หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1318

ตอนที่ 1318

บทที่ 1318 บรรลุ
ราตรีกาลล้อมรอบสวรรค์และโลกราวกับฉากฝัน

เกล็ดหิมะโปรยปรายลงสู่พื้นดินซึ่งบรรจุความเย็นที่ไม่อาจจินตนาการได้ แม้แต่พื้นดินก็ยังมีชั้นน้ำแข็งปกคลุมอยู่

กระทั่งคลื่นหลิงในบริเวณนี้ยังแสดงสัญญาณการถูกแช่แข็งโดยเกล็ดหิมะ

เงาร่างกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ในถ้ำโดยมีไข่มุกสีแดงเข้มลอยอยู่ระหว่างพวกเขาดูเหมือนภูเขาไฟ ทำให้อุณหภูมิที่นี่สูงขึ้น ขับไล่ความเย็นที่อยู่ในถ้ำออกไป

นอกจากนี้บริเวณปากถ้ำยังมีค่ายกลปรากฏให้เห็นเลือนราง ช่วยต่อต้านการรุกรานจากความเย็นเช่นกัน

“หิมะที่นี่ครอบงำมาก”

มู่เฉินมองเกล็ดหิมะที่อยู่ด้านนอกถ้ำก็อดพูดออกมาไม่ได้ ตอนที่พวกเขาออกจากขุมทรัพย์ภูตผีเสื้อโอสถเมื่อวันก่อน พวกเขาโชคร้ายพบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติเข้า ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหาที่พักพิงชั่วคราว

“นี่คือหิมะสะท้านวิญญาณว่ากันว่าสามารถตรึงได้กระทั่งวิญญาณของผู้คนไว้ได้” เวินชิงเฉวียนยิ้มจากนั้นก็ชี้ไปที่ไข่มุกสีแดงเข้ม “โชคดีที่ข้าเตรียมมุกไฟวิญญาณมา ไม่งั้นต่อให้เข้ามาหลบในถ้ำ เราก็ต้องใช้คลื่นหลิงอย่างต่อเนื่องเพื่อขับไล่ความหนาวเย็น”

มู่เฉินพยักหน้า หากเวินชิงเฉวียนไม่ได้เตรียมตัวมาละก็ พวกเขาก็ต้องใช้วิธีที่เสียแรงมากที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อพลังอย่างไม่ต้องสงสัย

“เราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” ลั่วหลีมองไปที่มู่เฉิน ศีรษะเอียงลงเล็กน้อย เรือนผมพาดลงมาราวกับน้ำตกพร้อมกับรอยยิ้มระบายบนใบหน้า ความงามไร้ที่ตินี้เหมือนทำให้แม้แต่แสงสว่างทั่วถ้ำยังเพิ่มขึ้นเลยทีเดียว

“ลั่วหลี เจ้าสวยขึ้นอีกแล้ว!”

มู่เฉินไม่อาจละสายตาจากนางไปได้ พวกเวินจื่อหยู่ถึงกับไม่กล้ามองลั่วหลีตรงๆ ส่วนเวินชิงเฉวียนกลับโน้มตัวไปข้างหน้าเงียบๆ แอบคว้าเอวของลั่วหลีไว้ ดวงตายิ้มหยี

สัมผัสได้ถึงการกระทำนี่ ลั่วหลีก็กลอกตามองเวินชิงเฉวียน ก่อนที่จะสะบัดนิ้วอย่างเบามือแกะมือเวินชิงเฉวียนออก

“ทำไมเขาโชคดีแบบนี้” เวินชิงเฉวียนถอนมือออกก่อนที่จะพูดอย่างเฉื่อยเนือย “เป้าหมายต่อไปของเราคือเมืองหนึ่งในแดนเซิ่งยวนโบราณ ตามแหล่งข่าวที่นั่นเป็นจุดรวมตัว ดังนั้นจะต้องมีหลายกลุ่มรวมตัวกันอยู่ที่นั่นแน่นอน”

“โอ้?” มู่เฉินหดตาลงถามว่า “เราสามารถซื้อข้อมูลที่ต้องการได้ไหม?”

ข้อมูลที่เขากำลังมองหาชัดว่าเกี่ยวข้องกับเผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิง

เวินชิงเฉวียนพยักหน้า “ย้อนกลับไปในแดนเซิ่งยวนโบราณ มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งสี่คนสละชีพที่นี่ นอกจากนี้มรดกของพวกเขายังเป็นสิ่งหายากที่สุด แม้ว่าจะมีข้อมูลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครสามารถได้รับมรดกของพวกเขาไปได้”

“จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ มรดกของจอมยุทธ์ทั้งสี่นั้นไม่มีที่ตั้งแน่นอน พวกมันเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา”

“เคลื่อนไหว?” มู่เฉินขมวดคิ้ว หากนั่นเป็นเรื่องจริงความยากลำบากในการค้นหาจะยิ่งยากกว่าเดิม

“ดังนั้นเราต้องไปที่จุดรวมตัวก่อน เนื่องจากที่นั่นเป็นจุดแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วย ทุกกลุ่มจะมุ่งหน้าไปหลังจากผ่านการผจญภัยสั้นๆ เราน่าจะได้รับข้อมูลบางอย่าง” เวินชิงเฉวียนกล่าว

มู่เฉินพยักหน้า หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ควรไปยังจุดรวมตัว มิฉะนั้นคงยากจะได้ผลลัพธ์จากการคลำทางทั่วมั่วไปเอง

แต่ถ้าเป็นไปตามที่เวินชิงเฉวียนพูด จุดรวมตัวจะต้องเป็นสถานที่วุ่นวายแน่ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งสามกลุ่มของเผ่าฝูถูจะไปที่นั่นเช่นกัน

ในบรรดาสามกลุ่มนั้นเฉวียนหลัวและมั่วซินไม่ได้เป็นมิตรกับเขา ดังนั้นหากพบกันอาจเกิดการต่อสู้ก็เป็นได้

ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้คิดมากในเรื่องนี้ หากเฉวียนหลัวและมั่วซินมองเขาเหมือนพวกขี้แพ้ เขาก็ไม่รังเกียจอะไรที่จะสั่งสอนบทเรียนให้อีกฝ่าย

“ตอนนี้สามารถลองยาเซิ่งหวาสักหน่อย”

แม้ว่าเขาจะไม่กลัวอีกฝ่าย แต่มู่เฉินไม่ใช่คนประมาท แม้แต่สิงโตยังต้องใช้กำลังเต็มที่ในการตะครุบกระต่าย ไม่ต้องพูดถึงเฉวียนหลัวและมั่วซินที่ไม่ใช่พวกจัดการง่ายๆ ดังนั้นเป็นการดีที่สุดที่เขาจะใช้ยาเซิ่งหวาเพื่อบรรลุอีกขั้นของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก่อนจะไปยังจุดรวมตัว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาบอกคนอื่นสั้นๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปยังโถงอีกฝั่งของถ้ำซึ่งถูกสร้างขึ้น

“เราก็ต้องพัฒนาเช่นกัน”

มองร่างเงามู่เฉิน เวินจื่อหยู่และหลงเซี่ยงก็ลุกขึ้นยืน พูดอย่างเร่งร้อน

พวกเขาได้รับเม็ดยาเซิ่งหลิงมา ตราบใดที่กลืนเม็ดยาแล้วชำระ ด้วยการสั่งสมพลังมานานของพวกเขา คงไม่เป็นเรื่องยากที่จะเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแท้จริง

การปะทะกันที่เกิดขึ้นในขุมทรัพย์ ทำให้พวกเขาตระหนักว่าขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มปกป้องตนเองในแดนเซิ่งยวนโบราณก็เต็มกลืนแล้ว หากพวกเขาต้องการที่จะช่วยพรรคพวกก็ต้องบรรลุระดับที่สูงยิ่งขึ้น

“ต้องรบกวนพวกเจ้าคุ้มกันด้วย”

ลั่วหลียิ้มให้เวินชิงเฉวียนและหลิงซีก่อนปลีกตัวเข้าโถงถ้ำอีกแห่ง นางได้รับยาเซิ่งหวามาจากมู่เฉิน ซึ่งนี่ก็มีความสำคัญกับนางเช่นกัน

เนื่องจากร่างเทพวารีที่นางฝึกฝนเป็นร่างเทห์สวรรค์ลำดับสูงในทำเนียบการจัดอันดับ!

ขณะที่แต่ละคนแยกย้ายกันไป ถ้ำก็เงียบลง เวินชิงเฉวียนและหลิงซีแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนจะยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งสองปิดตาลงเข้าสู่สมาธิเช่นกัน

ในโถงถ้ำขนาดใหญ่

มู่เฉินนั่งลงเงียบๆ พร้อมกับยาผลึกอัญมณีลอยอยู่ตรงหน้า กลิ่นหอมเล็ดลอดออกมา ทำให้พลังงานหลิงภายในโถงถึงกับกระเพื่อมไหว

มู่เฉินมองยาเซิ่งหวาก็สูดหายใจลึกๆ ทันใดนั้นมือของเขาก็ประสานกันวาดตราประทับขึ้น ริ้วแสงหลิงพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย ร่างสีม่วงทองขนาดหลายร้อยจั้งก็ควบแน่นอย่างรวดเร็วที่ข้างหลัง

เม็ดยาเซิ่งหวาสามารถเพิ่มศักยภาพของวิชาต่างๆ เข้าสู่อีกระดับหนึ่ง ถ้าเร้าวิชาที่ฝึกฝนก่อนกลืนเม็ดลงไปก็จะเพิ่มโอกาสในวิชาเกินครึ่ง ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่กลัวว่าการพัฒนาจะตกไปที่วิชาอื่นๆ

ถ้าเกิดสิ่งนั้นขึ้นก็ถือว่าโชคไม่เข้าข้างแล้วกัน

เมื่อร่างสีม่วงทองปรากฏขึ้น มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป กลืนเม็ดยาเซิ่งหวาทันที

ปัง!

เม็ดยาเซิ่งหวาที่ถูกกลืนแตกออกจากกันทันที ความรู้สึกเย็นฉ่ำที่ไม่สามารถอธิบายได้แพร่กระจายไปทั่วแขนขาของเขา ในช่วงเวลาต่อไปความรู้สึกแปลกประหลาดก็ลุกขึ้นจากส่วนลึกของหัวใจ

ในช่วงเวลานั้นก็ราวกับมีสติปัญญาไม่รู้จบ ความสงสัยที่เกิดระหว่างการฝึกฝนก็หายไปทั้งหมด

มู่เฉินหลับตาด้วยสีหน้านิ่งเงียบและดำดิ่งในความรู้แจ้ง ร่างเทพที่อยู่ข้างหลังก็เข้าสู่สมาธิด้วย พร้อมกับพื้นผิวของร่างกายวูบไหวด้วยความมันวาวสีม่วงทอง ราวกับว่ากำลังเลี้ยงดูบางสิ่งบางอย่าง

โถงถ้ำกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

วันรุ่งขึ้น

หิมะหายไปหมดแล้ว ที่น่าตกใจก็คือแผ่นดินที่ถูกแช่แข็งในรัศมีหมื่นลี้ก็ละลายอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ตู้ม!

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตสองสายพลุ่งพล่านภายในถ้ำ ไม่ไกลร่างเงาสองร่างก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

พวกเขาแผดเสียงดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง ดึงดูดคลื่นหลิงที่ถั่งโถมบนท้องฟ้า

“หนวกหู!”

นอกถ้ำเวินชิงเฉวียนจ้องทั้งสองที่กำลังคำรามก็ตะโกนด่า

เวินจื่อหยู่กับหลงเซี่ยงแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่จะปิดปากฉับ ทว่าความสุขในแววตาของพวกเขากลับไม่สามารถปกปิดได้ เพราะในที่สุดด้วยความช่วยเหลือของยาเซิ่งหลิง พวกเขาก็บรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มอย่างเป็นทางการแล้ว!

ในเวลานี้โถงถ้ำแห่งหนึ่งก็เปิดขึ้น ลั่วหลีเดินออกมา

“ลั่วหลีเป็นอย่างไรบ้าง?” เวินชิงเฉวียนถามอย่างสงสัยเพราะนางอยากรู้ว่าเม็ดยาเซิ่งหวาน่าอัศจรรย์เพียงใด

แต่เผชิญหน้ากับความอยากรู้ ลั่วหลีก็ยิ้มบาง “ยาเซิ่งหวาสมกับเป็นผลงานยิ่งใหญ่ที่สุดของภูตผีเสื้อโอสถ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี่ เวินชิงเฉวียนยิ่งอยากรู้มากขึ้น นางอยากถามเพิ่มเติม แต่ลั่วหลีก็ทำเพียงยิ้มลึกลับ ทำเอานางหงอยลงทันที

ตู้ม!

อึดใจโถงถ้ำอีกแห่งก็เปิดออก ร่างของมู่เฉินปรากฏต่อหน้าทุกคน

“มู่เฉิน เจ้าทำสำเร็จไหม?” เวินชิงเฉวียนมองไปที่มู่เฉิน

มู่เฉินแลกเปลี่ยนสายตากับลั่วหลี จากนั้นก็ยิ้มตาหยี “ภูตผีเสื้อโอสถสมชื่อเสียงจริงๆ”

เมื่อเห็นสำบัดสำนวนของทั้งสอง เวินชิงเฉวียนก็อดกัดฟันกรอดไม่ได้ ‘พวกเขาสมกับเป็นคู่รักกันจริงๆ!’

ทว่าจากท่าทางการแสดงออก อย่างน้อยเวินชิงเฉวียนก็รู้ว่าพวกเขาพอใจกับผลของเม็ดยาเซิ่งหวามาก

“ไปที่จุดรวมตัวกันเถอะ!”

มู่เฉินไม่พูดมากความ โบกมือให้ทุกคน

จบคำพูด เขาก็แตะเท้าส่งแรงกลายเป็นแนวแสงพุ่งไปทางจุดลึกของแดนเซิ่งยวนโบราณโดยมีเงาร่างหลายร่างติดตามอยู่ข้างหลัง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท