ภูเขาเสี่ยหมัวกำจายกลิ่นเลือดคละคลุ้ง
ขณะที่เงาสีแดงเข้มทั้งสามยืนอยู่ในอากาศพร้อมกับรัศมีน่าสะพรึงเล็ดลอดออกมาจากร่าง เมื่อมองจากระยะไกลก็ราวกับเทพปีศาจสามคน
เมื่อผู้คนเห็นภาพเงาทั้งสาม พวกเขาก็เริ่มสั่นสะท้านด้วยความกลัวในสายตา เนื่องจากพวกเขารู้ว่าทั้งสามคนก็คือผู้บัญชาการปีศาจโลหิตที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าเสี่ยเสีย
ในปีที่ผ่านๆ มา ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไรที่ตายในมือของพวกมัน
แต่ขณะที่ทุกคนกำลังถูกข่มโดยทั้งสามอยู่นั้น มู่เฉินก็สะบัดแขนเสื้อ แสงหลิงพวยพุ่งขึ้น ประหนึ่งคลื่นปกคลุมครึ่งหนึ่งของขอบฟ้า ปิดกั้นรัศมีดุร้ายที่มาจากผู้บัญชาการปีศาจโลหิตทั้งสามไว้
ด้วยการเคลื่อนไหวของมู่เฉิน ไป๋ซู่ซู่และคนที่เหลือก็รู้สึกโล่งใจ ร่างกายของพวกเขาคลายตัวก่อนที่จะมองไปที่อีกฝ่ายด้วยความเคารพ
เหนือภูเขาเสี่ยหมัว ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตที่มีสัญลักษณ์อยู่หน้าผาก ซึ่งก็คือผู้บัญชาการใหญ่เสี่ยหมัวมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา “จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มกล้าโอหังต่อหน้าข้าคนนี้หรือ? แกช่างไม่เจียมกะลาหัว!”
เมื่อพิจารณาจากความผันผวนพลังงานของมู่เฉิน เสี่ยหมัวก็รู้ถึงขุมพลังของอีกฝ่าย ซึ่งทำให้เขาต้องประหลาดใจ โดยทั่วไปแล้วจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มจะเทียบเท่ากับแม่ทัพปีศาจโลหิตของเผ่าเสี่ยเสีย แล้วผู้บัญชาการปีศาจโลหิตทั้งสามตกอยู่ในมือของมู่เฉินได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยมู่เฉินก็ฉีกยิ้ม “ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็เพียงพอที่จะจัดการกับพวกแกแล้ว”
“อวดดี!”
ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตอีกสองคนตะเบ็งเสียงอย่างเย็นชาพร้อมกับจ้องมองไปที่มู่เฉิน
“พี่ใหญ่ ทำไมต้องไปคุยกับมันล่ะ? ร่วมมือกันฆ่ามันแล้วโยนอาหารทั้งหมดนี่ลงไปในอเวจีโลหิตเลยดีกว่า” สายตาดุร้ายกวาดไปยังผู้คนที่ตามมา
“ถ้างั้นก็ร่วมมือกันจัดการเจ้านี่เลย” ผู้บัญชาการใหญ่พยักหน้าอย่างไม่แยแส แม้ว่าเขาจะเยาะเย้ยมู่เฉินว่าเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม แต่เขาก็ยังระวังอยู่ในใจและไม่ต้องการให้โอกาสใดกับมู่เฉิน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจต่อสู้พร้อมกัน
ตู้ม!
ลำแสงสีแดงเข้มหมื่นจั้งสามสายพุ่งทะยานจากร่างผู้บัญชาการปีศาจโลหิตทั้งสาม แรงผลักดันดังกล่าวทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ทั้งภูมิภาคนี้ตลบอบอวลด้วยกลิ่นเหม็นคาว
เมื่อทั้งสามเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกันก็ทำให้สวรรค์และโลกสั่นสะเทือน แม้แต่ใบหน้าของไป๋ซู่ซู่ก็เปลี่ยนไปขณะที่หมัดกำแน่น นางเข้าใจว่ามู่เฉินแข็งแกร่งเพียงใด แต่ก่อนหน้านี้เขาสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งมาตลอด ทว่าตอนนี้เขากลับต้องเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตที่แข็งแกร่งที่สุดสามคนในคราวเดียว
ฟิ้ว!
ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตไม่แม้แต่จะคุยกับมู่เฉิน ออกกระบวนท่าพร้อมเพรียงกัน คลื่นพลังงานมหาศาลสามสายเดินทางผ่านมิติราวกับมหาสมุทรขนาดใหญ่กวาดไปทางมู่เฉิน
เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ เขาก็สะบัดแขนเสื้อ ปราการพลังงานปกคลุมร่างไว้
ครืน!
มหาสมุทรขนาดใหญ่กระแทกเข้ากับปราการ พลังที่น่ากลัวดูราวกับพยายามจะฉีกสวรรค์และโลกออกจากกัน
เมื่อผู้บัญชาการปีศาจโลหิตทั้งสามเห็นฉากนี้ รอยยิ้มน่ากลัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า แม้ว่าการโจมตีของพวกเขาอาจดูธรรมดา แต่ก็ไม่ได้ออมมือ มหาสมุทรเลือดที่น่าสะอิดสะเอียนสามารถกัดกร่อนคลื่นหลิงได้อย่างรวดเร็ว
ทว่าไม่ช้ารอยยิ้มของพวกเขาก็แข็งค้าง เนื่องจากพวกเขาเห็นผลึกแสงพล่านออกมา ทำให้มหาสมุทรเลือดจางลงอย่างรวดเร็วก่อนที่จะสลายไป
เมื่อทั้งสามเห็นฉากนี้ดวงตาก็หดลง
จุดที่มู่เฉินอยู่ก่อนหน้า แสงตกผลึกก่อตัวขึ้นเป็นปราการห่อหุ้มเขาไว้ภายใน ที่ด้านข้างมิติบิดเบี้ยว ร่างเงาสองร่างปรากฏขึ้นมา
ร่างเงาสองร่างสวมชุดสีดำและสีขาวมีรูปลักษณ์เหมือนกับมู่เฉินทุกประการ สิ่งที่ทำให้ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตตกตะลึงก็คือความผันผวนของคลื่นหลิงเหมือนกับมู่เฉินเปี๊ยบเลย
“นั่นคือร่างดวงจิตรึ? แต่ทำไมพวกมันทรงพลังพอๆ กับร่างหลักล่ะ?” ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคนหนึ่งร้องออกมา ดูท่าเขาคงมีความเข้าใจพอสมควรเกี่ยวกับเคล็ดวิชาของมหาพันภพ
ใบหน้าของผู้บัญชาการใหญ่ปีศาจโลหิตก็ดิ่งลง ก่อนที่เสียงจะเปลี่ยนเป็นน่ากลัว “มิน่าล่ะไอ้ตัวนี้ถึงกล้ามาที่ภูเขาเสี่ยหมัวของเรา มันมีความสามารถอยู่จริงๆ”
“พี่ใหญ่ตอนนี้ทำยังไงดี?” ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคนหนึ่งถามขึ้น แบบนี้ไม่ใช่ว่าความได้เปรียบด้านจำนวนของพวกเขาก็หายไปแล้วหรือ?
ใบหน้าของผู้บัญชาการใหญ่มืดครึ้ม ก่อนที่สายตาจะกะพริบเอ่ยเยาะเย้ย “ข้าไม่เชื่อว่าร่างดวงจิตของมันจะทรงพลังเท่าร่างหลัก ทิ้งร่างหลักไว้ให้ข้า พวกเจ้าสองคนไปจัดการกับร่างเสมือนพวกนัน้ให้เรียบร้อยซะแล้วมาช่วยข้าจัดการมัน!”
“รับทราบ!”
ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตทั้งสองพยักหน้า เนื่องจากพวกเขาก็มีความคิดคล้ายคลึงกัน ท้ายที่สุดทักษะที่แยกร่างเสมือนซึ่งไม่ได้ลดพลังก็ยากที่จะเห็นกระทั่งในเผ่าเสี่ยเสียเอง แล้วจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มจะครอบครองทักษะเช่นนี้ได้อย่างไร?
ร่างของพวกเขาขยับกลายเป็นริ้วแสงสีแดงเข้มพุ่งออกมา
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉากเบื้องหน้าก่อนที่เขาจะยิ้มพลางพยักหน้าให้กับร่างรองทั้งสอง
มู่เฉินชุดดำและชุดขาวหัวเราะร่วนแล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งหน้าไปในสองทิศทางที่แตกต่างกันโดยมีผู้บัญชาการปีศาจโลหิตทั้งสองติดตามไปกระชั้นชิด
จากนั้นมู่เฉินชุดดำก็โบกมือ แหวนปรากฏขึ้น อึดใจต่อมาร่างเงานับไม่ถ้วนก็ทะยานออกมายืนอยู่ข้างหลังเขา
ตู้ม!
รัศมีจั้นยี่ขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
นักรบหลายพันคนยืนอยู่ด้านหลังมู่เฉินชุดดำส่งเสียงคำราม ทันใดนั้นรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตก็บินฉวัดเฉวียนบนท้องฟ้า ราวกับมหาสมุทรปลดปล่อยพลังอันทรงประสิทธิภาพ
นี่คือกองทัพมังกรดำ
มู่เฉินชุดดำยืนอยู่ท่ามกลางกองทัพ นั่งลงในมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่พลางยิ้มอ่อนให้ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตที่ฉายความตกตะลึงบนใบหน้า เขาสะบัดแขนเสื้อ รัศมีจั้นยี่ก็พุ่งออกมาพร้อมกับพลังน่ากลัวกวาดใส่ผู้บัญชาการปีศาจโลหิต
อีกมุมสมรภูมิสัญลักษณ์หลิงยิ่งพลุ่งพล่านออกมาจากแขนเสื้อของมู่เฉินชุดขาวแล้วรวมเข้ากับสภาพแวดล้อม ผนึกนับไม่ถ้วนยิงออกไปก่อนจะถักทอเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างผู้บัญชาการปีศาจโลหิตอีกคนไว้ภายใน
เมื่อไป๋ซู่ซู่และชาวโลกเห็นภาพนี้ พวกเขาก็ตะลึงลานไป พวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะมีทักษะที่ทรงพลังเช่นนี้ แค่ร่างรองของเขาสองร่างก็สามารถดักจับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตสองคนได้
“จั้นเจิ้นซือ? หลิงเจิ้นซือ?!”
ขณะที่พวกเขาตกตะลึง ใบหน้าของเสี่ยหมัวก็ดูน่าเกลียดไป ตอนนี้เขาต้องเชื่อแล้วว่าร่างรองทั้งสองของมู่เฉินมีพลังการต่อสู้ที่ไม่แพ้ร่างหลักเลย
“พวกเจ้าก่อการในโลกนี้มานาน วันนี้ถึงเวลาที่ต้องชดใช้ด้วยเลือดบ้างแล้ว” มู่เฉินมองไปที่ผู้บัญชาการใหญ่ปีศาจโลหิต ไม่มีริ้วกระเพื่อมในสายตาของเขาเลย
“พูดจาใหญ่โตจริง เมื่อไรที่ข้าสังหารร่างหลักได้ร่างดวงจิตของเจ้าก็จะแตกสลาย” เสี่ยหมัวยิ้มน่าขนลุกก่อนที่แสงสีแดงจะวูบไหวในดวงตา อึดใจเขาก็อ้าปาก แม่น้ำเลือดไหลทะลักออกมาจากร่างกายจากนั้นก็กลายเป็นมหาสมุทรแผ่กระจายไปทั่วขอบฟ้า
“โฮก!”
มหาสมุทรสีเลือดพลุ่งพล่าน จากนั้นเสียงคำรามดุร้ายก็สะท้อนออกมา อึดใจถัดมามหาสมุทรเลือดก็ถูกฉีกออกจากกัน สัตว์ปีศาจขนาดมหึมาคืบคลานออกมา
สัตว์ปีศาจนี้มีสีแดงเข้มเต็มไปด้วยไอร้ายกาจรอบตัว แม้ว่าจะดูเหมือนลิงยักษ์ แต่กลับมีสามหัว ใบหน้าดุร้าย ราวกับสุนัขสามหัวที่เฝ้าประตูนรก
โฮก!
เมื่อสัตว์ปีศาจตัวนั้นปรากฏขึ้น มันก็กู่คำรามไปบนท้องฟ้า ความดุร้ายอัดแน่นในเนื้อเสียงคำรามของมันก่อนที่จะมองไปที่มู่เฉิน ทันใดนั้นมันดูดปากลูกกลมสีแดงเข้มหลายหมื่นจั้งก็รวมอยู่ในปาก ก่อนที่จะยิงมาทางมู่เฉิน
มู่เฉินหดดวงตากับภาพนี้ เขารู้สึกว่าถูกสัตว์ปีศาจตัวนี้คุกคาม ดังนั้นจึงทำให้เขาระมัดระวังตัวมากขึ้น ผู้บัญชาการใหญ่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาจอมยุทธ์ที่ได้สัมผัสกับระดับเทียนจื้อจุนที่เขาเคยพบมา
ฮา
มู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ มือวาดตราประทับ แสงสีม่วงทองระเบิดออกที่ด้านหลังกลายเป็นร่างขนาดใหญ่
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว
เมื่อร่างเทพสุริยะนิรันดร์ปรากฏขึ้น รหัสเทพอมตะนับร้อยก็ระเบิดออกรวมตัวกันเป็นตาข่ายสีม่วงทองขนาดใหญ่
ปัง!
ลูกกลมสีแดงเข้มยิงเข้ามาทำลายมิติในเส้นทางผ่านจากนั้นก็กระแทกเข้ากับตาข่ายด้วยพลังที่น่ากลัว
พลังนั้นทำให้ตาข่ายถูกบีบอัด แต่ถึงอย่างนั้นลูกกลมก็ยังคงเคลื่อนไปยังทิศทางของมู่เฉิน
มู่เฉินไม่ได้ขยับ แต่มองไปที่ลูกกลมที่เคลื่อนมาหาด้วยความไม่แยแส ขณะที่ไป๋ซู่ซู่และคนอื่นๆ เกือบอุทานด้วยความกังวลใจ ในที่สุดลูกกลมก็ถูกสลายแรงกระแทกเมื่อห่างจากมู่เฉินออกไปเพียงหนึ่งจั้ง
ลูกกลมถูกผูกรัดด้วยตาข่ายมหึมา หยุดชะงักเบื้องหน้ามู่เฉิน
มู่เฉินค่อยๆ ยกมือขึ้นแล้วสะบัดนิ้ว
ฮึ่ม!
ตาข่ายสีม่วงทองสั่นและหดตัวทันที ก่อนที่ลูกกลมจะบินกลับไปชนร่างสัตว์ปีศาจในพริบตา
โฮก!
สัตว์ปีศาจคำราม พลองหนึ่งพันจั้งก็ควบแน่นจากมหาสมุทรสีแดงเข้มขณะที่ควงสว่านลงมา มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ ลูกกลมสีแดงก็แตกออกใต้พลอง
คลื่นกระแทกที่น่ากลัวแผ่ออกมา ส่งเสียงดังก้องไปทั่วสวรรค์และโลก
“หึ มีความสามารถใช้ได้” เมื่อเห็นว่ามู่เฉินรับการโจมตีได้ แสงสีแดงเข้มในดวงตาของเสี่ยหมัวก็หนาแน่นขึ้นก่อนที่จะร้องตะโกน “งั้นข้าจะให้แกได้ลิ้มรสว่าปีศาจล้างโลกของเผ่าเสี่ยเสียน่ากลัวแค่ไหน!”
โฮก!
เมื่อเสี่ยหมัวพูดจบ สัตว์ปีศาจร่างแดงก่ำก็เปล่งเสียงคำรามแหลมคม คลื่นเสียงที่มองเห็นด้วยตาเปล่ากระจายออกไป สัตว์ปีศาจควงพลองเปลี่ยนเป็นแสงสีแดงพุ่งเข้าหาร่างเทพสุริยะนิรันดร์พร้อมกับรัศมีทำลายล้าง ราวกับว่ามันต้องการทำลายทุกสรรพชีวิตทั้งหมดในโลก
เมื่อมองไปที่สัตว์ปีศาจ ใบหน้าของมู่เฉินก็เคร่งเครียดลงหลายส่วน ก่อนที่เขาจะวาดตราประทับอีกครั้ง ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ใต้เท้าระเบิดแสงสีม่วงทองนับไม่ถ้วน รหัสเทพอมตะควบแน่นเป็นหอกสีทองยาวหนึ่งพันจั้ง
หอกหมุนคว้าง ประกายแสงสีทองราวกับดวงอาทิตย์ลุกโชติช่วง ร่างเทพสุริยะนิรันดร์พุ่งออกมาปะทะกับสัตว์ปีศาจเต็มกำลังภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน
ในเวลาเดียวกันเสียงเย้ยของมู่เฉินก็ดังก้องไปทั่วขอบฟ้าราวกับเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง
“วันนี้ข้าจะดูว่าสัตว์ปีศาจของแกหรือร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของข้า ใครแน่กว่ากัน!”