หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1366

ตอนที่ 1366

ครืนๆๆๆ!

เจดีย์ขนาดใหญ่ทอดตัวลงมา เงาก็ทอดเหนือที่ราบเป่ยยู่ ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความกลัวขณะมองเจดีย์ พวกเขารู้สึกได้ถึงความผันผวนน่ากลัวที่แผ่ซ่านออกมา

ขณะนี้จอมยุทธ์สามคนที่ยืนอยู่บนร่างเวทสวรรค์ได้ถูกดึงเข้าไปในเจดีย์ หายวับไปกับตา

ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากัน ชัดว่าฉากนี้เกินความคาดหมายนัก

“ที่มู่เฉินทำคืออะไร? เจดีย์ผลึกแก้วนั่นดูเหมือนจะไม่ใช่อาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยม…”

“ไม่ว่าเขาจะทำอะไร วันนี้เขาคิดจะเอาชนะสามผู้นำด้วยตัวเองจริงๆ หรือไง!”

“เป็นไปได้ยังไง…”

“ช่างเป็นการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์…”

“…”

เสียงกระซิบดังก้องที่ราบเป่ยยู่ แต่มีไม่กี่คนที่มองในแง่ดีสำหรับมู่เฉิน เพราะการสู้แบบหนึ่งต่อสามเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อยิ่งนัก

ทว่าพวกมั่นถัวหลัวไม่ได้ใส่ใจมากเกี่ยวกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่เจดีย์ผลึกใส พวกเขารู้ดีว่าเมื่อมู่เฉินนำเจดีย์ออกมา ผลลัพธ์ก็น่าจะใกล้กำหนดแล้ว…

ภายในเจดีย์

ผลึกคลื่นหลิงกวาดพายุออกมา โดยมีเงาขนาดใหญ่สามร่างยืนอยู่ เจ้าเมฆาม่วง เจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทองกำลังมองเจดีย์ขนาดมหึมาด้วยสายตาตกใจและประหลาดใจ

“หึ ไอ้เวร เวลานี้แล้วยังจะมาเสแสร้งอีกเรอะ?” เจ้าเมฆาม่วงมองไปยังมู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนที่เค้นเสียงอย่างเย็นชา

เจ้าภูเขาเหลยยิงพยักหน้า “ประมุขมู่ทำไมต้องขัดขืน? แค่พาสมาชิกตำหนักมู่ออกจากที่ราบเป่ยยู่ พวกข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”

มู่เฉินมองไปที่ทั้งสามคนก็กอดอกพลางยิ้ม “ทำไม? กลัวแล้วเหรอ?”

“ตลกร้ายแล้ว” เจ้าเมฆาม่วงเยาะเย้ย

“วาจาใหญ่โตจริง” เจ้าอินทรีทองถากถาง

“ร่วมมือกันทำลายเจดีย์นี้!” เจ้าภูเขาเหลยยิงตะเบ็งเสียง ไม่รู้เพราะเหตุใดเจดีย์นี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นควรออกไปก่อนดีกว่า

เจ้าเมฆาม่วงและเจ้าอินทรีทองพยักหน้า แม้ว่าพวกเขาจะดูหมิ่นทางวาจา แต่ในใจลึกๆ พวกเขาก็ยังหวาดผวาเกี่ยวกับเจดีย์นี้ เพราะพวกเขารู้ว่ามู่เฉินจะไม่นำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ออกมา ในเมื่อเขาก่อความวุ่นวายใหญ่โตเพื่อนำเจดีย์ออกมา ดังนั้นเขาต้องมีวิธีการบางอย่างแน่

ตู้ม!

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพรั่งพรูออกมาจากร่างเวทสวรรค์ ขณะที่หมอกหลิงควบแน่น พลังงานก้อนใหญ่พุ่งเข้าใส่ผนังของเจดีย์

เมื่อเห็นภาพนี้มู่เฉินก็วาดตราประทับผนึกด้วยฝ่ามือข้างเดียว

เจดีย์เริ่มสั่นสะเทือน พลังงานผลึกปกคลุมผนังของเจดีย์เพื่อต้านทานการโจมตีจากทั้งสาม

หลังจากที่เร้าการป้องกันของเจดีย์ มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ผนังก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาสร้างตราประทับขึ้นพร้อมกับภาพมายาวูบไหวออกมา

ขณะที่ก่อร่างตราประทับ ลวดลายโบราณก็เริ่มปรากฏขึ้นบนผนังโดยรอบเจดีย์ ภาพแปดภาพปรากฏขึ้นบนผนัง

“นั่นอะไร?”

เมื่อภาพทั้งแปดปรากฏ ความผันผวนน่ากลัวก็แผ่กระจายออกไป ทั้งสามคนที่สัมผัสได้ก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ผนังกำแพงด้วยความตกใจ

ภาพแปดภาพบนผนังดูโบราณมาก ท่าทางโหดเหี้ยม ความโกรธเกรี้ยวที่พล่านในดวงตา ราวกับว่ากำลังปลดปล่อยพลังทำลายล้าง เพียงแค่การจ้องมองก็ส่งผลให้ผู้คนตกอยู่ในความกลัวที่ไม่มีสิ้นสุด

ภายใต้สายตาของภาพทั้งแปด แม้แต่จอมยุทธ์อย่างผู้นำทั้งสามก็ยังรู้สึกถึงความกลัวในใจ…

มู่เฉินก็มองภาพที่ดุร้ายทั้งแปด พวกมันราวกับเทพปีศาจยืนอยู่บนกำแพงเงียบๆ มองไปที่ศัตรู เตรียมพร้อมที่จะปลดปล่อยพลังทำลายล้างทุกเมื่อ

นี่ก็คือเจดีย์แปดองค์นั่นเอง

“วันนี้ข้าขอใช้พวกเจ้าทดสอบพลังของเจดีย์แปดองค์นี่หน่อยละกัน…”

มู่เฉินมองทั้งสามอย่างไม่แยแสก่อนที่จะสะบัดแขนเสื้อ ของเหลวจื้อจุนไหลทะลักออกมาแล้วรวมตัวกันราวกับสายธาร

ในนี่มีปริมาณของเหลวจื้อจุนถึงแปดสิบล้านหยด

การที่จะกระตุ้นเจดีย์แปดองค์จะต้องใช้พลังงานหลิงจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่มู่เฉินก็ไม่สามารถทำได้แม้ว่าเขาจะใช้พลังงานทั้งหมดที่มีก็ตาม ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ของเหลวจื้อจุนจำนวนมหาศาลเพื่อช่วยเหลือ

ยิ่งกว่านั้นนี่ยังเป็นเพราะมู่เฉินบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มแล้ว มิฉะนั้นเขาจะต้องใช้ของเหลวจื้อจุนถึงร้อยห้าสิบล้านหยดเป็นอย่างน้อย…

“โชคดีที่ข้านำคลังของตำหนักมู่มาด้วย…”

มู่เฉินถอนหายใจในใจก่อนที่จะสูดหายใจลึก โดยไม่ลังเล ตราประทับก็เริ่มเปลี่ยนไป สายธารที่เกิดจากของเหลวจื้อจุนก็พวยพุ่งออกมา

ยามนี้ภาพร่างที่น่ากลัวทั้งแปดบนผนังก็เปิดปากเริ่มกลืนกินสายธารของเหลวล้ำค่า

ขณะที่พวกมันกลืนกินพลังงาน ภาพปีศาจทั้งแปดก็เริ่มขยับร่างกายส่วนบนผลักตัวออกจากผนังกำแพง

ตอนนี้พวกมันกลายเป็นของจริงแล้ว

หวือ หวือ!

แรงกดดันจากคลื่นหลิงน่าสะพรึงดังขึ้นภายในเจดีย์ผลึกแก้ว ความกดดันนี้ทำให้ใบหน้าของทั้งสามเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกว่าถูกคุกคามอย่างมากจากภาพปีศาจทั้งแปด

“ออกจากเจดีย์เร็ว!”

ทั้งสามตะเบ็งเสียงพร้อมกัน ทันใดนั้นพวกเขาก็เปิดฉากการโจมตีพยายามฉีกเส้นทางมิติ เพื่อพาตัวเองออกไป

ทว่ามู่เฉินจะให้โอกาสพวกเขาทำเช่นนั้นได้ยังไง? เขาใช้งบประมาณมหาศาลเพื่อดำเนินการกับเจดีย์แปดองค์ ดังนั้นเขาต้องเก็บเกี่ยวจากเรื่องนี้

เขาวาดตราประทับอีกครั้ง

โฮก!

เมื่อเขาสร้างตราประทับ ภาพปีศาจทั้งแปดก็คำรามเสียงดังลั่น ซึ่งอัดแน่นด้วยรัศมีการทำลายล้าง

ภาพปีศาจทั้งแปดภาพจ้องมองอย่างดุร้ายไปที่ทิศทางของเจ้าเมฆาม่วง เจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทอง ก่อนที่จะเหยียดนิ้วออกแตะมิติตรงหน้า

ฟิ้ว!

ลำแสงแปดสายพุ่งออกมาจากนิ้ว ทำให้มิติแตกสลาย กระทั่งคลื่นหลิงยังถูกลบเลือนไปโดยสิ้นเชิง

ลำแสงสีดำพุ่งเข้ามา แม้จะไม่ได้ดูอลังการอะไร ทว่าจอมยุทธ์ทั้งสามถึงกับเปลี่ยนสีหน้ารุนแรงความกลัวพล่านในดวงตาส่วนลึกของพวกเขา

เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกถูกคุกคามจากสิ่งนี้

“โจมตีพร้อมกัน!”

ทั้งสามไม่สามารถสงบใจเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป พวกเขาร้องคำรามทันที

“โอบเมฆม่วง!”

“ระฆังวัชระยืนยง!”

“เกราะปีกเทพทองคำ!”

ร่างเวทสวรรค์ทั้งสามรวมพลังกัน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพุ่งออกมาสร้างปราการป้องกันสามแห่งบนท้องฟ้าเหนือร่างพวกเขา

ชั้นแรกเป็นหมอกสีม่วงปกคลุมไปด้วยลวดลายลึกซึ้ง ชั้นสองเป็นระฆังสีทองขนาดใหญ่และสุดท้ายเป็นเกราะที่ประกอบขึ้นด้วยปีกสีทอง…

เผชิญหน้ากับลำแสงสีดำ ทั้งสามก็ใช้ปราการป้องกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยไม่ลังเลใดๆ

นอกเหนือจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแท้จริง ก็ไม่มีใครสามารถทำลายปราการทั้งสามได้!

ฟิ้ว!

เมื่อแนวป้องกันทั้งสามถูกสร้างขึ้น ลำแสงแปดสายก็มาถึงทันที พุ่งเข้าโรมรันแสงสีม่วงชั้นแรกโดยไม่ลังเลใดๆ

ชี่ ชี่!

ในการปะทะกันไม่มีความปั่นป่วนใดเกิดขึ้น แต่เจ้าเมฆาม่วงก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าโอบเมฆม่วงถูกลำแสงทั้งแปดแทงทะลุในทันที

นิยามได้ว่าถูกบดขยี้แท้จริง!

เคร้ง!

ระฆังสีทองส่งเสียงก้องกังวาน แต่ฟังดูเหมือนเสียงโหยหวนแห่งความสิ้นหวัง เพราะไม่รอให้พวกเขาดีใจ รอยแตกก็เริ่มกระจายออกมาบนระฆังทองก่อนที่จะสลาย

ชี่!

ระฆังทองแตกออก แสงสีดำก็ส่องลงบนเกราะปีก ทันใดนั้นสีดำก็กระจายออกราวกับว่าถูกกัดกร่อน เพียงไม่กี่อึดใจชิ้นส่วนของชุดเกราะขนาดใหญ่ก็กลายเป็นของเหลวสีดำหยดแหมะลงไป

เฮือก

จอมยุทธ์ทั้งสามสูดลมหายใจเย็น ความหวาดผวาพล่านในดวงตา แนวป้องกันทั้งหมดของพวกเขาแตกพ่ายง่ายดายภายใต้ลำแสงสีดำ!

มู่เฉินเฝ้าดูฉากนี้อย่างนิ่งเฉยไม่มีความประหลาดใจเลย วิชาเจดีย์แปดองค์เป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน

ย้อนไปในอดีตผู้อาวุโสฝูถูก็ใช้วิชานี้สังหารราชาปีศาจมานับไม่ถ้วน ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่ง่ายในการจัดการจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสามคนที่เพิ่งได้สัมผัสกับเทียนจื้อจุน

“ไป!”

มู่เฉินเคาะนิ้วออกเบาๆ พลางพูดออกมาแผ่วเบา

ฟิ้ว!

ลำแสงแปดสายเพิ่มความเร็วขึ้น พริบตาก่อนที่ทั้งสามจะตอบสนองลำแสงทำลายล้างทั้งหมดก็กระแทกเข้ากับร่างเวทสวรรค์ทั้งสาม

ชี่ ชี่!

เมื่อสัมผัสกับลำแสงสีดำทุกสรรพพสิ่งก็ถูกสึกกร่อนกลายเป็นของเหลวสีดำ สลายไปอย่างรวดเร็ว…

เจ้าเมฆาม่วง เจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทองมองไปที่ร่างยิ่งใหญ่ที่ด้านล่างด้วยความหวาดกลัว พวกเขาสัมผัสได้ว่าร่างเทห์สวรรค์พังทลายลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ของเหลวสีดำที่ผิดปกติยังพยายามเข้าแทรกร่างหลักผ่านร่างเทห์สวรรค์ด้วย

ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามใช้คลื่นหลิงต้านทานอย่างไร ก็ไม่สามารถขวางทางของเหลวสีดำเหล่านั้นได้!

พวกเขาฉายใบหน้าซีดเซียว ไม่มีใครคิดว่าจะต้องมาอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้!

นอกจากนี้พวกเขายังไม่เข้าใจว่ามู่เฉินใช้การโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร ทั้งที่มีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น…

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่เชื่อเพียงใด ความจริงก็อยู่ต่อหน้าแล้ว ร่างเวทสวรรค์ที่แข็งแกร่งใต้เท้าพวกเขากำลังพังทลายลง ลำแสงสีดำที่ครอบงำเป็นเหมือนเชื้อโรคกำลังแพร่กระจายเข้ามาในร่างหลักอย่างรวดเร็ว

“ทำลายร่างเทห์สวรรค์!”

ทั้งสามคนสบตากันกัดฟันกรอด ยามนี้พวกเขาเลือกที่จะหักข้อมือของตัวเอง มิฉะนั้นงานนี้พวกเขาได้รับบาดเจ็บหนักแน่ ถ้าให้ลำแสงสีดำเหล่านั้นกัดกร่อนร่างพวกเขา

ตู้ม!

เมื่อทั้งสามตัดสินใจ ร่างที่อยู่ใต้เท้าก็ระเบิดออกพร้อมกับแสงหลิงมากมายแตกกระจายออกไป

เมื่อมู่เฉินเห็นสิ่งนี้ก็เลิกคิ้วพลางสะบัดแขนเสื้อ เจดีย์ผลึกใสหดตัวลงอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลายเป็นลำแสงกลับไปสถิตในนัยน์ตา

สามจอมยุทธ์ล่าถอย พวกเขาดีใจเมื่อเห็นว่ามู่เฉินเรียกเจดีย์กลับไป ดูเหมือนว่าการระเบิดร่างเวทสวรรค์ทำให้มู่เฉินหวาดกลัว

แต่ในขณะนี้เป็นการดีที่สุดที่พวกเขาจะถอยกลับ ไม่เช่นนั้นอาจถูกดูดเข้าไปในเจดีย์อีกครั้ง

ด้วยความคิดนี้ที่วูบไหวในใจ ทั้งสามคนก็ถอยกลับโดยไม่ลังเล แต่เมื่อพวกเขาพยายามที่จะหนีออกมิติเบื้องหน้าก็แตกเป็นเสี่ยงๆ

ม่านตาของพวกเขาหดลงทันที

ฟิ้ว ฟิ้ว!

ลำแสงสีดำหลายสายพุ่งข้ามมิติไล่ตามมา ยิงเข้าใส่ร่างพวกเขาท่ามกลางสายตาหวาดผวาสุดขีด…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท