หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1372

ตอนที่ 1372

พายุมิติเป็นครั้งคราวสร้างความหายนะในพื้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ดาวหางข้ามผ่านไปในบางครั้งพร้อมกับเสียงดังก้องระหว่างฟ้าดิน

ฟิ้ว!

ทันใดนั้นลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งผ่าน ร่างที่ดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมองไปรอบๆ ราวกับว่าเขากำลังมองหาอะไรบางอย่าง

“พิภพเขตล่างที่จอมยุทธ์มังกรขาวจากมาน่าจะอยู่ในทิศทางนี้” ร่างชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองขณะที่ก้มมองลงไปที่หลังมือเป็นครั้งคราว ลวดลายมังกรสีขาวเปล่งแสงสีขาวออกมา

นี่ก็คือมู่เฉินนั่นเอง

นับตั้งแต่ที่เขาออกจากจักรวรรดิเหนือ เขาก็เดินทางมาสามเดือนแล้ว เขาไม่ได้หยุดพักมุ่งหน้ามาทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหาพันภพอย่างต่อเนื่อง

ระหว่างทางคงมีแต่เทพเซียนเท่านั้นที่รู้ว่าเขาผ่านมากี่ทวีปแล้ว ภายใต้การเดินทางบ้าคลั่ง เขาก็ใช้เวลาสามเดือนกว่าที่จะได้เข้ามาในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของมหาพันภพ

ตามการนำของอักขระมังกรขาว พิภพเขตล่างของจอมยุทธ์มังกรขาวน่าจะอยู่ในบริเวณนี้

ทว่านี่ก็ยังคงเป็นการค้นหาที่ยากลำบากสำหรับเขา เพราะแม้ว่ามหาพันภพจะเชื่อมต่อกับพิภพเขตล่างนับไม่ถ้วน แต่ก็ต้องพบจุดตัดมิติเพื่อจะเข้าไปได้

ซึ่งหน้าจุดตัดมิตินั้นมีขนาดเล็กราวกับฝุ่นละอองยากที่จะตรวจจับได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาจุดตัดนั่น

ทว่าอารมณ์ของมู่เฉินก็สงบลงระหว่างการเดินทางสามเดือนนี้ ในเมื่อตัดสินใจที่จะค้นหาเส้นทางเทียนจื้อจุน เขาก็เพียงทำสุดกำลัง

ดังนั้นเขาจึงมองไปรอบๆ ก่อนที่จะหลับตาลง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกมาจากร่างกาย พลังงานนี้คล้ายกับระลอกคลื่นกระจายไปทั่วช่องว่าง

ประสาทสัมผัสของมู่เฉินก็แผ่ออกไปพร้อมกับคลื่นหลิงเพื่อค้นหาทุกๆ ตารางนิ้ว

เขารู้ว่านี่จะเป็นกระบวนการยาวนาน แต่เขาก็ไม่ได้กังวล ราวกับการเดินทอดหุ่ยไปในโลกทีละก้าว…ละก้าว

ดังนั้นเวลาก็เคลื่อนคล้อยไปภายใต้การค้นหาของเขา

โดยไม่รู้ตัวหนึ่งเดือนก็ผ่านไปแล้ว…

มู่เฉินไม่รู้ว่าการค้นหาไปไกลแค่ไหน เขารู้เพียงว่าทุกการค้นหาจะจบลงด้วยพลังงานที่หมดไป จากนั้นเขาก็จะนั่งสมาธิเพื่อฟื้นฟูและเริ่มการค้นหาต่อ

กระบวนการนี้ดำเนินไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า…

แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับผลอะไรในเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ยังคงขยายขอบเขตการค้นหาต่อไป

ดังนั้นอีกหนึ่งเดือนก็ผ่านไป

มู่เฉินลืมตาขึ้นด้วยความเหนื่อยล้าปกคลุมใบหน้า แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มแบบเขาก็ไม่สามารถแบกรับความเหนื่อยล้าเช่นนี้ได้

เขาเงยหน้าขึ้น คลื่นหลิงของเขาแพร่กระจายไปเกือบร้อยลี้ ทว่าก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ชัดว่าเขาล้มเหลวอีกครั้ง

“คลื่นหลิงจะหมดลงอีกแล้ว” มู่เฉินขมวดคิ้วด้วยความผิดหวังในดวงตา ในเวลาสองเดือนที่ผ่านมาถ้าเขาไม่แน่วแน่พอ เขาคงยอมแพ้เรื่องนี้ไปนานแล้ว

“เป็นไปได้ไหมที่การนำทางมีปัญหา? หรือว่าพิภพเขตล่างนั้นถูกทำลายไปแล้ว?” มู่เฉินมองไปที่อักขระมังกรขาวก็เม้มริมฝีปาก หากเป็นเช่นนั้นการทำงานหนักตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาของเขาก็จะสูญเปล่า

“ไม่ว่ายังไงข้าจะยอมแพ้กลางคันไม่ได้!”

มู่เฉินกัดฟัน เขายังคงตั้งมั่นในความคิดก่อนที่จะค่อยๆ ดึงคลื่นหลิงที่อ่อนแอกลับมาทีละน้อย เตรียมพร้อมที่จะพักผ่อนก่อนที่จะดำเนินการค้นหาต่อไป

“หืม?”

แต่ขณะที่มู่เฉินถอนการรับรู้ จู่ๆ ท่าทางของเขาก็แข็งค้าง เพราะในวินาทีนั้นเขารู้สึกได้ถึงความผันผวนแปลกประหลาดจากทางตะวันตก

ความผันผวนนั้นบอบบางมาก ถ้าไม่ใช่เพราะประสาทสัมผัสของมู่เฉินอ่อนไหวในขณะนี้ เขาคงมองข้ามไปแล้ว

ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนตัวหายไป ไม่กี่ลมหายใจก็ไปปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ที่เกิดความผันผวน

สายตาเขาจับจ้องที่เบื้องหน้า คลื่นหลิงก็แผ่กระจายออกไปทีละชุ่น…ละชุ่นเพื่อควานหามิติ

คลื่นพลังแผ่ออกไปอย่างระมัดระวัง พักใหญ่ม่านตามู่เฉินก็หดเกร็ง ก่อนที่มือของเขาจะสร้างตราประทับขึ้น คลื่นหลิงรวมตัวกันไปที่บริเวณนั้น

ฮึ่ม ฮึ่ม!

คลื่นหลิงกลายเป็นวงรัศมีพร้อมกับสายตาของมู่เฉินจับจ้องไปในจุดนั้น เห็นแสงสีดำที่คล้ายกับฝุ่นละอองปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

นั่นคือที่มาของความผันผวนที่แปลกประหลาด

มู่เฉินมองไปที่แสงสีดำด้วยความสุขบนใบหน้า นั่นคือจุดตัดมิติที่เขาค้นหามาตลอดสองเดือน

ตราบเท่าที่เขาสามารถโยงจุดตัดมิติได้ เขาก็จะสามารถเข้าสู่พิภพเขตล่างของจอมยุทธ์มังกรขาวได้

“ในที่สุดข้าก็พบแล้ว”

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจมาก แต่เขาไม่ได้เปิดมิติในทันที เขานั่งลงโบกแขนเสื้อ ของเหลวจื้อจุนจำนวนมากพวยพุ่งออกมา เขาฟื้นพลังงานตัวเองอย่างรวดเร็ว

แม้ที่นั่นจะเป็นพิภพเขตล่าง แต่ก็ถูกครอบครองโดยเผ่าปีศาจต่างมิติ ดังนั้นหากเขาต้องการที่จะเข้าไป เขาจะต้องอยู่ในสภาพพร้อมรบ

ขณะที่เขากำลังฟื้นฟูคลื่นพลัง เขาก็ยังคงตื่นตัวและมองไปรอบๆ เผื่อมีคนมา

สำหรับมหาพันภพ พิภพเขตล่างเป็นสถานที่ที่ไม่เหมือนใครและอาจเป็นโชคชะตาที่ดี ยิ่งไปกว่านั้นพิภพเขตล่างอ่อนแอกว่ามหาพันภพ ดังนั้นถ้าสามารถเข้าสู่พิภพเขตล่างก็จะรู้สึกถึงความอยู่ยงคงกระพันตามธรรมชาติ

แต่โชคดีที่ผู้ที่อยู่ในมหาพันภพจะเข้าสู่พิภพเขตล่างได้ยาก แม้ว่าพวกเขาจะหาจุดตัดมิติได้ นั่นเป็นเพราะกฎของพิภพเขตล่าง ใครก็ตามที่ต้องการเข้าไปจะต้องมีการนำจากพิภพเขตล่างด้วย

ก็เหมือนกับที่มู่เฉินครอบครองไข่มุกมังกรขาวที่มีผนึกของจอมยุทธ์มังกรขาวอยู่ ซึ่งสามารถใช้เป็นกุญแจสำหรับเขาในการหลีกเลี่ยงกฎของพิภพเขตล่างที่จะปะทะเข้ามา

โดยธรรมชาติแล้วไม่มีอะไรแน่นอน มีผู้คนพยายามแอบเข้าไปในพิภพเขตล่างเสมอ ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่ต้องการให้คนอื่นค้นพบจุดตัดมิติที่เขาค้นหาอย่างยากลำบาก เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

ขณะที่มู่เฉินยังคงตื่นระวังประมาณสองชั่วโมงคลื่นหลิงที่อ่อนล้าของเขาก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น ทำให้สายตาของเขาสั่นไหวด้วยพลังงานเต็มเปี่ยมอีกครั้ง

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ฟื้นคืนในร่างกาย มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจก่อนที่จะลุกขึ้นยืนมองไปที่จุดตัดมิติ

คราวนี้เขาไม่ลังเล นิ้วชี้ออกไป คลื่นหลิงไร้ขอบเขตส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งเข้าโจมตีจุดตัดมิติ

ฮึ่ม ฮึ่ม!

จุดตัดมิตินี้คล้ายกับหลุมดำ กลืนกินพลังงานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ภายใต้การกลืนกินมู่เฉินก็เห็นจุดฝุ่นค่อยๆ ขยายกว้างขึ้น…

หลายนาทีต่อมาจุดฝุ่นก็กลายเป็นหลุมดำขนาดหนึ่งจั้ง กระจายความผันผวนเชิงพื้นที่ออกไป

มู่เฉินมองไปที่หลุมดำก็เหวี่ยงหมัดออก แต่ก็มีอาการดีดกลับ ทำให้กำปั้นรู้สึกเจ็บร้าวไปหมด

“เป็นเรื่องยากสำหรับคนในมหาพันภพที่จะเข้าสู่พิภพเขตล่างจริงๆ”

มู่เฉินถอนหายใจก่อนที่จะเรียกไข่มุกมังกรขาว เขาเทพลังงานลงในไข่มุก แสงสีขาวจางๆ ก็ห่อหุ้มร่างมู่เฉินไว้

เมื่อเห็นสิ่งนี้ มู่เฉินก็หายใจเข้าลึก ท่าทางเคร่งขรึมลงหลายส่วน เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะกัดฟันก้าวเข้าไปในหลุมดำโดยไม่ลังเล

“หวังว่าข้าจะพบเส้นทางเทียนจื้อจุนที่นั่น…”

แสงสีขาวทะลุผ่านหลุมดำ ครั้งนี้มู่เฉินไม่รู้สึกถึงการขัดขวางอีกต่อไป เขาเคลื่อนเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

เมื่อภาพเงาของมู่เฉินหายไป หลุมดำก็สั่นเบาๆ ก่อนที่จะหดตัวลงกลับเป็นจุดฝุ่น ซ่อนตัวในอากาศ…

พื้นที่นี้กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท