หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1326 แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว
ฟู่ ฟู่!
เสียงอื้ออึงดังก้องไปทั่วป่ารกร้าง เปลวไฟสีดำก็สร้างความหายนะราวกับพายุทอร์นาโดแผดเผาภูเขาและป่ากลายเป็นเถ้าถ่าน
ทว่าเปลวไฟสีดำเหล่านั้นก็คงอยู่ไม่นานขณะที่ค่อยๆ มอดดับลง
ซ่า ซ่า
เงาร่างหนึ่งก้าวย่างออกมาจากป่าไหม้เกรียม เขาก็คือมู่เฉินที่กำลังก้มมองมือที่ดำคล้ำของตนเอง คลื่นหลิงพวยพุ่ง สีดำก็หายไปพร้อมกับบาดแผลบนมือที่เกิดจากการถูกเผาอย่างรวดเร็ว
ร่างสองร่างคุกเข่าอยู่บนพื้นด้านหลัง ศีรษะห้อยต่องแต่ง แม้แต่เปลวไฟสีดำบนเส้นผมก็ดับไปพร้อมกับชีวิต
ริ้วความไม่อยากเชื่อหลงเหลือบนใบหน้า
พวกเขาไม่คิดว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจะทรงพลังขนาดนี้
“พวกนางจริงด้วย”
มู่เฉินคร้านจะไปมองศพทั้งสอง เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทิศทางหนึ่งด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน
การต่อสู้เมื่อครู่ไม่ได้สูสีอะไรกันเลย แม้ว่ามู่เฉินจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่พลังอำนาจการต่อสู้ของเขาเกินขอบเขตขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มแบบธรรมดาไปแล้ว ส่วนจอมยุทธ์เผ่าเหยียนหมัวอย่างมากก็เพิ่งเข้าขั้นนี้ ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับมู่เฉิน พวกเขาก็มีตายสถานเดียว
ทว่าจากข้อมูลที่เขาได้รับก่อนที่พวกมันจะตาย เขาได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหญิงสาวทั้งสองที่พวกมันพูดถึง
เป็นตามที่คาด ทั้งสองคนก็คือชิงซวงและชิงหลิงจากเผ่าฝูถู พวกนางเป็นกลุ่มหญิงสาวหนึ่งเดียวที่เข้ามาในชั้นนี้
ดูเหมือนทั้งสองจะปะทะกับแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนถึงพลังของแม่ทัพคนนั้น แต่ในเมื่อสามารถบังคับชิงซวงให้อยู่ในสถานะที่น่าสมเพชได้ แม่ทัพคนนี้น่าจะเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุดแล้ว
มู่เฉินมองไปในทิศทางนั้นพลางครุ่นคิดสั้นๆ เขากำลังลังเลว่าจะไปช่วยพวกนางดีไหม เพราะตัวเขาไม่มีความประทับใจใดๆ กับเผ่าฝูถูเลย
แม้ว่ามารดาของเขาจะมาจากสายเลือดเดียวกันกับชิงซวง แต่พวกนางก็นิ่งเฉยมองมารดาของเขาถูกจองจำโดยไม่ทำอะไรเลย ซึ่งทำให้มู่เฉินรู้สึกไม่พอใจ
หลังจากครุ่นคิดสั้นๆ มู่เฉินก็เบ้ปาก ขณะที่เท้าแตะพื้นบินออกไปราวกับกระเรียนยักษ์พุ่งตรงไปหาตำแหน่งของพวกนาง
แม้ว่าเขาจะไม่พอใจต่อเผ่าฝูถู แต่ชิงซวงก็ยังแสดงให้เห็นถึงการช่วยเหลือเมื่อเขาประสบปัญหา จากจุดนี้เพียงอย่างเดียวเขาไม่สามารถยืนดูพวกนางทุกข์ร้อนได้
ความขุ่นเคืองที่มีต่อเผ่าฝูถู ไม่จำเป็นต้องเอาไปลงที่คนไม่เกี่ยวข้อง ไม่งั้นเขาก็จะดูใจแคบเกินไป
ตู้ม!
กำปั้นปกคลุมด้วยเปลวไฟสีดำกดลงมาจากท้องฟ้า พลังน่าสะพรึงกลัวที่สามารถทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ นำพารัศมีทำลายล้าง
ชิงซวงที่อยู่ในสภาพดูไม่ได้จับข้อมือชิงหลิงไว้แน่น ขณะที่แสงหลิงระเบิดออกจากร่าง
ฟิ้ว!
หมัดเพลิงพุ่งออกมาจากด้านหลังปะทะกับภูเขาจนแตกเป็นก้อนหินเล็กใหญ่นับไม่ถ้วน ก่อนที่จะถูกแผดเผากลายเป็นเถ้าถ่านดำมืดจากเพลิงดังกล่าว
เมื่อชิงหลิงที่ถูกชิงซวงคว้าข้อมือไว้เห็นพลังทำลายล้างนี่ ใบหน้าของนางก็ซีดเซียวลง
“ฮ่าๆ คนสวย ทำไมขัดขืนมากนัก? มาให้ข้าได้ลิ้มรสหญิงสาวในมหาพันภพสักหน่อยเถอะ!” เสียงหัวเราะบาดแก้วหูดังขึ้น
เพลิงสีดำบินว่อนพร้อมกับร่างชายแข็งแกร่งอยู่ภายใน เรือนผมของเขาลุกโชนด้วยเปลวไฟสีดำ ยังมีอักขระเปลวไฟสลักอยู่บนใบหน้าด้วย
ขณะนี้เขากำลังจ้องมองร่างสะคราญโฉมตรงหน้าด้วยความกำหนัดพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
“พี่ชิงซวงอย่าสนใจข้าเลย รีบไปเถอะ!”
สัมผัสได้ถึงความผันผวนของเปลวไฟที่เข้าใกล้เรื่อยๆ ชิงหลิงก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียว ตอนที่นางมาถึงที่นี่ก็พบเข้ากับจอมยุทธ์เผ่าเหยียนหมัว ชิงซวงถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวจนบาดเจ็บ ทำให้พวกนางต้องหนีตายลูกเดียว
ทว่าจอมยุทธ์เผ่าเหยียนหมัวผู้นี้ทรงพลังมาก ต่อให้ชิงซวงจะไม่บาดเจ็บ นางก็ทำได้เพียงสกัดเท่านั้น ยิ่งตอนนี้นางได้รับบาดเจ็บบวกกับมีตนเองเป็นตัวถ่วงด้วย ทำให้สภาวะการณ์แย่ลงมากกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่ได้!”
ชิงซวงกัดฟัน นางสัมผัสถึงกักขฬะและหื่นกระหายในสายตาของไอ้ปีศาจเปลวไฟนั่น หากชิงหลิงตกอยู่ในเงื้อมมือของมัน ความตายอาจเป็นเรื่องสวยหรูมากเกินไปด้วยซ้ำ
“เจ้าไปก่อน ข้าจะดักมันไว้!” ไอเย็นเยือกรวมกันในดวงตาของชิงซวงขณะที่ขบฟันแน่น
“พี่ใหญ่ชิงซวง ตอนนี้เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน!” ชิงหลิงพูดอย่างกังวลใจ
“หากเราถูกไล่ตามต่อไป อีกไม่นานเราทั้งสองคนก็จะถูกจับตัว” ชิงซวงพูดเสียงดังฟังชัด
ชิงหลิงกัดริมฝีปากน้ำตาคลอเบ้า จากนั้นก็พยักหน้าก่อนจะทะยานไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
ชิงซวงหยุดฝีเท้าหันกลับมามองไอ้ตัวร้ายที่ไล่ตามพวกนางไม่ลดละ
“ฮ่าๆ เสียสละตัวเองเพื่อช่วยคนอื่นเหรอ? ประทับใจจริงๆ” จอมยุทธ์เผ่าเหยียนหมัวชะลอตัวลงขณะกวาดมองชิงซวงด้วยสายตาหยอกล้อ ก่อนจะมองเรือนร่างนางด้วยความตะกละตะกลาม
“เอาเถอะ สนุกกับเจ้าก่อนก็ได้” มันเลียริมฝีปากขณะที่พูดด้วยดวงตาหรี่ปรือ
ไอเย็นเยือกในนัยน์ตาของชิงซวงหนาแน่นขึ้น นางกำกำปั้น กระบี่ยาวสีฟ้าปรากฏขึ้นในมือพร้อมกับรังสีน้ำแข็งเปล่งออกมา ทำให้แม้แต่อากาศยังตกลงสู่จุดเยือกแข็ง
กระบี่ยาวดูราวกับว่าสร้างมาจากน้ำแข็ง เมื่อปรากฏขึ้นเกลียวแสงน้ำแข็งสีฟ้าก็แผ่ออกไปอย่างช้าๆ ทำให้ทั่วบริเวณกลายเป็นโลกน้ำแข็ง
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นสูงของแท้
เมื่อแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวเห็นสิ่งนี้ ดวงตาก็หดเกร็ง ก่อนที่จะหัวเราะร่วนพลางยกมือขึ้น เปลวไฟสีดำย่อตัวเปลี่ยนเป็นลูกปัดเปลวไฟสีดำทันที
เพลิงสีดำพวยพุ่งออกมาพร้อมกับเกลียวไฟไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งไปกว่านั้นเพลิงนี้ก็เหมือนจะสามารถกระตุ้นด้านมืดของผู้คน การมองเป็นเวลานานทำให้จิตสำนึกสูญเสียได้
ลูกปัดนี้จะต้องเป็นวัตถุพิเศษแน่นอน!
โฮก!
แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวทะยานตัวออกไป ขณะเดียวกันลูกปัดก็ยิงอสรพิษเพลิงนับไม่ถ้วนออกมา ในปากอัดแน่นด้วยเปลวไฟสีดำราวกับลาวา พุ่งเข้าหาชิงซวงอย่างดุร้าย
ใบหน้าของชิงซวงเย็นชาลง กระบี่ยาวในมือสั่นไหวขณะที่รัศมีเย็นเยือกรวมตัวกัน เมื่ออสรพิษเหล่านั้นเข้ามาใกล้ก็กลายเป็นคุกน้ำแข็งขังพวกมันเอาไว้
“คึๆ”
ทว่าเมื่อแม่ทัพทัพเผ่าเหยียนหมัวเห็นฉากนี้กลับยิ้มมีเลศนัย
ปัง!
อสรพิษที่เปลวไฟสีดำลุกโชนระเบิดในเวลานี้ กวาดอาละวาดทำลายล้างโลกน้ำแข็งที่ชิงซวงสร้างขึ้นจนหมดสิ้น
อ๊อก
เลือดกระอักเต็มปากชิงซวง นางได้รับบาดเจ็บหนักตั้งแต่เริ่มและต้องทรมานจากการโจมตีครั้งนี้ของแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว ทำให้อาการบาดเจ็บของนางแย่ลงยิ่งขึ้น แม้แต่คลื่นหลิงในร่างกายก็ผันผวนไปหมด นางรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงไปทั่วสรรพางค์กายเลยทีเดียว
“ฮี่ๆ! คนสวยมานี่สิจ้ะ!”
แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวหัวเราะร่วนมาปรากฏตัวตรงหน้าชิงซวง คว้าลำคอขาวผ่องของนางไว้
เมื่อชิงหลิงเห็นภาพนี้จากระยะไกล นางก็รู้สึกสิ้นหวัง
ชิงซวงไม่มีริ้วกระเพื่อมในดวงตา ขณะที่มองแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวที่พุ่งเข้ามาหา อึดใจดวงตานางก็แวววับด้วยความมุ่งมั่น ตราประทับก่อตัวขึ้น คลื่นหลิงในร่างเริ่มรุนแรงขึ้น
นางตั้งใจจะระเบิดตนเอง!
“พี่ใหญ่ชิงซวง!” เมื่อชิงหลิงรู้สึกถึงคลื่นหลิงรุนแรงใบหน้าก็ซีดลงพลางตะโกนด้วยเสียงสั่นเครือ
“นังโง่!”
แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวใบหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง จากนั้นก็กัดฟันคิดจะหนีออกไป
แต่ทันทีที่เขากำลังจะล่าถอย ร่างเงาสองร่างก็ปรากฏที่เบื้องหน้าพร้อมกับหมัดสองหมัดที่ห่อหุ้มด้วยแสงตกผลึกพุ่งเข้าใส่หน้าอกเขา คลื่นหลิงไร้ขอบเขตรวมตัวกัน
การโจมตีเกิดขึ้นกะทันหัน แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวก็เหวี่ยงฝ่ามือออกมารับอย่างรวดเร็ว เปลวไฟสีดำพุ่งออกมาพยายามบีบให้อีกฝ่ายถอยไป
ทว่าเงาทั้งสองไม่ได้ให้ความสนใจใดๆ กับเปลวไฟสีดำที่ครอบงำ ฝ่ามือตรงเข้าใส่แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว
ตึง!
เสียงระเบิดต่ำดังขึ้นพร้อมกับร่างแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวสั่นเทิ้มก่อนที่จะถลากลับไป ทว่าที่เขาตกใจไม่ใช่พลังอำนาจของเงาทั้งสอง แต่เป็นผลึกแสงแวววาวที่กระจายออกไปในมือทำให้เปลวไฟสีดำสลัวลงอย่างรวดเร็ว
ราวกับว่าถูกผนึกไว้
“นี่มันคืออะไร?!”
แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวอุทานเสียงลั่นขณะถอยเร็วรี่ รีบเร้าพลังงานในร่างกายไปต้านทานผลึกแสงไว้
จังหวะที่แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวถอยกลับ ร่างหนึ่งก็ปรากฏเบื้องหน้าชิงซวง เขามองคลื่นหลิงดุเดือดที่เกรี้ยวกราดอยู่ในร่างกายของชิงซวง คิ้วเขาขมวดแน่นก่อนที่ฝ่ามือจะตบลงบนหน้าอกของนาง
ผลึกแสงมันวาวพุ่งออกมาเจาะเข้าไปในร่างกายของชิงซวง ผนึกคลื่นหลิงบ้าคลั่งในร่างนางไว้ชั่วคราว
เมื่อคลื่นหลิงสงบลงช้าๆ ชิงซวงก็ปรือตาขึ้น มองเห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์ที่คุ้นเคยเบื้องหน้า
“มู่เฉิน” นางตกใจขณะที่กำลังจะเปิดปากพูดก็สิ้นเรี่ยวแรงหน้ามืดไป
ร่างบางร่วงผล็อยลง มู่เฉินก็เหยียดมือออกไปโอบเอวนาง เขามองชิงซวงที่เป็นลมก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
“ไอ้เวรจากไหนกัน กล้าทำลายเรื่องดีของแม่ทัพคนนี้?!”
เมื่อมู่เฉินช่วยชิงซวงไว้ได้ เสียงตะโกนก็ดังกึกก้องอยู่ข้างหลัง