บทที่ 1285 วิชาเจดีย์แปดองค์
“เจ้าสองคนเจอไอ้กาลกิณีคนนั้นแล้วใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม กู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูก็ตัวสั่นไหวขณะที่ผงกหัวหงึกหงัก
“แล้วทำไมไม่บอกข่าวนี้กับข้าก่อน” ชายหนุ่มถามเสียงนิ่ม
แต่เมื่อเผชิญกับน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าของกู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูก็ซีดเผือด ก่อนที่พวกเขาจะตอบอย่างขมขื่น “ตอนแรกพวกข้าสองคนคิดว่าจะจับมันก่อน ค่อยมอบให้กับประมุขน้อย นี่เป็นความผิดพลาดของพวกข้าที่ขาดความยั้งคิด โปรดอภัยให้พวกข้าด้วย”
ชายหนุ่มเคาะนิ้วที่หัวเข่าเบาๆ ขณะที่กวาดสายตามองทั้งสอง พวกเขาก็เหงื่อกาฬแตกพลั่ก เขาพูดช้าๆ ว่า “แม้ว่าเจ้าสองคนจะลงมือโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้าจะปล่อยเรื่องนี้ไปเพื่อเห็นแก่หน้าที่ติดตามกันมานาน สำหรับผู้อาวุโสใหญ่ข้าจะไปคุยให้เอง เพื่อได้ยกเว้นจากการลงโทษ”
“ขอบคุณประมุขน้อย!”
กู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูยินดีเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ต่างรีบแสดงความขอบคุณอย่างรวดเร็ว ความรู้คุณวูบไหวในดวงตา
“ข้าได้ยินมาว่าไอ้กาลกิณีนั่นก็ฝึกฝนเจดีย์พุทธะด้วยเช่นกันหรือ?” ชายชุดสีฟ้ายิ้มบาง
กู้ซือหวงพยักหน้า “ประมุขน้อย ไอ้เจ้านั่นมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม แม้จะเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่มันก็สามารถบีบให้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพน่าสมเพช จากการหยั่งเชิงมันจะต้องสร้างเจดีย์พุทธะได้แล้วแน่ มิเช่นนั้นมันไม่มีทางครอบครองคลื่นหลิงทรงพลังเช่นนี้ในฐานะจอมยุทธ์ตี้จื้อจุนขั้นปลายได้”
ชายชุดสีฟ้าอมเขียวยิ้มด้วยตาหรี่แคบลง “สมกับเป็นลูกชายของชิงเหยี่ยนจิ้งอย่างแท้จริง ไม่คิดว่าแม้จะไม่มีทรัพยากรของเผ่า เขาก็สามารถมาได้ไกลขนาดนี้”
เหลียงเสียหยูตอบด้วยความเกลียดชัง “แม้ว่าไอ้กาลกิณีนั่นจะมีความสามารถ แต่มันก็คล้ายกับหิ่งห้อยเมื่อเทียบกับดวงจันทร์สุกใสแบบประมุขน้อย”
“นั่นแน่นอน ประมุขน้อยเป็นอัจฉริยะพันปีของเผ่าฝูถู ในอนาคตท่านจะได้ปกครองเผ่า มู่เฉินต้องดูหม่นแสงเมื่อเทียบกับท่าน” กู้ซือหวงพยักหน้าหงึกหงักขณะที่ตอบรับแบบพินอบพิเทา
ขณะที่พูด กู้ซือหวงก็หยุดลังเลชั่วครู่ “แต่ตอนที่พวกข้าต่อสู้กับมัน ข้าพบว่ามันมีร่างรองสองร่างที่มีการฝึกฝนเหมือนกับร่างหลักเปี๊ยบ ซึ่งยากมากที่จะจัดการ ข้าเกือบตายเพราะตั้งตัวไม่ทัน”
“ร่างรองสองร่างที่มีพลังพอกับร่างหลักเหรอ?”
ดวงตาของชายชุดสีฟ้าอมเขียวกะพริบ เขาครุ่นคิดอยู่นานก่อนที่การแสดงออกจะกลายเป็นความหวั่นไหว “หรือจะเป็น…วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน—วิชาสามพิสุทธิ์!”
จอมยุทธ์เทียนจื้อจุนชุดดำสีหน้าเปลี่ยนไปชั่วครู่ขณะพยักหน้า “ร่างดวงจิตธรรมดาที่สร้างจากพลังงานหลิงสามารถครอบครองพลังหนึ่งส่วนสิบของร่างหลักได้เท่านั้น หากต้องการครอบครองโดยสมบูรณ์จะต้องเป็นวิชาสามพิสุทธิ์ในตำนานเท่านั้น”
“แต่วิชาสามพิสุทธิ์สูญหายไปนานแล้ว ข้าไม่คิดว่าไอ้เด็กกาลกิณีจะมีโชคลาภที่น่าตกใจเช่นนี้”
ขณะพูดดวงตาของชายชุดดำก็เปิดเผยความโลภ วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่า น่าดึงดูดใจแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแบบเขา
“มีเพียงประมุขน้อยเท่านั้นที่คู่ควรที่จะได้รับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานทรงพลังเช่นนี้ ไอ้กาลกิณีนั่นจะครอบครองได้ยังไง?!” กู้ซือหวงพูดกระแทกกระทั้น พยายามยั่วยุชายชุดฟ้าอมเขียวให้แก้แค้นแทนพวกเขา
ทว่าชายชุดฟ้าอมเขียวยังคงมีสีหน้าสงบไม่ได้สั่นคลอนแต่อย่างใด “วิชาสามพิสุทธิ์ดึงดูดใจอย่างแท้จริง แต่ข้าไม่มีเวลาที่จะตามหาเขาตอนนี้”
ชายชุดดำพยักหน้าเช่นกัน “ประมุขน้อยพูดถูกต้อง แดนเซิ่งยวนใกล้เปิดแล้ว เรื่องสำคัญตอนนี้คือนายน้อยต้องดำเนินการอย่างสวยงามที่นั่น หากนายน้อยสามารถได้รับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดที่สูญหายมายาวนานของเผ่าเรา—วิชาเจดีย์แปดองค์ นายน้อยก็จะสามารถเอาชนะคู่แข่งคนอื่นได้ กลายเป็นประมุขคนต่อไป!”
“วิชาเจดีย์แปดองค์?!”
หัวใจของกู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูสั่นไหวขณะที่ร้องอุทาน “ใช่วิชาเจดีย์แปดองค์วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าใช่หรือไม่?”
ชายชุดฟ้าอมเขียวคลี่รอยยิ้มกล่าวว่า “มีอะไรที่ต้องตกใจ? วิชาเจดีย์แปดองค์เป็นวิชาของเผ่าเราอยู่แล้ว เพียงแค่บรรพบุรุษที่เป็นผู้สร้างได้จบชีวิตไปอย่างน่าเสียดายในการต่อสู้กับจอมปีศาจระดับเทียนของเผ่าปีศาจต่างมิติ ดังนั้นวิชาเจดีย์แปดองค์จึงหายไป ตลอดเวลานี้เผ่าพยายามค้นหา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ”
“แดนเซิ่งยวนเป็นสมรภูมิรบระหว่างมหาพันภพกับจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายจนแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็อาจตายแบบไม่เหลือซากหากพวกเขาประมาท”
ชายชุดดำถอนหายใจ “น่าเสียดายที่ดินแดนนั่นมีแรงปฏิเสธทรงพลังเกินไป ที่นั่นเป็นจุดตัดระหว่างมหาพันภพและเผ่าปีศาจต่างมิติ ดังนั้นหากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเข้าไปก็จะทำให้เกิดความปั่นป่วน หากไม่ระวังก็อาจจะถูกโยนไปยังดินแดนของเผ่าปีศาจได้”
เมื่อกู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูได้ยินประโยคเหล่านั้นร่างกายก็สั่นเทิ้ม แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็อาจจะตายอย่างช้าๆ หากถูกโยนเข้าไปในดินแดนของเผ่าปีศาจและหากไปดึงดูดความสนใจจากระดับราชันปีศาจเข้าละก็ งานนี้คงถึงวาระแน่นอน
“ในเผ่าตอนนี้ประมุขน้อยคนอื่นก็กำลังเตรียมเข้าสู่แดนเซิ่งยวน ชัดว่าเป้าหมายของพวกเขาก็คือวิชาเจดีย์แปดองค์ หากพวกเขาได้รับไป กระทั่งนายน้อยก็จะตกเป็นเบื้ยล่างทันที”
ขณะที่พูดชายชุดดำก็มีสีหน้าเคร่งเครียด เพราะเขารู้ว่าผลที่ตามมาน่ากลัวขนาดไหน
กู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูพยักหน้า เมื่อเปรียบเทียบกับสถานะประมุขน้อยของพวกเขาแล้ว การจัดการกับไอ้ตัวกาลกิณีหยุดวางไว้เฉยๆ ก่อนได้
“แต่ถึงแม้ตอนนี้เราจะวางความสนใจไว้กับเรื่องแดนเซิ่งยวน เราก็คงยังต้องใส่ใจกับการเคลื่อนไหวของไอ้กาลกิณีนั่น ข้าสนใจวิชาสามพิสุทธิ์ในตำนานมากเลยทีเดียว” ชายชุดฟ้าอมเขียวยิ้มบางขณะที่พูดต่อ
“ถ้าข้าสามารถได้รับทั้งวิชาเจดีย์แปดองค์และสามพิสุทธิ์ แม้ในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ข้าก็สามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้”
พลังอำนาจของวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าสองวิชาเป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการนัก
“นายน้อยความคิดหลักแหลมนัก มีเพียงท่านเท่านั้นที่ควรค่าแก่สมบัติเช่นนี้ สำหรับไอ้กาลกิณีนั่นมันเป็นโชคลาภที่ท่านใช้ผ่านมันไป” กู้ซือหวงรีบเอ่ยทันที
ชายหนุ่มชุดฟ้าอมเขียวยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ส่งคนเกาะรอยไอ้กาลกิณีนั่นไว้ หลังจากการเดินทางเพื่อไปยังแดนเซิ่งยวนเสร็จเรียบร้อย ข้าจะเดินทางไปเยี่ยมเขาเป็นการส่วนตัว”
“ถ้าเขายอมส่งวิชาสามพิสุทธิ์มาให้ดีๆ ข้าก็อาจช่วยเขาพูดกับผู้อาวุโสใหญ่ให้หน่อย”
“แน่นอนว่า ที่สำคัญถ้าสามารถจับเขาเป็นลูกไก่ในกำมือ บางทีอาจใช้เป็นไพ่ในการรับมือกับชิงเหยี่ยนจิ้งได้ด้วย ถึงตอนนั้นถ้าสามารถดึงให้นางมาสนับสนุนฝั่งเรา กำลังของเราก็มากกว่าเพียงพอแล้ว”
ชายชุดดำพยักหน้าขณะที่พูดต่อ “แม้ว่าชิงเหยี่ยนจิ้งจะถูกจองจำมานานหลายปี แต่ก็ยังมีผู้สนับสนุนเบื้องหลัง ดังนั้นพลังของนางจึงไม่สามารถประมาทได้ หากเราสามารถทำให้พวกเขาเอนเอียงมาทางเรา ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับพวกเรา”
ชายหนุ่มชุดฟ้าอมเขียวพยักหน้ามองเข้าไปในความลึกของหมู่เมฆด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ดูเหมือนว่าไอ้กาลกิณีนั่นจะเป็นดาวนำโชคของข้านะ”
ในคุกมืดมิด
มู่เฉินมองหญิงสาวที่เรียบเย็นก็รู้สึกโล่งใจ มองจากท่าทางแล้วหลิงซียังดูดีเลยทีเดียว
หลิงซีเงยหน้าขึ้นมองไปที่ชายหนุ่ม ช่วงเวลาสั้นๆ รอยยิ้มกว้างยินดีปรีดาก็เผยบนริมฝีปากของนาง
เมื่อเทียบกับในอดีตมู่เฉินเติบโตขึ้นเป็นชายชาตรีอย่างสมบูรณ์ ความอ่อนโยนหายไปแทนที่ด้วยหัวใจที่มั่นคงซึ่งไม่อาจสั่นไหว
เขายังคงดูหล่อเหลาแต่ก็มีเสน่ห์ของชายเต็มวัยขึ้นมาเล็กน้อย
มองไปที่มู่เฉิน รอยยิ้มของหลิงซีก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ชายหนุ่มเพิ่งเริ่มโตในอดีต…กลายเป็นคนที่ยืนหยัดเผชิญหน้ากับโลกใบนี้ได้แล้ว
เขาไม่ต้องการการปกป้องของนางอีกต่อไปและไม่ต้องการให้ท่านน้าจิ้งเป็นห่วงอีกแล้ว
นางเข้าใจดีถึงเรื่องนี้ตั้งแต่เห็นว่าเขาก้าวย่างอย่างไม่กลัวเกรงมาที่เกาะหัวใจหยกนี้ ชายหนุ่มเติบโตจนถึงจุดที่เขาไม่กลัวพายุร้ายใดอีกต่อไป
“ท่านน้าจิ้ง… ในที่สุดมู่เฉินก็เติบโต ท่านสามารถปลดภาระได้แล้ว ข้าเชื่อว่าไม่นานจากนี้เผ่าฝูถูก็ไม่สามารถใช้เขาเพื่อขู่ท่านได้อีกต่อไป”
“พี่หลิงซี”
มู่เฉินมองหลิงซีด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนที่จะสะบัดแขนเสื้อกระแทกฝ่ามือไปที่คุก พยายามจะทำลาย
ฮึ่ม
ทว่าคุกก็ยังคงยืนอย่างมั่นคง
“เอ่อ”
มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะมองด้วยความประหลาดใจ ในเวลานี้เขาก็ตระหนักว่าคุกนี้สร้างจากค่ายกล ตัดสินจากระดับไม่ได้อ่อนไปกว่าค่ายกลที่ปกป้องเกาะเลย
มู่เฉินเกาหัวอย่างเงอะงะ ดูเหมือนว่าความพยายามของเขาที่จะทำตัวเท่ล้มเหลวแล้ว
คิก คิก
ลั่วหลีไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะได้ขณะที่ยืนข้างหลัง แม้แต่หลิงซีก็เม้มปากแน่นแล้วส่งยิ้มให้ จากนั้นนางก็วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ความผันผวนของคลื่นหลิงที่เกิดจากใต้ดินเริ่มหายไป
“หลิงซี ที่แท้เจ้าก็สามารถควบค่ายกลนี้ได้แล้ว!” หลงเซี่ยงอดอึ้งไปไม่ได้เมื่อเห็นภาพนี้
“ค่ายกลที่นี่เป็นสิ่งที่น้าจิ้งตั้งขึ้นเอง ดังนั้นข้าจึงสามารถควบคุมได้โดยธรรมชาติ หลังจากอยู่ที่นี่มาสามปี ดังนั้นแม้ว่าพวกเจ้าจะไม่มา กู้ซือหวงก็ทำอะไรข้าไม่ได้” หลิงซียิ้มบาง
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ทั้งสามคนก็แลกเปลี่ยนสายตากันก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น
มองแต่ละคนที่จนคำพูด หลิงซีก็ยิ้ม “แต่พี่สาวก็ยังคงมีความสุขที่มู่เฉินมาช่วยนะ”
รอยยิ้มของนางช่างมีเสน่ห์มาจากส่วนลึกของหัวใจ
“แต่…ดูเหมือนว่าเจ้าจะโชคดีที่มาที่นี่”
หลิงซีมองมู่เฉินที่ดูงงงวย ก่อนที่มือนางจะแตะเบาๆ บนหินสีดำเหมือนกระจกเรียบที่ส่องแสงประหนึ่งดวงดาว
ประโยคต่อมาของนางทำให้ดวงตามู่เฉินเบิกกว้าง
“เพราะ…มีของขวัญจากน้าจิ้งทิ้งไว้ให้เจ้าที่นี่”