หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1334

ตอนที่ 1334

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1334 ทักษะศพเทพ
“กราบศพเทพสามครั้ง!”

เมื่อเสียงแหบแห้งของซือเทียนโยวดังสะท้อน ทั่วบริเวณก็มืดลงพร้อมกับเสียงฮึ่มฮั่มปกคลุมท้องฟ้า ทำให้ผู้อื่นรู้สึกหวาดกลัวไปหมด

สายตาของมู่เฉินเคร่งเครียดลง ความกลัวเพิ่มขึ้นในหัวใจ กระทั่งเขายังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความตายจากการโจมตีของซือเทียนโยวครั้งนี้

ถ้าเขาตอบโต้ได้ไม่ดีละก็ คงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แน่เลย

“เผ่าปีศาจแปลกประหลาดแท้จริง”

มู่เฉินสูดหายใจลึก ก่อนที่มือทั้งสองจะประสานกัน แสงสีม่วงทองรวมตัวกันในร่างเทพสุริยะนิรันดร์พร้อมกับลวดลายโบราณปรากฏขึ้น

ลวดลายเหล่านี้แยกออกมาจากร่าง ซึ่งราวกับมังกรสีม่วงทองโคจรรอบร่างเทพสุริยะนิรันดร์ เปล่งความเป็นอมตะ

สายตาทั่วฟ้าดินพุ่งไปยังแท่นบูชา พวกเขารู้ชัดเจนว่ากระบวนท่านี้จะเป็นตัวตัดสินผลลัพธ์ของสนามรบทั้งหมด

ดวงตาขาวโพลนน่าขนพองสยองเกล้าของซือเทียนโยวจ้องมองมู่เฉิน ก่อนที่รอยยิ้มโหดจะโค้งขึ้นบนริมฝีปาก จากนั้นเขาก็คุกเข่าไปในทิศทางของมู่เฉิน

“กราบศพเทพสามครั้ง คำนับหนึ่ง—ถอนชีวิต!”

ขณะที่ซือเทียนโยวคุกเข่า ร่างยักษ์ที่อยู่ด้านหลังก็ก้มศีรษะลงไปในทิศทางของมู่เฉิน

จังหวะที่ร่างยักษ์ลดศีรษะลง รัศมีความตายที่ไม่อาจอธิบายได้ก็พุ่งออกมาราวกับพายุ ในเส้นทางรัศมี พลังชีวิตทั้งหมดถูกแย่งชิงไปหมด

แม้แต่ชั้นฟ้าและชั้นดินก็เปลี่ยนเป็นสีเทาดำ ไม่มีชีวิตชีวาอีกต่อไป

ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์มหาพันภพหรือเผ่าปีศาจต่างมิติ แต่ละคนก็เริ่มถอยหนีเมื่อเห็นรัศมีความตายที่แผ่กระจายออกไปพร้อมกับความกลัวเพิ่มขึ้นในดวงตา

บางคนที่หนีช้าได้รับผลกระทบจากรัศมี พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่กรีดร้อง ก่อนที่ร่างกายจะกลายเป็นโครงกระดูกทันที

ชิงซวงและชิงหลิงถอยกลับอย่างรวดเร็ว ความตกใจกลัวพล่านในแววตา พวกนางไม่เคยคิดมาก่อนว่าการโจมตีของซือเทียนโยวจะน่ากลัวขนาดนี้

การโจมตีดังกล่าวสามารถเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมแท้จริงในมหาพันภพได้เลยทีเดียว!

เมื่อพวกนางมองไปที่มู่เฉิน ดวงตาก็กะพริบด้วยความกังวล ขนาดพวกนางที่โดนแค่คลื่นกระทบปลายๆ ยังอยู่ในสภาพเช่นนี้จากรัศมีความตาย ดังนั้นสามารถจินตนาการได้ว่ามู่เฉินกดดันแค่ไหน

“มู่เฉิน สู้ๆ นะ!”

เวลานี้พวกนางทำได้เพียงภาวนาในใจ

ขณะที่ทุกคนถอยร่นหนี รัศมีความตายก็กวาดเข้ามาที่เบื้องหน้ามู่เฉิน ภายใต้การห่อหุ้มของรัศมีความตายผิวของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นสีเทาขี้เถ้าอย่างรวดเร็ว เนื้อเริ่มแห้ง พลังชีวิตหมดลงอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าเขาจะพยายามปกป้องตัวเองด้วยคลื่นหลิงอย่างไร ก็ไม่สามารถต่อต้านการรุกรานของรัศมีแห่งความตายได้

ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลง ด้วยความเร็วนี้คงใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่พลังชีวิตทั้งหมดของเขาจะหมดลง

การโจมตีของซือเทียนโยวน่าสยดสยองจริงๆ!

ฮา

ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ มู่เฉินก็สูดหายใจเข้าลึก แสงกะพริบวูบไหวในดวงตาก่อนที่เขาจะคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่อยู่ใต้เท้าก็ระเบิดแสงสีม่วงทองกว้างใหญ่นับไม่ถ้วน

“ศพเทพของแกช่วงชิงชีวิตได้ แต่ข้าก็ได้รับการปกป้องจากความเป็นอมตะ!”

รหัสเทพอมตะครางกระหึ่ม ห่อหุ้มร่างมู่เฉินไว้ เมื่อมองจากระยะไกลก็ราวกับก่อตัวเป็นรังไหมสีม่วงทองปกป้องมู่เฉินจากภายใน

แม้โลกจะถึงจุดจบ แต่ข้าก็เป็นอมตะ!

แกจะช่วงชิงพลังชีวิตของผู้เป็นอมตะได้อย่างไร?

รัศมีความตายสีเทาดำกวาดไปที่รังไหมสีม่วงทองอย่างต่อเนื่อง แต่รังไหมก็ตั้งมั่นคงราวกับศิลา

“เขาสกัดไว้ได้จริงๆ!”

เมื่อจอมยุทธ์เผ่าปีศาจเห็นภาพนี้ก็อุทานลั่น พวกเขารู้ชัดเจนว่ากระบวนท่านี้ทรงพลังเพียงใด จอมยุทธ์ที่อยู่ภายใต้ระดับราชันปีศาจที่ถูกคำนับพลังชีวิตจะถูกแย่งชิงกลายเป็นซากศพทันที

ต่อให้เป็นพวกเขาก็มีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่!

ทว่ามู่เฉินกลับสามารถต้านทานการคำนับได้จริงๆ จะไม่ให้พวกเขารู้สึกไม่อยากเชื่อได้อย่างไร

สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป ซือเทียนโยวก็หดดวงตาลง สถานการณ์นี้เกินความคาดหมายของเขาเช่นกัน ตอนแรกเขาคิดว่าแค่ใช้เพียงหนึ่งคำนับก็ยุติการต่อสู้นี้ได้แล้ว

แต่ความทนถึกของมู่เฉินเกินความคาดหมายของเขาจริงๆ!

“ไอ้ตัวปัญหา แต่ยังไงวันนี้แกก็ต้องตาย!”

แสงเย็นเยือกรวมตัวในดวงตาของซือเทียนโยว อึดใจร่างเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวพร้อมกับพลังชีวิตทั้งหมดในร่างหลั่งไหลเข้าไปในรัศมีศพที่น่ากลัว

“คำนับสอง—กลืนวิญญาณ!”

ซือเทียนโยวเงยหน้าขึ้น คำนับครั้งที่สองไปในทิศทางของมู่เฉิน

ร่างยักษ์ที่อยู่ด้านหลังก็คำนับลง อึดใจต่อมาแสงสีเทาขนาดหลายจั้งก็พุ่งออกมาจากดวงตาของร่างยักษ์

แสงสีเทาฉีกขาดมิติปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้ามู่เฉินในทันที

มู่เฉินเตรียมพร้อมไว้แล้ว รหัสเทพอมตะระเบิดออกก่อนที่จะรวมกันก่อร่างเป็นแนวป้องกันแข็งแกร่ง ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าลำแสงสีเทา

แม้ว่าลำแสงนั่นจะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่เหมือนก่อนหน้า แต่มู่เฉินกลับสัมผัสได้ถึงรัศมีความตายที่หนาแน่นยิ่งกว่า เขาไม่สงสัยเลยว่าหากโดนลำแสงนั่นสัมผัสเข้า เขาจะสิ้นชีพทันที

ชี่!

ทว่าครั้งนี้รหัสเทพอมตะพังทลายลงทันทีเมื่อสัมผัสกับลำแสงสีเทา แนวป้องกันทรงพลังไม่สามารถสกัดไว้ได้!

ร่างมู่เฉินทะยานถอยห่างอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกันรหัสเทพอมตะที่ไม่มีที่สิ้นสุดก่อตัวขึ้น พวกมันบินเข้าหาลำแสงสีเทาพยายามที่จะทำให้หมดลงให้มากที่สุด

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับปราการของมู่เฉิน ลำแสงสีเทาก็ไม่มีทีท่าว่าหมดลงแม้แต่ชุ่นเดียว!

“ค่ายกลเพลิงทะยาน!”

ค่ายกลที่เขาจัดเตรียมไว้ถูกกระตุ้นทันที ร่างยักษ์เพลิงขนาดมหึมาปรากฏตัวขึ้น แต่เมื่อหมัดสัมผัสกับลำแสงสีเทาก็สลายหายไปในทันที

เมื่อจอมยุทธ์มหาพันภพเห็นว่ากระบวนท่าของมู่เฉินไม่สามารถปิดกั้นลำแสงสีเทาได้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป หนังหัวชาหนึบ

“มู่เฉิน!”

ชิงซวงและชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่นพร้อมกับใบหน้าซีดเซียวลง

ถอยๆๆๆ!

มู่เฉินถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่ลำแสงสีเทาก็ไล่ตามมาติดๆ มิหนำซ้ำยังเร่งความเร็วมากขึ้น ทำเอาผมลุกชันพร้อมกับความรู้สึกถึงตายห่อหุ้มในหัวใจ

เขาถอยต่อไม่ได้แล้ว!

สายตาของมู่เฉินวูบไหวอึดใจก็ตะโกนเรียก “เจดีย์พุทธะ!”

แสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกจากดวงตา เจดีย์ผลึกใสก็ทะยานออกมา

อ็อก!

เขากัดลิ้นเลือดกลั่นไหลออกมาจากปากพ่นลงบนเจดีย์ หลังจากเสียเลือดไปบางส่วนใบหน้าของมู่เฉินก็ซีดลง ชัดว่าสิ่งนี้ทำให้ร่างกายเขาเสียหายพอสมควรเลยทีเดียว

แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถใส่ใจเรื่องนี้ได้ เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าในลำแสงสีเทามีพลังงานแปลกประหลาดซึ่งสามารถลบล้างสติของเขาได้ในทันที ถ้าเขาสัมผัสกับมันสติก็จะถูกลบ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็จะไม่ต่างอะไรจากหุ่น

ส่วนเจดีย์พุทธะมีความสามารถในการปิดผนึก ทำให้สติของเขาสงบลงได้อีกครั้ง ดังนั้นเขาต้องพึ่งพามันอย่างเดียวในขณะนี้!

เมื่อเลือดกลั่นของมู่เฉินกระจายลงบนเจดีย์พุทธะ แสงไม่มีที่สิ้นสุดก็ระเบิดออก ความผันผวนศักดิ์สิทธิ์ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่เจดีย์จะทะยานออกไปปะทะกับลำแสงสีเทา

เคร้ง!

ทันทีที่ชนกันเสียงคมชัดก็ดังขึ้น แต่คราวนี้ลำแสงสีเทาที่ไม่สามารถขัดขวางได้ก็หยุดลง หลังจากการปะทะกันสั้นๆ ลำแสงสีเทาก็สั่นสะเทือนก่อนที่จะแตกสลายลง

เจดีย์พุทธะก็ดูราวกับว่าได้รับผลกระทบอย่างหนัก มันพุ่งกลับไปสถิตในดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นก็มีเลือดหยดลงมาจากมุมดวงตาจนดูน่ากลัวอย่างยิ่ง

“มันรับไว้ได้อีกแล้ว…”

พวกแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ขณะที่มองมู่เฉินด้วยแววตาหวาดกลัว

ทักษะกราบศพเทพสามครั้ง คำนับหนึ่ง-ถอนชีวิต คำนับสอง-กลืนวิญญาณ พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่อยู่ภายใต้ขอบเขตของราชันปีศาจรอดมาได้ถึงสองครั้ง

แต่ภาพนี้ก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาแล้ว!

บนแท่นบูชามู่เฉินค่อยๆ เช็ดเลือดออกจากมุมหางตา สีหน้าที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงก็เครียดลงหลายส่วน ผ่านศึกเป็นตายในชีวิตมาหลายครั้ง เขาไม่เคยรู้สึกเดินสู่ปากเหวความตายมาก่อนเหมือนครั้งนี้

ทักษะกราบศพเทพสามครั้งน่ากลัวและทรงพลังเกินไป!

“วิชานี่สามารถเทียบเคียงได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมแท้จริงแน่นอน! “

มู่เฉินหายใจเข้าลึก แม้ว่าเขาจะมีวิชาสามพิสุทธิ์ซึ่งเป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน แต่ร่างรองของเขายุ่งอยู่กับการจัดการกับศพราชันปีศาจ ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเขาได้ในขณะนี้

ใบหน้าของซือเทียนโยวซีดเซียวขณะจ้องไปที่มู่เฉิน โดยที่ผิวหน้ากระตุกไม่หยุด ก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “นับตั้งแต่ที่ข้าได้ฝึกฝนทักษะศพเทพ ก็ไม่เคยมีใครที่สามารถรับกระบวนท่าคำนับถึงสองครั้ง!”

“ตอนนี้มีแล้ว”

มู่เฉินพูดขณะที่พ่นเลือดออกจากปาก

ซือเทียนโยวเขม่นมองมู่เฉิน ตอนนี้ร่างเขาเหี่ยวแห้งจนเหมือนกับโครงกระดูก แต่ดวงตากลับยิ่งเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ

“ดังนั้นเพื่อแสดงความเคารพกับแกในฐานะคู่ต่อสู้ ข้าจะมอบความตายด้วยการคำนับที่สามให้”

เมื่อเสียงเย็นเยือกของซือเทียนโยวดังออกมา จอมยุทธ์มหาพันภพก็ตัวสั่นสะท้าน มู่เฉินเกือบจะไม่สามารถต้านทานคำนับทั้งสองได้ นี่ยังมีคำนับสามที่น่ากลัวกว่านั้นอีกเรอะ?! มู่เฉินจะรับไหวได้อย่างไร!

ถ้ามู่เฉินล้มเหลว ยังมีใครในที่นี่สามารถหยุดซือเทียนโยวจากการทำลายแท่นบูชาได้?

กระทั่งมั่วซินและเฉวียนหลัวยังเงียบไป หลังจากที่ได้เห็นคำนับทั้งสองแล้ว

ทว่าซือเทียนโยวไม่ได้สนใจความคิดพวกเขา สายตาของเขารวมอยู่ที่มู่เฉิน จากนั้นเนื้อทั้งหมดที่เหลืออยู่ในร่างกายก็หลอมละลายสลายไปเป็นพลังชีวิตก่อนที่จะเทไปที่ศพเทพที่อยู่ข้างหลัง

ยามนี้ซือเทียนโยวไม่ได้ต่างอะไรจากโครงกระดูกไร้เนื้อหนังแล้ว

สายตาจ้องเขม็งไปที่มู่เฉินจากระยะไกล จากนั้นก็หลับตาลดศีรษะลงเพื่อคำนับอีกครั้ง!

เสียงต่ำดังสะท้อนออกมาทั่วบริเวณ ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าหนังหัวด้านชาไปหมด

“คำนับสาม—ทำลายล้างสรรพสิ่ง!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท