัศมีจั้นยี่กองทัพมังกรดำ!”

หัวใจของมู่เฉินสั่นไหวเมื่อได้ยิน ‘มีร่างราชันปีศาจผนึกอยู่ใต้ดินรึ’

ทันใดนั้นมือก็จับตรากองทัพอย่างแน่นหนา พื้นดินสั่นรุนแรงขณะที่รอยแตกขนาดใหญ่แผ่ออกไปบนพื้นดิน

ฟิ้ว!

รัศมีปีศาจกลิ้งออกมาจากรอยแตก ลำแสงสีดำพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ความผันผวนของรัศมีปีศาจที่น่ากลัวปกคลุมทั่วมิติ

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดผวา เนื่องจากเห็นโครงกระดูกสีดำ แม้ว่าพลังชีวิตจะหายไป แต่มันก็ยังคงปกคลุมไปด้วยรัศมีปีศาจน่าสะพรึง

ตัดสินจากความผันผวน มันจะต้องเป็นระดับราชันที่ทรงพลังเมื่อยังมีชีวิต!

“ฮ่าๆ อย่างที่เดาเลย! มีร่างราชันปีศาจอยู่ที่นี่จริงๆ!” เงาดำหัวเราะน่าขนลุก

ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วน ตอนนี้เขาได้ควบคุมกองทัพมังกรดำแล้ว แต่ด้วยพลังยุทธ์ในปัจจุบัน เขาสามารถควบคุมนักรบสามพันคนได้เท่านั้น

โชคดีที่ชายคนนั้นยังไม่บรรลุระดับเทียนจื้อจุนในความรู้สึกของมู่เฉิน ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ใช่ว่าจะเผชิญหน้าไม่ได้

ตู้ม ตู้ม!

รัศมีจั้นยี่รุนแรงแผดเสียงราวกับกระแสน้ำฉีกขาดมิติยิงไปทางเงาดำ

เผชิญหน้ากับรัศมีจั้นยี่ที่ล้อมรอบ เงาดำเลือกที่จะไม่ปะทะ เขาถอยฉากหนี ไม่ได้ตั้งใจจะต่อสู้อย่างชัดเจน

ทว่ามู่เฉินก็ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไป ด้วยความคิดรัศมีจั้นยี่ก็พวยพุ่ง เขาบอกได้เลยว่าเป้าหมายของเงาดำก็คือร่างราชันปีศาจ เขาแค่พยายามหยุดอีกฝ่ายไว้ไม่ให้นำศพออกไปก็พอ

ทะยานหลบหลีกสองสามครั้ง เงาดำก็เริ่มโกรธมู่เฉินที่ล่วงเกิน เขาหยุดการเคลื่อนไหว ควันดำบนหน้าจางลง เผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวที่ฉายความโหดร้าย

ดวงตาเขาจับจ้องอยู่ที่มู่เฉินพลางเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

“ในเมื่อแกรนหาที่ตาย องค์ชายคนนี้จะสนองความต้องการให้ จำไว้ คนที่ฆ่าแกคือ…”

“องค์ชายเผ่าซือหมัว—ซือเทียนโยว!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท