หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1359

ตอนที่ 1359

ลมเย็นเยือกกรูเข้ามาในที่ราบเป่ยยู่

ผู้คนนับไม่ถ้วนก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งสรรพางค์กาย ทว่าเมื่อสายตาของพวกเขารวมกันอยู่ที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ ความหนาวเย็นถึงได้พุ่งขึ้นสุดขั้วทำให้พวกเขาตัวสั่นสะท้าน

เบื้องหลังร่างเงาอ่อนเยาว์ ศพสองศพค่อยๆ เย็นชืดลง ไม่กี่อึดใจก่อนศพนั่นยังเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มตัวเป็นๆ อยู่เลยนะ!

แต่จอมยุทธ์ที่ทรงพลังเช่นนี้ ยังถูกกระชากชีวิตออกไปอย่างง่ายดายโดยยังไม่ได้แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันแม้แต่ครั้งเดียวกับร่างเงาอ่อนเยาว์

พวกเขาไม่มีโอกาสหนีด้วยซ้ำ!

สายตานับไม่ถ้วนจ้องมองไปที่มู่เฉิน ความกลัววูบไหวในดวงตาพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินมาว่าประมุขตำหนักมู่ไม่ธรรมดา แต่เมื่อได้เห็นกับตาพวกเขาถึงได้รู้ว่าเขาไม่ธรรมดาเพียงใด

“มิน่าตำหนักมู่ถึงคิดเข้ามายุ่งเรื่องนี้ ความแข็งแกร่งนี้คงไม่ได้อ่อนแอไปกว่าประมุขขั้วอำนาจทั้งสามเลย” มีคนพูดด้วยสีหน้าหนักใจ ดูเหมือนว่าจะเกิดการสู้รบครั้งใหญ่ในที่ราบเป่ยยู่วันนี้แน่แล้ว

ท่ามกลางสายตาหวาดผวา มู่เฉินปัดมือเบาๆ ราวกับว่ากำลังสะบัดรอยเลือดที่ไม่มีอยู่จริง จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่จอมยุทธ์ทั้งเจ็ดที่อยู่ในอาการตะลึงงัน “ยังไม่คิดจะเข้ามาพร้อมกันอีกเหรอ?”

นับตั้งแต่เขาก้าวเข้าสู่ขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มที่ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากต่อกรเมื่อก่อนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องท้าทายอีกต่อไป เขารู้สึกว่าแม้จะไม่ได้ใช้ทักษะเทพใดๆ มีเพียงแค่เจดีย์พุทธะและคลื่นหลิง เขาก็ไปไกลเกินกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มหลายขุมแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงความสามารถในการปิดผนึกอันทรงพลังของเจดีย์พุทธะ เผชิญหน้ากับความสามารถในการปิดผนึกนี้ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็อ่อนปวกเปียกเหมือนลูกเจี๊ยบในสายตาของเขา

“กะ…แกกล้าฆ่าพวกเขาเหรอ!” ในที่สุดจอมยุทธ์ทั้งเจ็ดก็หายจากอาการตกใจก่อนที่จะแผดเสียงลั่น พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่ามู่เฉินจะเด็ดเดี่ยวและไร้ปรานีเช่นนี้

ทันทีที่เคลื่อนไหวเขาก็สังหารโดยไม่ลังเลใดๆ

นอกจากนี้สองคนที่เสียชีวิตก็อยู่สถานะรองจากผู้นำของขั้วอำนาจใหญ่ทั้งสามเท่านั้นซึ่งดำรงตำแหน่งระดับสูง พวกเขามีชื่อเสียงมากแม้แต่ในจักรวรรดิเหนือ แต่พวกเขาถูกฆ่าในพริบตาเนี่ยนะ?

มู่เฉินยิ้มอ่อน “ไม่งั้นพวกแกคิดว่าตำหนักมู่ของข้ามาเล่นเหรอไง?”

“ยิ่งไปกว่านั้นนี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น”

มู่เฉินยิ้มออกมา ทำให้จอมยุทธ์ทั้งเจ็ดหนาวสั่นไปถึงหัวใจ ราวกับว่าพวกมันถูกมองโดยยมทูตที่ทำเอารู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง

“วาบ!”

ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจที่จะพูดมากนัก ร่างเขาหายไปอีกครั้ง ช่างคลุมเครือราวกับว่าลำแสงพร่าเลือนกำลังพุ่งผ่านมิติ

“โจมตีพร้อมกัน!” ทั้งเจ็ดร้องตะโกนด้วยความหวาดหวั่นบนใบหน้า

ตอนนี้พวกเขารู้ซึ้งแล้วว่ามู่เฉินน่าสะพรึงเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่หยิ่งผยองอีกต่อไป เนื่องจากพวกเขารู้ว่าจะสามารถต้านทานปีศาจนี้ได้ก็ด้วยการร่วมมือกันเท่านั้น

ตู้ม ตู้ม!

ดังนั้นทั้งเจ็ดจึงเร้าร่างเทห์สวรรค์ออกมาโดยไม่ลังเลใดๆ เมื่อร่างมหึมาเจ็ดร่างปรากฏขึ้นก็กวาดพายุคลื่นหลิงไปทั่วบริเวณ

วาบ!

มู่เฉินไม่ได้หยุดชะงัก เขาไปปรากฏตัวต่อหน้าร่างเทห์สวรรค์ร่างหนึ่ง จากนั้นก็เหยียดฝ่ามือออกไปตบลงบนหน้าอกของอีกฝ่าย

เมื่อฝ่ามือกระแทกลง ผลึกแสงก็คลี่กระจาย ร่างเทห์สวรรค์ยิ่งใหญ่ก็แข็งทื่อ คลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตจางลงอย่างรวดเร็ว

ปัง!

ร่างขนาดใหญ่แตกสลายทันที เนื่องจากพลังงานที่อยู่ภายในถูกปิดผนึก ไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป

เมื่อร่างเทห์สวรรค์แตกสลาย เงาน่าสมเพชก็ปลิวออกไป ความไม่เชื่อและตกใจฉายบนใบหน้าของเขา

เขาไม่คิดเลยว่าถึงแม้จะนำร่างเทห์สวรรค์ออกมาก็ยังไม่สามารถเผชิญกับมู่เฉินได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว

ผลึกคลื่นหลิงผิดปกติบีบคั้นยิ่งนัก ทันทีที่สัมผัสกับร่างเทห์สวรรค์ก็จะปิดผนึกคลื่นหลิงและทำลายจากภายในสู่ภายนอก

แม้ว่าคนคนนั้นจะถอยไปอย่างรวดเร็ว แต่มู่เฉินก็เร็วกว่า ก่อนที่จอมยุทธ์คนอื่นๆ จะตอบสนอง เขาก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าอีกฝ่ายเหวี่ยงหมัดซัดที่หน้าอกอย่างจัง

ปัง!

ผลึกแสงพุ่งออกมาบนหมัด เมื่อผลึกแสงสัมผัสกับจอมยุทธ์คนนั้นก็ทะลุทะลวงผ่านร่างไป จากนั้นคลื่นหลิงในร่างก็หรุบหรู่ลงอย่างรวดเร็ว

“ระเบิด!”

มู่เฉินฉายท่าทางไม่แยแสพูดเบาๆ

ผลึกแสงราวกับหนามแหลมนับพันนับหมื่นระเบิดจากภายในร่างจอมยุทธ์โชคร้าย ร่างกายปริแตกออกมา

ผลึกแสงส่องประกายไปทุกอณู ด้วยคลื่นหลิงที่ถูกปิดผนึก ไม่ว่าพลังชีวิตของจอมยุทธ์คนนั้นจะทรงพลังมากเพียงใด ตราบใดที่สูญเสียคลิ่นหลิงไปเขาก็จะอ่อนแอเหมือนคนธรรมดา

พริบตาจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มอีกคนก็ลาจากโลกนี้ไป

มู่เฉินไม่แม้แต่จะเหลือบมอง เขาหลบเลี่ยงการโจมตีหลายกระบวนท่าที่เข้ามาในทิศทางของเขาก่อนที่จะทะยานเข้าใส่ร่างเทห์สวรรค์ร่างอื่น

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

ขณะที่คลื่นหลิงป่าเถื่อนสร้างความหายนะ ร่างขนาดใหญ่ทั้งหกก็กำจายความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลัง พร้อมกับร่างเล็กจ้อยวูบวาบท่ามกลางพวกเขา

ทว่าเมื่อใดก็ตามที่ร่างนั้นวาบผ่าน ก็จะมีร่างมหึมาถอยกลับไป จากนั้นร่างเล็กก็จะคว้าโอกาสในเสี้ยวอึดใจโจมตีด้วยผลึกคลื่นหลิงทำลายร่างเทห์สวรรค์ แล้วเริ่มไล่ล่าคนที่อยู่ภายใน ทำให้ร่างแหลกสลายเป็นชิ้นๆ

คลื่นหลิงแผดเสียงตลอดเวลาทั่วทั้งฟ้าดิน สภาพแวดล้อมเงียบสงัดลง มีเพียงเสียงคนกลืนน้ำลายเท่านั้นที่ส่งเสียงออกมาเป็นครั้งคราว

สถานการณ์ตอนนี้ แม้จะดูเหมือนว่ามีหลายคนพุ่งเป้าไปที่มู่เฉิน แต่ทุกคนบอกได้ว่าจังหวะในการโจมตีของเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มวุ่นวายไปหมด ทุกกระบวนท่าที่ปล่อยออกมาอัดแน่นด้วยความกลัว

เนื่องจากพวกเขารู้ว่าเมื่อมู่เฉินพบช่องโหว ผลลัพธ์ของพวกเขาก็จะเหมือนกับคนก่อนหน้านี้

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะหวาดกลัวเพียงใด หลังจากนั้นไม่กี่นาทีพวกเขาก็ตระหนักด้วยความสยดสยองว่าสหายรอบตัวลดลงเรื่อยๆ จำนวนของพวกเขาลดลงจากเจ็ดเหลือสี่คนแล้ว

นั่นหมายความว่าตั้งแต่เริ่มการต่อสู้จนถึงตอนนี้มีสามคนลาลับเพิ่มอีก!

นอกจากนี้คู่ต่อสู้ของพวกเขายังไม่ได้นำร่างเทห์สวรรค์ออกมาด้วยซ้ำ

ยามนี้สี่คนที่เหลือรู้สึกหวาดกลัวสุดขีดในหัวใจ พวกเขาซึ้งแล้วว่าวันนี้ดันไปปะทะกับอสูรกายที่น่ากลัวเพียงใด

พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย

“เผ่นเร็ว!”

จิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกเขามอดดับ ทั้งสี่ถอยออกไปในเวลาเดียวกัน พวกเขารู้ว่าถ้ายังดันทุรังต่อไป พวกเขาคงตายอยู่ที่นี่ทั้งหมด

“คิดหนีเหรอ? สายไปหน่อยมั้ง” มู่เฉินมองไปที่ทั้งสี่ก็ยิ้มบางโดยไม่มีความอบอุ่นใดๆ ในรอยยิ้ม

เขารู้ดีว่าหากตำหนักมู่ต้องการผงาดขึ้น เขาก็จะต้องข่มขู่ผู้อื่นและตอนนี้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มฝูงหนึ่งก็ดันส่งตัวเองขึ้นเขียงมาเป็นเป้าหมายที่ดีที่สุด

ร่างวูบไหวพริบตาก็ไล่ตามร่างใหญ่ทั้งสี่ไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ผลึกรวมอยู่ในฝ่ามือแฝงด้วยพลังที่ไม่สิ้นสุด

เมื่อสัมผัสถึงความผันผวนน่ากลัวจากดวงอาทิตย์ผลึกใบหน้าของทั้งสี่ก็ซีดเผือด พวกเขาเลิกอายตะโกนลั่น “ท่านประมุขช่วยด้วย!”

เสียงของพวกเขาถูกห่อหุ้มด้วยคลื่นหลิง สะท้อนออกไปทั่วฟ้าดิน

ตอนแรกพวกเขาไม่ต้องการขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวเสียหน้า แต่ตอนนี้พวกเขาไม่คิดกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เพราะหากยังไม่ขอความช่วยเหลือใดๆ พวกเขาคงจะถูกฝังอยู่ที่นี่

เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง มู่เฉินก็ยิ้มไม่แยแสก่อนที่จะเร่งความเร็ว ดวงอาทิตย์ผลึกพุ่งเข้าหาทั้งสี่

“กล้าดียังไง!”

เมื่อดวงอาทิตย์ผลึกกำลังจะห่อหุ้มทั้งสี่ เสียงสามเสียงก็สะท้อนออกมาราวกับฟ้าร้องก้อง

ขณะเดียวกันร่างแสงสามร่างก็พุ่งผ่านมิติ พลิ้วลงมาด้วยคลื่นหลิงทรงพลัง ปะทะกับดวงอาทิตย์ผลึก

ปัง!

เมื่อเผชิญกับการโจมตีที่น่ากลัวของทั้งสาม ดวงอาทิตย์ผลึกก็แตกออกทันที

แต่รอยยิ้มเย็นกลับปรากฏบนริมฝีปากของมู่เฉินก่อนที่จะสะบัดนิ้วออก

ฟิ้ว!

ผลึกแสงสี่สายกระจายออกจากดวงอาทิตย์ หลบลำแสงคลื่นหลิงทั้งสามยิงไปยังจอมยุทธ์สี่คนที่คลายความระวังหลังจากที่ได้รับการช่วยชีวิต

เมื่อผลึกแสงพุ่งเข้าสู่ร่างกายของพวกเขา ท่าทางของพวกเขาก็แข็งค้าง ความกลัวพุ่งขึ้นบนใบหน้าขณะที่คลื่นหลิงในร่างกายอ่อนลงด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง

ปัง!

ร่างเทห์สวรรค์พังทลายลง เงาร่างทั้งสี่ถูกเผยออกมา แต่ละคนกระอักเลือดคำใหญ่ขณะที่ดิ่งพสุธาลงมาจากท้องฟ้า จากนั้นก็อาเจียนเป็นเลือดอีกหลายคำ

จากสภาพแม้จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่พวกเขาก็ราวกับตายไปครึ่งตัวแล้ว

ที่ราบเป่ยยู่ตกอยู่ในความเงียบสงัด ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด ไม่มีใครคิดว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มเก้าคน ห้าคนตายคาที่ อีกสี่คนได้รับบาดเจ็บในช่วงเวลาเพียงครึ่งก้านธูป

นอกจากนี้ที่สำคัญกระทั่งผู้นำสำนักเมฆาม่วง ภูเขาเหลยยิงและคฤหาสน์อินทรีทองออกโรงยังไม่สามารถปกป้องสี่คนที่เหลือได้

ประมุขตำหนักมู่คนนี้น่ากลัวแค่ไหนกัน?

ภายใต้สายตาที่ตกตะลึง มู่เฉินเหลือบมองไปที่จอมยุทธ์ที่บาดเจ็บสาหัสทั้งสี่ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นพูดอย่างใจเย็น “ตอนนี้รู้สึกปวดใจแล้วเรอะ?”

การสูญเสียจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มของสามขั้วอำนาจถือได้ว่าทำให้รากฐานพวกเขาสั่นคลอนไปหมดทีเดียว

เสียงหัวเราะสามเสียงดังก้องจากส่วนลึก แต่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่น่ากลัวในน้ำเสียงเหล่านั้น

ทันใดนั้นมิติก็บิดเบี้ยว ทุกคนต้องตกตะลึงเมื่อเห็นร่างเงาสามร่างย่างกรายออกมา

ทั้งสามเพียงแค่ยืนอยู่บนท้องฟ้าเงียบๆ ก็ปล่อยแรงกดดันที่น่ากลัวออกมา ซึ่งเกินขอบเขตของระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุด

มีร่องรอยของระดับเทียนจื้อจุนอยู่ภายในร่างกายพวกเขา

ยามนี้สายตาของมู่เฉินก็รวมอยู่ที่พวกเขา นอกเหนือจากเจ้าสำนักเมฆาสีม่วง เจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทอง พวกเขาจะเป็นใครได้อีก?

“ในที่สุดก็ออกมาซะที…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท