หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1374

ตอนที่ 1374

เสียงหญิงสาวดังสะท้อนไปทั่วเมือง

ความสิ้นหวังในน้ำเสียงเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนหัวใจสั่นไหว

เวลานี้ชาวเมืองก็ฟื้นสติจากเสียงร้องของหญิงสาว ก่อนที่พวกเขาจะคุกเข่าไปในทิศทางของมู่เฉิน ร่างกายแต่ละคนสั่นสะท้านราวกับว่ากำลังคว้าฟางเส้นสุดท้ายแห่งความอยู่รอด

“ท่านเทพ โปรดช่วยเราด้วย!”

เสียงดังสะท้อนออกไป แต่ละคนฉายความสิ้นหวังบนใบหน้า พวกเขาสูญเสียศักดิ์ศรีไปหมดแล้ว หลังจากได้รับการปฏิบัติเหมือนสัตว์ มากจนพวกเขาไม่มีสิทธิ์ตายด้วยซ้ำ

เหตุผลที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ได้ก็คือเป็นแหล่งเลือดสดสำหรับเหล่าปีศาจ

แม้ว่าจะได้รับอนุญาตให้มีลูกหลานเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ แต่คนรุ่นหลังก็ต้องได้รับการปฏิบัติเหมือนสัตว์ไม่เปลี่ยนแปลง

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยคิดต่อต้าน แต่การต่อต้านไร้ประโยชน์ภายใต้พลังแท้จริง นอกเหนือจากนี้นี่ก็เป็นการให้ความบันเทิงแก่เหล่าปีศาจด้วย การต่อต้านของพวกเขาไม่มีอะไรเลย

ปีศาจเหล่านั้นอยู่ยงคงกระพัน

แต่ตอนนี้ความหวังยิ่งใหญ่ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้คนที่สิ้นหวัง แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันหรือไม่ อย่างน้อยเขาก็ไม่มีรัศมีที่เป็นลางร้าย

บางทีชะตากรรมของพวกเขาอาจเปลี่ยนแปลงจากชายลึกลับเบื้องหน้าก็เป็นได้

เมื่อคิดแล้วชาวบ้านก็เริ่มเอาหัวโขกพื้นโดยไม่สนใจว่าเลือดที่หน้าผากจะเปรอะเปื้อนแค่ไหน ความเจ็บปวดนี้ไม่มีอะไรเทียบได้กับความอัปยศอดสูของการถูกเลี้ยงเป็นสัตว์

มู่เฉินที่เห็นภาพนี้ก็ถอนหายใจเบาบางในใจ เวลานี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่เผชิญหน้าปีศาจต่างมิติ สิ่งมีชีวิตในมหาพันภพถึงเลือกทิ้งความแค้นระหว่างกันและร่วมมือกันต่อต้าน

เนื่องจากหากเผ่าปีศาจครอบครองมหาพันภพได้ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็จะเป็นเหมือนพิภพเขตล่างนี้ที่ถูกเลี้ยงไว้เป็นโรงปศุสัตว์

เผ่าปีศาจนับเป็นศัตรูตัวฉกาจแท้จริง!

มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อ พลังอ่อนโยนพัดออกมายกร่างทุกคนที่คุกเข่าขึ้น เขามองไปรอบๆ พยักหน้าและยิ้ม “วางใจเถอะ ข้าจะช่วยพวกเจ้าออกจากที่นี่”

พิภพเขตล่างเป็นของมหาพันภพ แม้ว่าจะอยู่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกัน แต่ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่ง ในมหาพันภพไม่มีใครเลือกปฏิบัติกับคนเหล่านี้ ด้วยเหตุผลที่เรียบง่ายคือเมื่อมีคนที่สามารถทะลุผ่านระนาบมิติเข้าสู่มหาพันภพได้ พวกเขาล้วนเป็นยอดยุทธ์ที่แท้จริง อนาคตของพวกเขาไม่มีขีดจำกัด

เช่นเดียวกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม…

ดังนั้นแม้ว่ามู่เฉินจะไม่ใช่คนดีมีเมตตาอะไร แต่ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของมหาพันภพ เขาก็ไม่อาจเฝ้าดูคนเหล่านี้ถูกเลี้ยงแบบทารุนโดยเผ่าปีศาจได้

“ขอบคุณท่านเทพ!”

หญิงสาวน้ำตานองหน้า คนอื่นก็คิดจะคุกเข่าด้วยแรงอารมณ์ แต่ก็ถูกพลังอ่อนโยนยกไว้จนไม่สามารถทำได้

“ดูเหมือนจะมีบางคนยังอยู่ที่นี่นะ?” มู่เฉินถามหญิงสาวหลังจากมองเข้าไปในส่วนลึกของเมือง

จากการรับรู้ยังคงมีรัศมีทรงพลังอยู่ในส่วนลึกของเมือง เพียงแต่ว่าหลับใหลอยู่เท่านั้น

เมื่อได้ยินคำถามของมู่เฉิน ใบหน้าของหญิงสาวก็ซีดเผือดลง เสียงเริ่มสั่นพร่า “ท่านเทพ นั่นคือแม่ทัพปีศาจโลหิต เขาทรงพลังมาก แต่ตอนนี้กำลังหลับอยู่ เรารีบไปก่อนที่เขาจะตื่นเถอะ”

พวกเขาต่างหวาดกลัวแม่ทัพปีศาจโลหิต เนื่องจากทุกครั้งที่ตื่นขึ้นเขาจะกินเลือดคนอย่างน้อยหนึ่งพันคน

“แม่ทัพปีศาจโลหิตเรอะ…”

มู่เฉินยิ้มก่อนที่จะกำหมัดแน่น ลูกกลมหลิงขนาดร้อยจั้งก่อตัวขึ้นในฝ่ามือ ก่อนที่เขาจะขว้างไปในส่วนลึกของเมืองภายใต้สายตาสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วน

ตู้ม!

ลูกกลมหลิงระเบิดทำให้พื้นที่ส่วนลึกราบเป็นหน้ากลอง อึดใจต่อมาเสาสีแดงเข้มก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงคำรามดุร้ายดังก้องออกมา

“ใครกล้าปลุกแม่ทัพคนนี้จากการนอน?!”

เมื่อได้ยินเสียงคำราม ชาวเมืองก็ขาสั่นพั่บล้มลงกับพื้นพร้อมกับความกลัวพล่านบนใบหน้า

“พวกเราถึงคราวตายแล้ว…” บางคนพูดด้วยความสิ้นหวัง ในสายตาของพวกเขาพลังของแม่ทัพปีศาจโลหิตสุดยอดมาก ต่อให้เทพลึกลับคนนี้ทรงพลังก็จริง แต่คงไม่สามารถเอาชนะแม่ทัพปีศาจโลหิตได้

“ท่านเทพ ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็รีบหนีไปเถอะ!” หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้าซีดเซียว

เมื่อเห็นความกลัวของผู้คน มู่เฉินก็อดส่ายหน้าไม่ได้ เขาสัมผัสได้ถึงพลังของแม่ทัพปีศาจโลหิต ซึ่งเทียบเท่ากับระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มในมหาพันภพ ตอนนี้เขาสามารถสังหารได้อย่างง่ายดายด้วยการพลิกมือ

“แม่ทัพปีศาจโลหิตอยู่ระดับไหนของเผ่าเสี่ยเสีย?” มู่เฉินถาม

หญิงสาวอึ้งไปก่อนที่จะส่ายหัวแบบเหม่อลอย ในสายตาของพวกเขาแม่ทัพปีศาจโลหิตก็ราวกับผู้นำปีศาจแล้ว พวกเขาเคยเจอใครที่มีพลังมากกว่านี้ซะที่ไหน?

เมื่อมู่เฉินเห็นการตอบสนองของนาง เขาก็ผิดหวัง ดูเหมือนว่าข้อมูลที่คนเหล่านี้มีจะจำกัดมาก

“ท่านเทพ เราไม่มีข้อมูลมากนักเกี่ยวกับเผ่าเสี่ยเสีย แต่จักรพรรดินีของเรารู้เรื่องพวกนี้แน่นอน!” เมื่อเห็นความผิดหวังของมู่เฉิน หญิงสาวก็รีบกล่าว

“จักรพรรดินี?” มู่เฉินอึ้งไป ‘นั่นคือใคร? ชาวบ้านเหล่านี้ยังมีจักรพรรดินีด้วยเรอะ?’

แต่ก่อนที่เขาจะได้ถาม แสงสีแดงเข้มก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า นี่เป็นภาพเงาในชุดคลุมสีแดงเข้มที่มีรอยสักสีแดงเข้มบนร่างกายทำให้ดูแปลกตาเป็นพิเศษ

เห็นได้ชัดว่านั่นคือแม่ทัพปีศาจโลหิต หลังจากที่เขาปรากฏตัวใบหน้าก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นหมอกโลหิตฟุ้งบนท้องฟ้า เขาตะเบ็งเสียงลั่น “พวกแกกล้าฆ่าพรรคพวกข้าเหรอ?!

”ใครทำ?! ไสห้วออกมา!”

เสียงตะโกนดังก้อง ทำให้ชาวบ้านที่นี่ตัวสั่นด้วยความกลัว

“ก็แค่ยุงดูดเลือด ตายก็ตายไป ไม่เห็นมีอะไรให้น่าสะเทือนใจเลย” มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองแม่ทัพปีศาจโลหิตด้วยรอยยิ้ม

“แกทำเรอะ? รนหาที่ตาย!” แสงสีแดงพุ่งขึ้นในดวงตาของแม่ทัพปีศาจโลหิตขณะมองไปที่มู่เฉิน อึดใจต่อมาลำแสงโลหิตขนาดหมื่นจั้งก็ปะทุออกมาจากร่าง เขาพุ่งใส่มู่เฉินทิ้งภาพมายาไว้

มหาสมุทรสีแดงเพลิงคำรามอยู่ที่ข้างหลัง

เมื่อมองไปที่มหาสมุทรสีแดงเพลิง มู่เฉินก็ส่ายหัว อึดใจสายตาเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา เขากำหมัดเหวี่ยงออกไป

ตู้ม!

มีผลึกแสงกระจายออกมาบนหมัดของเขา ขณะพุ่งเป้าไปที่มหาสมุทรโลหิต

ปัง!

ภายใต้หมัดมิติแตกกระจาย มหาสมุทรโลหิตเชี่ยวกรากก็ระเบิดออกพร้อมกับเสียงกรีดร้องดังก้อง จากนั้นพวกชาวบ้านก็ต้องตกใจเมื่อเห็นภาพเงาน่าสยดสยองกระเด็นออกมาจากมหาสมุทรโลหิตที่แตกเป็นเสี่ยงๆ

ปัง ปัง!

ร่างสีแดงเข้มทำลายสิ่งก่อสร้างนับไม่ถ้วน ทิ้งรอยยาวหลายหมื่นจั้งไว้บนพื้น ถูกซัดออกไปนอกเมืองเลยทีเดียว…

เมื่อมองไปที่ร่างนั้น มู่เฉินก็กำมือ แรงดูดทรงพลังระเบิดออกทำให้ร่างเงานั้นกลับมาอยู่ในมือเขา

เขาก้มมองศพเย็นชืด ยังคงมีความไม่เชื่อบนใบหน้าของแม่ทัพปีศาจโลหิต ทว่าริมฝีปากของมู่เฉินกระตุกอย่างช่วยไม่ได้

เขาไม่เคยเลยว่าแม่ทัพปีศาจโลหิตจะด๋อยขนาดนี้ แค่หมัดเดียวก็ถูกฆ่าตายซะแล้ว

“ไอ้ขยะเปียก ตอนแรกคิดจะดึงข้อมูลสักหน่อย” มู่เฉินส่ายหัวอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะโยนศพแม่ทัพปีศาจโลหิตออกไป

ขณะนี้ทั้งเมืองเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้ง

ชาวบ้านที่ตกใจกลัวจากการปรากฏของแม่ทัพปีศาจโลหิต ใบหน้าก็ค่อยๆ แข็งค้างอีกครั้ง พวกเขารู้สึกเหมือนทุกอย่างในวันนี้เป็นภาพลวงตา ไม่เพียงแต่ปีศาจเผ่าเสี่ยเสียถูกจะสังหารด้วยการกระทืบ แม้แต่แม่ทัพปีศาจโลหิตที่ทรงพลังก็ยังถูกสังหารจากหมัดเดียวของชายลึกลับคนนี้…

“เราถูกทรมานจนเริ่มหลอนแล้วเหรอ?” มีคนยิ้มอย่างขมขื่น เนื่องจากภาพนี้เหลือเชื่อเกินไป พวกเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะมีจอมยุทธ์ทรงพลังเพียงนี้ในโลกใบนี้ด้วย

“ท่านเทพ!”

หญิงสาวจ้องมองมู่เฉินด้วยสายตาร้อนแรง นอกเหนือจากการเป็นเทพในตำนานแล้วจะมีใครทรงพลังมากขนาดนี้?

หรือว่าท่านเง็กเซียนฮ่องเต้เห็นความสิ้นหวังของพวกนางจึงลงมาช่วยเหลือ?

“รีบไปกันซะ”

มู่เฉินยิ้มขณะที่โบกมือให้ทุกคน ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไร เขาก็หายตัวไปแล้ว

หญิงสาวและชาวบ้านตื่นตระหนก แต่มู่เฉินก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถทันพูดอะไรได้ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ทำได้เพียงแค่แลกเปลี่ยนสายตาพลางยิ้มอย่างขมขื่น

ทุกคนคุกเข่าและโขกหัวไปในทิศทางที่มู่เฉินหายตัวไป

จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ยืนขึ้นหนีออกจากเมืองทันที พวกเขารู้ว่าในไม่ช้าสมาชิกเผ่าเสี่ยเสียที่อื่นจะต้องมาที่นี่ ดังนั้นหากพวกเขาไม่หนีตอนนี้ก็จะวนกลับสู่สถานะเริ่มต้น

ขณะที่ผู้คนวิ่งวุ่นไป บนท้องฟ้าร่างมู่เฉินก็ปรากฏมองดูพวกเขาหนีไปและบ่นพึมพำ

“ใครคือจักรพรรดินีที่พวกเขาพูดถึง? ดูเหมือนว่านางจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับเผ่าเสี่ยเสีย”

“ในโลกที่ถูกครอบงำโดยเผ่าเสี่ยเสีย พวกเขายังมีพลังที่จะต้านทานหรือ?”

“แต่พลังของพวกเขาไม่น่าจะสามารถเผชิญหน้ากับเผ่าเสี่ยเสียได้…”

“ดูเหมือนว่าข้าต้องแอบสะกดรอยตามพวกเขาไปแล้ว…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท