หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1348

ตอนที่ 1348

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1348 คะแนนสังหารปีศาจ
ในตำหนักหมื่นพัน

เมื่อกลุ่มจากเผ่าฝูถูจากไป บรรยากาศตึงเครียดก็หายไป มือสังหารปีศาจหลายคนรู้สึกโล่งใจ หากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเหล่านั้นต่อสู้ที่นี่จริงๆ พวกเขาคงต้องรับลูกหลงกันอลหม่านแน่นอน…

คลื่นหลิงลุกโชนรอบร่างชื่อเหยียนก็ถอยกลับ ก่อนที่เขาจะหันมามองมู่เฉินจากนั้นก็หัวเราะเบาๆ ส่งให้ลู่ทงเอ่ยล้อเล่นว่า “ไม่คิดว่าวังมหาพันภพจะยอมรับฐานะของเขา นั่นหมายความว่ามู่เฉินจะกลายเป็นราชันสังหารปีศาจตัวจ้อยร่อยที่สุดในประวัติศาสตร์แล้วล่ะสิ?”

โดยทั่วไปผู้ที่สามารถขึ้นเป็นราชันสังหารปีศาจจะต้องสามารถเผชิญหน้ากับจอมปีศาจระดับเทียนได้ ทว่าดูอย่างไรมู่เฉินก็ยังห่างไกลจากสิ่งนั้น…

ลู่ทงมองไปที่ชื่อเหยียน ก่อนที่จะหันไปมองมู่เฉิน “ตามข้ามา”

ท่าทางที่แสดงออกบ่งบอกว่าเขามีบางอย่างอยากจะพูดกับมู่เฉิน

มู่เฉินพยักหน้าจากนั้นก็ประสานมือให้แม่เฒ่าเหอตระกูลเวินเพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือจากนั้นก็รีบเดินตามลู่ทงไป

เดินตามเข้าไปในพื้นที่ภายในของตำหนักหมื่นพัน เมื่อมาถึงในห้องโถงลู่ทงก็หันกลับมามองไปที่มู่เฉิน จากนั้นก็พูดว่า “มู่เฉิน แม้ว่ากองบัญชาการใหญ่จะยอมรับตัวตนของเจ้าในฐานะราชันสังหารปีศาจ…”

“แต่เนื่องจากขุมพลังที่มี ทางวังไม่อาจมอบอำนาจที่เหมาะสมกับเจ้าในฐานะราชันสังหารปีศาจได้”

มู่เฉินไม่แปลกใจกับเรื่องนี้จึงพยักหน้ารับ เขาไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นจึงไม่คิดว่าฐานะราชันสังหารปีศาจที่ได้มาโดยบังเอิญจะสามารถปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของพีระมิดได้และมีอำนาจในการระดมพลของวังมหาพันภพ…

วังมหาพันภพมีรากฐานที่ลึกซึ้งและโครงสร้างของอำนาจชัดเจน ราชันสังหารปีศาจจะมีอำนาจและสถานะที่ยิ่งใหญ่ ถ้ามู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทางวังคงอ้าแขนต้อนรับเขาอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเกือบเต็มเท่านั้น

ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเพลิดเพลินไปกับอำนาจของราชันสังหารปีศาจในวังมหาพันภพ หากเขาดึงดันจะเอามาให้ได้ก็อาจดึงดูดปัญหาเข้ามาแทน

ท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครยอมฟังคำสั่งของราชันสังหารปีศาจที่มีพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มหรอก

“เจ้ายอมรับสิ่งนี้ได้รึ?” เมื่อเห็นมู่เฉินพยักหน้าแบบสบายๆ ลู่ทงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

มู่เฉินยิ้ม “ข้าเข้าใจการกระทำของวังมหาพันภพ ถ้าข้าต้องฝืนตัวเป็นราชันสังหารปีศาจละก็ คงต้องยอมขายหน้าตัวเองเท่านั้น”

ดวงตาของลู่ทงเป็นประกายด้วยความชื่นชม แม้ว่ามู่เฉินจะอายุน้อย แต่ก็ไม่ได้เย่อหยิ่งและรู้ว่าควรยืนอยู่ที่ไหน เขารู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ

“แต่อย่าเศร้าไป แม้ว่าเจ้าจะไม่มีอำนาจเต็มของราชันสังหารปีศาจ แต่สถานะก็ได้รับการยอมรับแล้ว หากใครคิดจะลองดี พวกเขาก็ต้องมองหน้าวังมหาพันภพบ้าง”

“นอกจากนี้เมื่อเจ้ามีพลังมากพอในอนาคตและยอมมาที่วังมหาพันภพ เราก็จะมอบอำนาจเต็มของราชันสังหารปีศาจให้เจ้าได้ทุกเมื่อ” ลู่ทงกล่าว

“ขอบคุณเจ้าตำหนักลู่” มู่เฉินประสานมือพลางยิ้ม เขาไม่ได้ไม่พอใจกับการตัดสินใจของวังมหาพันภพ นอกจากนี้เขายังรู้สึกขอบคุณที่พวกเขาช่วยเขาออกจากสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อได้

ลู่ทงยิ้ม “นอกจากนี้แม้ว่าสถานะของเจ้ากลายเป็นธรรมดาไป แต่คะแนนของเจ้าเป็นของแท้นะ…”

มู่เฉินอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่ความสุขจะกระจายในนัยน์ตา “ท่านลู่ทงหมายถึงข้าสามารถใช้คะแนนสังหารปีศาจเหล่านั้นได้เหรอ?”

คะแนนสังหารปีศาจของวังมหาพันภพสามารถใช้เพื่อแลกเปลี่ยนได้หลายอย่าง เช่นอาวุธมหสวรรค์ ร่างเทห์สวรรค์ ยาอายุวัฒนะหรือแม้แต่วิทยายุทธเทพที่ไม่มีใครเทียบได้

เมื่อครู่มู่เฉินกังวลว่าฐานะราชันสังปีศาจที่มาจากอุบายเล็กน้อยจะทำให้คะแนนสังหารปีศาจของเขาไม่มีประโยชน์ แต่เมื่อตัดสินจากคำพูดของลู่ทง เขาสามารถใช้แลกเปลี่ยนเป็นสมบัติได้

มองไปที่ท่าทางมู่เฉินที่ลิงโลด ลู่ทงก็ยิ้มพลางพยักหน้าก่อนที่จะเดินลึกเข้าไปในห้องโถง “ตามมา”

ความยินดีกระจายบนใบหน้ามู่เฉิน เขาพุ่งตัวติดตามไปอย่างรวดเร็ว

เดินตามลู่ทงผ่านโถงหลายห้องก็มาถึงคลัง ลู่ทงสะบัดมือแสงหลิงที่พร่างพราวก็กำจายจากประตูทองแดง ก่อนที่จะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังออกมาขณะที่ค่อยๆ เปิดออก

เมื่อประตูเปิดออกแสงระยิบระยับก็พุ่งเข้าสู่ดวงตาของมู่เฉิน

เขาเพ่งมองออกไปก็อดไม่ได้ที่จะหายใจลึก เขาเห็นลูกแสงจำนวนมหาศาลในคลังขนาดใหญ่ ลูกแก้วแสงเหล่านี้ทุกลูกเปล่งประกายแวววาว บอกว่าของที่อยู่ในนั้นจะต้องมีความพิเศษ

“สมกับเป็นวังมหาพันภพ”

มู่เฉินมองไปที่สมบัติในคลังก็ชื่นชมวังมหาพันภพที่สมกับเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจชั้นยอดอย่างแท้จริง แค่ตำหนักเดียวยังมีสมบัติมากมายขนาดนี้ รากฐานนี้ไม่ใช่สิ่งที่ขั้วอำนาจธรรมดาจะสามารถแข่งขันได้

ลู่ทงเดินนำมู่เฉินเข้ามาด้วยยิ้ม “ลูกแก้วแสงมีราคา ตราบใดที่เจ้ามีคะแนนเพียงพอ ก็สามารถแลกเปลี่ยนได้ตามต้องการ”

สายตาของมู่เฉินร้อนแรง ก่อนที่จะเดินขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว สายตากวาดไปยังลูกแก้วแสงทีละลูก

“อาวุธมหสวรรค์ขั้นสูง หอกเพลิงสวรรค์คะแนนสังหารปีศาจแปดร้อยคะแนน”

“วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็ม ดัชนีแสงดาว หนึ่งพันหนึ่งร้อยคะแนน”

“ร่างพฤกษาพันปี อันดับสามสิบเก้าของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง หนึ่งพันสามร้อยคะแนน”

“…”

ลูกแก้วแสงทุกลูกบรรจุด้วยสมบัติล้ำค่า ทำให้มู่เฉินถอนหายใจด้วยความชื่นชม แต่ระดับปัจจุบันของเขาอาวุธมหสวรรค์หรือวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็มนั้นไร้ประโยชน์ไปแล้ว

“ท่านลู่ทงมีที่ดีกว่านี้มีหรือไม่ขอรับ?” มู่เฉินถาม

ลู่ทงยิ้มก่อนที่จะชี้ไปทางซ้าย “อาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบยอดเยี่ยมส่วนใหญ่อยู่ที่นั่น ข้ารู้สึกว่าเหมาะสำหรับเจ้านะ”

พูดโดยทั่วไป อาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมมีไว้สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ดังนั้นอาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบยอดเยี่ยมจึงเป็นอาวุธที่ดีที่สุดสำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังที่อยู่ต่ำกว่าระดับเทียนจื้อจุนจะรับได้

มู่เฉินเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เนื่องจากตัวเขาสนใจอาวุธเสมือนมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมอยู่บ้าง หลังจากพลังงานของกระบี่เกล็ดจักรพรรดิหมดลงแล้ว ดังนั้นเขาต้องการวัตถุที่สามารถใช้ได้

เขาหยุดลงที่เบื้องหน้าลูกแก้วแสงขนาดเท่าศีรษะ มองเห็นแส้สีดำลอยอยู่ข้างในช้าๆ แส้ถูกปกคลุมไปด้วยหนามแหลมขณะที่เปล่งประกายความมืดมิดและหนาวเหน็บออกมา ทุกส่วนของแส้ถูกสลักด้วยลวดลายโบราณที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อเคลื่อนไหว

“หืม?” มู่เฉินอุทานเมื่อได้เห็นแส้สีดำ เขารู้สึกถึงความคุ้นเคยเบาบางออกมาจากมัน

“นี่คือแส้ประสานเทพเป็นอาวุธเสมือนมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยม ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากกิ่งก้านของดอกแมนดาลาโบราณและระดับที่ดอกแมนดาลาอยู่นั้นบรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้ว” ลู่ทงอธิบาย

“ที่แท้ก็ถูกสร้างขึ้นจากกิ่งก้านของดอกแมนดาลาโบราณนี่เอง” ตอนนี้มู่เฉินรู้แล้วว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับวัตถุนี้ แต่ของชิ้นนี้ยอดเยี่ยมมาก หากไปอยู่ในมือของมั่นถัวหลัวละก็ พลังทั้งหมดที่มีก็สามารถปลดปล่อยออกมา

หลังจากออกจากเมืองเซิ่งยวนแล้ว มู่เฉินตั้งใจจะกลับไปที่ทวีปเทียนหลัว ถึงยังไงตำหนักมู่ก็เพิ่งจะจัดตั้ง ในฐานะประมุขหากไม่กลับไปนาน อาจทำให้จิตใจของผู้ใต้บังคับบัญชาไม่มั่นคง ต่อให้มีมั่นถัวหลัวจัดการทุกอย่างอยู่ตลอดเวลาก็ตาม

แส้ประสานเทพนี้เขาจะใช้เป็นของขวัญสำหรับมั่นถัวหลัว เพราะยังไงนางก็ทำงานหนักเพื่อช่วยเขาดูแลตำหนักมู่

เมื่อดูราคาก็มีค่าสองพันคะแนนซึ่งพอรับได้ มู่เฉินหยิบป้ายสังหารปีศาจออกมา กวาดไปที่ลูกแก้ว แสงกะพริบวาบก่อนที่ลูกแก้วจะค่อยๆ ลอยออกมาและเขาก็โบกมือเก็บลงไป

หลังจากแลกเปลี่ยนแส้ประสานเทพ มู่เฉินก็ไม่หยุดมุ่งหน้าต่อไป อึดใจเขาก็เล็งไปที่วัตถุชิ้นอื่นอีกครั้ง

วัตถุนี้เป็นต่างหูวิจิตรงดงามเหมือนจะหลอมมาจากอัญมณีใสมีของเหลวสีมรกตห้อยอยู่ ซึ่งเป็นของเหลวที่ผิดแผกทำให้ต่างหูนี้ไม่ธรรมดา

“เจ้านี่ตาแหลม นี่คือแก่นหยกวิญญาณสวรรค์ ก่อตัวมาจากพลังงานหลิงตามธรรมชาติที่ถูกบีบอัดเป็นเวลายาวนาน การสวมใส่สามารถเพิ่มความเร็วในการเพาะบ่มพลัง นับได้ว่าเป็นสมบัติประเภทช่วยเหลือการฝึกฝน แต่สิ่งนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ดังนั้นจึงจัดเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบยอดเยี่ยมเท่านั้น” ลู่ทงอดไม่ได้ที่จะยิ้มหลังจากเห็นสายตาของมู่เฉิน

มู่เฉินตกอยู่ในภวังค์ความคิด แก่นหยกวิญญาณสวรรค์เหมาะสำหรับลั่วหลีนัก ตอนนี้นางเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น ถ้านางมีสิ่งนี้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการฝึกฝน

เมื่อมองไปที่ป้ายราคา เขาก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่ามีราคาถึงสามพันคะแนน ดูเหมือนว่าอุปกรณ์การเพาะบ่มราคาจะแพงกว่าปกติ

แต่มันไม่มีอะไรเลย เนื่องจากนี่เป็นของขวัญสำหรับลั่วหลี ดังนั้นเขาจึงแลกเปลี่ยนโดยไม่ต้องคิดมาก

“เจ้าหนุ่มจ่ายเพื่อซื้อรอยยิ้มจากสาวงามสินะ ลงทุนจริงๆ” ลู่ทงยิ้ม นี่เป็นของที่หญิงสาวใช้ การที่มู่เฉินจ่ายหนักเพื่อซื้อชัดเจนว่าสิ่งนี้คงมีไว้สำหรับคนรักของเขา

มู่เฉินยิ้มก่อนที่จะมองป้ายสังหารปีศาจ ตอนนี้เขาใช้คะแนนไปแล้วครึ่งหนึ่ง ทำให้เขาพูดไม่ออก คะแนนเท่านี้ไม่เพียงพอจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่เหล่ามือสังหารปีศาจจำนวนมากก็อยู่ที่แดนเซิ่งยวนเพื่อรับคะแนนสังหารปีศาจ…

“จากนี้มาดูกันว่าจะมีอาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบยอดเยี่ยมที่เหมาะกับข้าหรือไม่”

มู่เฉินครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็คาดหวังไว้ในใจ เดินมองลึกเข้าไปเป็นเวลานานก่อนที่จะหยุดสายตาลง

เขามองไปที่ลูกแก้วด้านข้างด้วยสายตาผิดแผกไป

นี่ไม่ใช่อาวุธมหสวรรค์ขั้นเกือบยอดเยี่ยม แต่เป็นของเหลวสีทองไหลวนอยู่ภายใน ระลอกคลื่นที่แปลกประหลาดเล็ดลอดออกมา

“นี่มัน…”

มู่เฉินดวงตาหดลงก่อนที่ความอัศจรรย์ใจจะปีนขึ้นในนัยน์ตา

“ของเหลววัชระทำลายวิญญาณ?”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท