หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1327

ตอนที่ 1327

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1327 ปะทะกับเหยียนหมัว
เมื่อได้ยินเสียงคำรามจากทางด้านหลัง

มู่เฉินก็โอบเอวชิงซวงขณะที่หันกลับไปมองแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวด้วยสายตาไม่แยแส

ยามนี้แม่ทัพเหยียนหมัวกำลังมองเขาราวกับสัตว์ร้ายที่ขุ่นเคือง

เผชิญหน้ากับความโกรธแค้นนี้ มู่เฉินก็ไม่แยแส เพียงแค่เหลือบมองในระยะไกล ชิงหลิงที่หลบออกไปไกลก็พุ่งกลับมาในเวลานี้

“มู่เฉิน?”

เมื่อเห็นมู่เฉิน ชิงหลิงก็อึ้งไป แต่เมื่อเห็นมู่เฉินประคองชิงซวงที่หมดสติ สายตาของนางก็ซับซ้อนขึ้น นางไม่คิดว่าจะเป็นมู่เฉินที่มาช่วยพวกนางเมื่อเกิดภัย

มู่เฉินแตะฝ่ามือเบาๆ คลื่นหลิงก็ห่อร่างชิงซวงพลิ้วไปหาชิงหลิง “ดูนางด้วย”

ชิงหลิงคว้าชิงซวงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะขบฟันพูดด้วยเสียงนุ่มนวล “ขอบใจมาก!”

ก่อนหน้านี้นางไม่ได้มองมู่เฉินที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายในสายตา มิหนำซ้ำยังรู้สึกว่ามู่เฉินหยิ่งเกินไปที่ไม่ยอมรับความช่วยเหลือ

ตอนนี้นางกลับรู้สึกเสียใจและละอายใจกับการมองคนของตนเองนัก

แม้ว่าชายหนุ่มที่เบื้องหน้านางจะมีสายเลือดของตระกูลชิงแห่งเผ่าฝูถู แต่เขาไม่เคยใช้ทรัพยากรใดๆ ของเผ่า แต่กระนั้นความสำเร็จของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามั่วซินและเฉวียนหลัวเลย

อันที่จริงในจุดหนึ่งเขาโดดเด่นยิ่งกว่าสองคนนั่นด้วยซ้ำ

“ระวังตัวนะ เขาทรงพลังมาก” ชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะเตือนขณะถอยฉากหลบไป นางได้เห็นพลังของแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวแล้ว แม้แต่ชิงซวงที่อยู่ในสภาพพร้อมรบก็ยังได้เพียงสกัดไว้

มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ สายตาจ้องมองไปที่แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว เขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามจางๆ

เหตุผลที่เขาสามารถหวดแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวได้ก็เพราะอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว ด้วยการเตรียมการจากนี้คงไม่ง่ายที่จะได้รับผลเช่นนั้น

มู่เฉินชุดดำและชุดขาวทะยานมายืนอยู่ข้างมู่เฉิน ทั้งสามจ้องมองแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวเขม็ง

ภายใต้สายตาสามคู่ ความป่าเถื่อนในสายตาของแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวก็ลดลงแทนที่ด้วยความเคร่งเครียด

สายตาและประสาทสัมผัสของเขาทรงพลังกว่าจอมยุทธ์เผ่าเขาที่ติดตามมา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกได้ว่าแม้มู่เฉินจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่พลังในการต่อสู้เกินกว่าที่แสดงให้เห็นแน่นอน

จุดนี้ตระหนักได้จากการแลกกระบวนท่ากันเมื่อครู่

“ไอ้เวร ส่งผู้หญิงสองคนนั่นมาแล้วข้าจะปล่อยแกไป!” แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวพูดขณะถลึงตามอง

ทว่ามู่เฉินเพียงยิ้มตอบ จากนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นคมชัด “ไสหัวไป”

“รนหาที่ตาย!”

ความป่าเถื่อนของแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวพวยพุ่ง แม้ว่ามู่เฉินดูเหมือนจะไม่ง่ายที่จะจัดการ แต่ก็เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้สำหรับพวกมนุษย์ที่กล้าพูดกับเขาในลักษณะนี้!

“ก่อนหน้าแกได้เปรียบก็เพราะแอบโจมตี ในเมื่อแกเรียกร้องความตายข้าก็จะทำตามความปรารถนาให้เป็นจริง!”

แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวยิ้มเหี้ยมก่อนที่จะกระแทกเท้า ทั่วบริเวณโยกคลอน เปลวไฟสีดำกวาดออกจากร่าง ขณะที่อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นทันควัน แม้กระทั่งบรรยากาศโดยรอบก็เริ่มลุกไหม้

แรงกดดันทรงพลังระเบิดออกมาจากแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว

เมื่อชิงหลิงที่กำลังถอยสัมผัสได้ถึงแรงกดดันนั่น ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปโดยไม่สามารถควบคุมได้ ความแข็งแกร่งของแม่ทัพคนนี้อยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุดแล้ว

เผชิญหน้ากับศัตรูดังกล่าว แม้แต่เฉวียนหลัวและมั่วซินยังลำบากเลย

“ฝ่ามืออสูรเพลิง!”

แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวสาดสายตาน่าขนลุกมองมู่เฉิน ก่อนที่มือจะตบลงกะทันหัน ทันใดนั้นเปลวไฟสีดำก็รวมตัวกันกลายเป็นฝ่ามือปีศาจเพลิงขนาดมหึมาปกคลุมท้องฟ้าพุ่งใส่มู่เฉิน

ก่อนที่ฝ่ามือจะกระแทกลงไป พื้นดินเบื้องล่างก็ทรุดตัวลงพร้อมกับป่าบนภูเขากลายเป็นทะเลเพลิง

ขณะที่ฝ่ามือพุ่งเข้ามาโดยเร็ว ม่านตามู่เฉินก็หดเกร็ง ก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นคลื่นหลิงไร้ขีดจำกัดสามสายก็ทะยานออกจากร่างทั้งสามคน

โฮก!

คลื่นพลังสามสายถักทอกันกลายเป็นเสายืนตระหง่านระหว่างสวรรค์และโลกปะทะกับฝ่ามืออสูร

ตึง!

แผ่นโลกสั่นสะเทือนด้วยเปลวไฟสีดำและคลื่นหลิงสร้างความหายนะไปทั่ว

วาบ!

เมื่อการโจมตีดุเดือดสองสายปะทะกัน แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวก็มาปรากฏเบื้องหน้ามู่เฉินพร้อมลูกปัดในมือปลดปล่อยลำแสงนับไม่ถ้วน

“ตาข่ายอสูรดักวิญญาณ!”

เกลียวแสงพันเข้าด้วยกันเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ห่อหุ้มมู่เฉินทั้งสามไว้

“ฮึ ตกลงไปในตาข่ายปีศาจของข้า แม้ว่าแกจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ต้องตาย!” แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวหัวเราะเยาะ หลังจากเห็นว่าการโจมตีของตนเองประสบความสำเร็จ

ตู้ม!

ทว่าคลื่นหลิงพร่างพราวก็ระเบิดออกมาราวกับดวงอาทิตย์ลุกโชติช่วงบนตาข่ายปีศาจ อึดใจต่อมาเกลียวแสงสีม่วงทองขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นในตาข่าย

เกลียวแสงสีม่วงทองเปล่งรัศมีอมตะ ภายใต้การกัดเซาะก็ทำลายตาข่ายอสูรอย่างรวดเร็ว

“รหัสเทพอมตะ แปรเปลี่ยนพันหมื่น หมัดเทพอมตะ!”

เมื่อตาข่ายถูกทำลาย เสียงคำรามก็ดังมาจากแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวที่ม่านตาหดลง กำปั้นสีม่วงทองขนาดหมื่นจั้งที่มีพลังน่าสะพรึงราวกับเทพแตกมิติเป็นเสี่ยงๆ ขณะที่พุ่งเข้าชน

“โล่เพลิงอสูร!”

แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวกำลูกปัด เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงก็พัดออกมาเปลี่ยนเป็นโล่เพลิงสีดำขนาดใหญ่ที่มีลวดลายกะโหลกไขว้สลักไว้

ตู้ม!

กำปั้นใหญ่กระแทกเข้ากับโล่ พลังงานอันน่าสะพรึงกลัวสองสายก็ปะทะกัน ทว่าหมัดที่เปล่งแสงอมตะดูเหมือนจะสามารถระงับเปลวไฟปีศาจอย่างเห็นได้ชัด

ปัง!

ดังนั้นโล่ก็ใช้เวลาคงอยู่ได้ไม่กี่อึดใจก่อนที่จะระเบิด แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวก็ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่กระเด็นกลับไปกระแทกเข้ากับภูเขาทำเอาราพณาสูรไปเลยทีเดียว

ทว่าหินก้อนใหญ่ก็ระเบิดออกขณะที่ร่างแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า สายตามองไกลออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เงาสีม่วงทองยืนตระหง่านอยู่บนขอบฟ้า มู่เฉินทั้งสามสาดสายตาเย็นชามองเขาจากบนไหล่ร่างใหญ่โตนั่น

“นี่คือทักษะที่เรียกว่าร่างเทห์สวรรค์ของมหาพันภพรึ?”

สายตาแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวกะพริบด้วยไอเย็นชา

“ช่างเถอะ ข้าจะแสดงให้แกเห็นถึงวิธีการของเผ่าเหยียนหมัวบ้าง!” แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวประสานมือไว้ด้วยกันพร้อมกับเปลวไฟสีดำกะพริบวูบไหวในดวงตา ราวกับจะเผาดวงตาเขาไปเลยทีเดียว

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ท้องฟ้าที่ด้านหลังสั่นกระพือรุนแรงพร้อมกับเปลวไฟสีดำที่รวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่กี่อึดใจร่างปีศาจใหญ่โตสีดำก็รวมตัวกันอยู่ที่ด้านหลังแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว

ร่างปีศาจถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟสีดำ แค่เหลือบมองก็เต็มไปด้วยความรุนแรงและจิตสังหาร

ความกดดันที่น่ากลัวกำจายออกมาจากร่างปีศาจ

มองจากระยะไกล ดวงตาของมู่เฉินก็หดลงพร้อมกับความตื่นตะลึงฉายบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวจะมากปัญหาขนาดนี้ วิธีการเช่นนี้น่าตกใจอย่างแท้จริง

จากการประมาณ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนธรรมดาไม่สามารถต่อกรกับแม่ทัพคนนี้ได้แน่นอน

ฮา

มู่เฉินสูดหายใจลึกๆ ใบหน้าเคร่งขรึมลง พลังของแม่คนนี้แกร่งกร้าวมาก ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

เขาวาดตราประทับด้วยมือเพียงข้างเดียว ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็เปล่งประกายออกมาด้วยแสงสีม่วงทองพร้อมกับแรงกดดันอันทรงพลังเล็ดลอดออกมา

แต่ทันใดนั้นรัศมีเย็นเยียบทรงพลังก็พุ่งพรวดเข้ามา ทำให้มู่เฉินและแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวตกตะลึงไป ทั้งคู่เลื่อนสายตาไปจับจ้องก็เห็นว่าชิงซวงฟื้นคืนสติเรียบร้อยพร้อมกับกระบี่ยาวในมือเล็งไปที่แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว

“นังตัวปัญหา!”

แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวสีหน้าดิ่งลง เนื่องจากรับมือมู่เฉินก็ลำบากพอสมควรแล้ว หากชิงซวงผสมโรงด้วยละก็ กระทั่งเขาก็แพ้ในการต่อสู้แน่

สายตาของเขาวูบไหว ก่อนที่จะเขม่นมองมู่เฉินเอ่ยเสียงเย็น “โชคช่วยแกในครั้งนี้ ถ้าเจอกันครั้งต่อไป ข้าจะใช้ร่างปีศาจขยี้ร่างเทห์สวรรค์ของแก!”

ทันใดนั้นร่างปีศาจก็เปลี่ยนเป็นพายุเฮอริเคนสีดำพร้อมกับเปลวไฟสีดำพัดห่อหุ้มเขาจากไปด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง

มู่เฉินไม่คิดว่าชายคนนี้จะตัดสินใจปุบปับ ทำเอาเขาอึ้งไปหลายวินาที ก่อนจะมองไปยังทิศทางที่แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวหนีไปก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

แม้ว่าจะเป็นการแลกกระบวนท่ากันสั้นๆ แต่เขาก็รู้ถึงความน่าเกรงขามของเผ่าปีศาจ

ชายคนนั้นอาจได้รับการพิจารณาว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของจอมยุทธ์เผ่าปีศาจในแดนเซิ่งยวนโบราณ เพียงแต่เขาไม่ทราบว่ามีจอมยุทธ์ปีศาจระดับนี้จำนวนเท่าใดที่เข้ามาในชั้นนี้

มู่เฉินดึงสายตากลับช้าๆ ก่อนจะเม้มปาก ดูเหมือนว่าครั้งนี้ไม่ใช่งานง่ายสำหรับเขาที่จะได้รับวิชาเจดีย์แปดองค์แล้ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท