หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1379

ตอนที่ 1379

เจดีย์ผลึกแก้วลอยคว้างบนท้องฟ้าของเมืองใหญ่

แสงไหลเอื่อยพร้อมกับกำจายพลังอำนาจลึกลับออกมา

ทั้งชาวเมืองและสมาชิกเผ่าเสี่ยเสียจ้องเขม็งไปที่เจดีย์ เนื่องจากพวกเขาตระหนักว่าชะตากรรมต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับผู้ที่สามารถออกมาจากเจดีย์ได้

นั่นเป็นเพราะคนสุดท้ายที่ยืนหยัดจะเป็นผู้ชนะ

ดังนั้นทั้งฟ้าดินจึงเงียบงันพร้อมกับบรรยากาศตึงเครียด ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

จอมยุทธ์ชั้นสูงของเมืองดูร้อนรน เม็ดเหงื่อใหญ่ปกคลุมหน้าผากก่อนที่พวกเขาจะมองไปที่จักรพรรดินีที่อยู่ข้างๆ “จักรพรรดินี ท่านเทพจะชนะหรือไม่?”

หากท่านเทพที่พวกเขาตั้งความหวังไว้ล้มเหลว แม่น้ำเลือดคงหลั่งรินไปทั่วเมือง ศพนอนเรียงรายอยู่โดยรอบแน่นอน นอกจากนี้เผ่าพันธุ์คงจะถูกล้างบางโดยผู้บัญชาการปีศาจโลหิตที่โกรธเคืองด้วย

จักรพรรดินีก็มองไปที่เจดีย์ด้วยความกังวล แต่นางก็สงบกว่าคนอื่นๆ ดังนั้นจึงตอบว่า “เราเตรียมรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ?”

“หรือว่าจะมีอะไรที่เลวร้ายไปกว่าการถูกเลี้ยงเป็นสัตว์?”

เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ชั้นสูงได้ยินคำพูดของนาง พวกเขาก็พยักหน้า กรณีนี้พวกเขายอมตายซะจะดีกว่า อย่างน้อยก็สามารถรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้

ฮึ่ม!

ขณะที่พวกเขาสนทนากันเจดีย์ก็สั่นสะเทือน ดึงดูดความสนใจทั้งหมดไป

แม้แต่จักรพรรดินีก็กัดริมฝีปาก มือสั่น รู้สึกกระวนกระวายในใจไปหมด

แม้ว่านางจะเตรียมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แต่อย่างน้อยในใจพวกเขาก็ยังมีแววแห่งความหวังไม่ใช่หรือ?

ฟิ้ว!

ภายใต้ความกังวลทั่วฟ้าดิน ริ้วแสงสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากเจดีย์ ร่างเงาสูงโปร่งปรากฏขึ้น

“นั่นท่านเทพ!”

เมื่อพวกเขาเห็นภาพเงานั้น เสียงโห่ร้องก็ดังออกมาจากเมือง หลายคนน้ำตาไหลอาบใบหน้า พวกเขาคุกเข่าโขกหัวอย่างบ้าคลั่งไปให้มู่เฉิน

มู่เฉินมองเมืองที่โกลาหลก็ยิ้มบาง ก่อนที่จะยกมือขึ้นไข่มุกสีแดงเผยออกมาพร้อมกับภาพผู้บัญชาการปีศาจโลหิตดิ้นขลุกขลักอยู่ภายใน

ภาพนี้ทำให้ทุกคนรู้ว่าใครคือผู้ชนะคนสุดท้าย

“ท่านเทพ…ชนะจริงหรือ?” จอมยุทธ์ชั้นสูงรู้สึกวิงเวียนหัวกับฉากนี้ ก่อนที่พวกเขาจะล้มนั่งลงบนพื้นพลางมองไปที่ลูกทรงกลมนั้นอย่างตะลึงงัน

ใครจะคิดว่าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตที่อยู่ยงคงกระพันในสายตาพวกเขาจะพ่ายแพ้ในวันนี้!

จักรพรรดินีอึ้งไปขณะมองร่างเงาสูงโปร่งบนท้องฟ้า ทันใดนั้นหน่วยตานางก็คลอคลองด้วยหยาดน้ำตา ก่อนที่จะกลิ้งลงมาบนแก้ม

นางรอช่วงเวลานี้มานานแค่ไหน? นางพยายามเพื่อสิ่งนี้มานานแค่ไหน?

แม้ว่านางจะพยายามอย่างเต็มที่และรักษาดินแดนอุดมรัฐไว้ให้ผู้คนได้ แต่นางก็รู้ว่านั่นเป็นเพียงภาพลวงตา ตราบใดที่เผ่าเสี่ยเสียต้องการ พวกมันก็สามารถทำลายล้างที่พึ่งพิงสุดท้ายของพวกนางให้กลายเป็นนรกได้

ดังนั้นนางจึงได้แต่รู้สึกกลัวในใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่นางก็ไม่สามารถแสดงอารมณ์ให้พวกเขาเห็นได้ เพราะนางรู้ว่าตนเองเป็นเสาหลักสนับสนุนทุกคน ถ้านางล้มลงดินแดนอุดมรัฐนี้ก็จะพังทลายลงเช่นกัน

แต่วันนี้ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตที่อยู่ยงคงกระพันในสายตานางกลับพ่ายแพ้ ทำเอาความพยายามอดกลั้นของนางพังทลายลงทันที ด้านอ่อนแอในใจถูกเปิดเผย ทำนบน้ำตาแตกไหลอาบแก้ม

เพราะในที่สุดนางก็ได้เห็นความหวังในความสิ้นหวัง!

เมื่อเทียบกับผู้คนในเมืองที่มีความสุขแล้ว จอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียตกใจกลัวขีดสุด พวกเขาไม่เคยคิดว่าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตจะล้มเหลว

“รีบหนีเร็ว ส่งข่าวนี้ไปยังผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคนอื่นๆ!”

พวกมันแลกสายตากันชั่วครู่ ก่อนที่จะทะยานออกไปอย่างเร่งรีบ พยายามที่จะหนีจากชายหนุ่มที่น่ากลัวคนนี้

ดังนั้นยามนี้ทั่วท้องฟ้าจึงตกอยู่ในความโกลาหล สมาชิกเผ่าเสี่ยเสียแตกฉานซ่านเซ็นราวกับหมาจนตรอก

มู่เฉินมองจอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียอย่างเย็นชา อึดใจก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ปรากฏขึ้นข้างหลัง เกลียวแสงสีม่วงทองแผ่ซ่านถักทอเป็นหอกสีม่วงทองนับไม่ถ้วนเขวี้ยงออกไป

ฟิ้ว ฟิ้ว!

ขณะที่ห่าหอกโปรยปรายลงมา ก็แทงทะลุร่างเงาสีแดงเข้ม เสียงกรีดร้องน่าเศร้าดังทั่วฟ้าดิน

จอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียราวกับนกปีกหักตกลงมาจากท้องฟ้าไม่หยุดหย่อน…

เพียงไม่กี่นาทีฟ้าดินก็สงบลง ทุกคนในกองทัพเผ่าเสี่ยเสียถูกมู่เฉินสังหารเรียบ

มู่เฉินรู้ว่ามีผู้บัญชาการหลายคนในเผ่าเสี่ยเสีย ซึ่งต่างมีขุมพลังสัมผัสกับระดับเทียนจื้อจุน หากต่อสู้กันอย่างยุติธรรม มู่เฉินมั่นใจว่าสามารถกำจัดพวกมันได้สบาย แต่ถ้าพวกมันรวมตัวกันละก็ ความได้เปรียบของมู่เฉินจะลดลงอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะให้ข่าวที่นี่หลุดออกไป

ชาวเมืองมองสมาชิกเผ่าเสี่ยเสียที่ถูกกำจัดไปอย่างสิ้นเชิง ก่อนที่พวกเขาจะหันไปมองมู่เฉินด้วยสายตาเคารพเทิดทูน

มู่เฉินโบกแขนเสื้อบนท้องฟ้า เจดีย์ผลึกแก้วก็พุ่งกลับมาสถิตในดวงตา จากนั้นก็เก็บลูกกลมผู้บัญชาการปีศาจโลหิตแล้วก็หันกลับไปยังวัง

เมื่อเขาพลิ้วตัวลงมาก็เห็นผู้คนคุกเข่าตามทางที่เขาก้าวเดินโดยมีความเคารพในสายตา

แม้แต่จักรพรรดินีก็คุกเข่าแสดงความเคารพขณะที่กล่าวว่า “ไป๋ซู่ซู่ทักทาย ท่านเทพ”

เมื่อมู่เฉินเห็นฉากนี้ก็อดอมยิ้มไม่ได้ “ข้าไม่ใช่เทพอะไรหรอก”

ขณะที่พูดเขาก็มองคณะเสนาบดีที่รวมกลุ่มและมีเสนาบดีใหญ่ที่หลุดออกจากเสาอยู่ด้านข้าง แต่ตอนนี้ทุกคนมองมาที่เขาด้วยสายตาหวาดกลัว

ไป๋ซู่ซู่รู้สึกได้ถึงสายตาของมู่เฉิน นางจึงหันไปมองเสนาบดีเหล่านั้นด้วยความเย็นชาพูดว่า “ประหารพวกมันซะ อย่าทำให้ดวงตาของท่านเทพต้องมัวหมอง”

ฟิ้ว!

เมื่อนางพูดจบ ร่างจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าหาเสนาบดีเหล่านั้น หลังจากโรมรันพันตูกันพักใหญ่พวกหนอนบ่อนไส้ก็ถูกสังหารในที่เกิดเหตุ แม้แต่เสนาบดีใหญ่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหนี หลังจากได้รับบาดเจ็บจากมู่เฉิน ร่างเขากลายเป็นเนื้อสับเพราะความโกรธของผู้คน

บอกได้ว่าประชาชนเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อเสนาบดีกลุ่มนี้

เมื่อมองไปที่ฉากนี้เขารู้สึกประหลาดใจก่อนที่จะมองไปที่ไป๋ซู่ซู่ ความเด็ดขาดนี้ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าจึงถามว่า “ทำไม? เจ้าคิดจะแสดงจุดยืนอยู่เรอะ?”

การกระทำของไป๋ซู่ซู่ชัดว่าเป็นการแสดงจุดยืนที่จะสู้กับเผ่าเสี่ยเสียอย่างเต็มที่แล้ว

รอยยิ้มหายากปรากฏบนใบหน้าของไป๋ซู่ซู่ สายตาจ้องไปที่มู่เฉิน “ข้าเชื่อมั่นในท่านเทพมาตั้งแต่แรกเริ่ม”

มู่เฉินยิ้ม “ข้ามีแรงจูงใจในการมาที่โลกของเจ้า ตอนนี้ข้าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าเสี่ยเสียทั้งหมด”

“โปรดมาทางนี้ ข้าจะบอกทุกอย่างที่รู้”

ไป๋ซู่ซู่กล่าวด้วยความเคารพ จากนั้นก็ลุกขึ้นนำทาง ส่วนพวกที่เหลือก็ถูกห้ามให้ตามไปจากคำสั่งของนาง

มู่เฉินเดินสบายๆ ตามนางไป ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องโถง

“ท่านเทพเชิญนั่ง”

หลังจากให้มู่เฉินนั่งแล้ว ไป๋ซู่ซู่ก็รินชาด้วยความให้เกียรติ

มู่เฉินไม่ได้มากมารยาทรับเอาไว้ทันที “ตอนนี้พูดได้หรือยัง?”

ไป๋ซู่ซู่ยืนที่เบื้องหน้ามู่เฉิน นางไม่ได้ไว้ศักดิ์ศรีของจักรพรรดินีอีกต่อไป นางกัดริมฝีปากเบาๆ พูดว่า “ท่านเทพ ไม่ทราบว่าข้าขอร้องสักเรื่องได้หรือไม่?”

“ขอร้อง?” มู่เฉินเลิกคิ้วขึ้น

ไป๋ซู่ซู่กัดฟันพูดว่า “ข้าอยากให้ท่านเทพสอนพลังที่ใช้ต่อสู้กับเผ่าเสี่ยเสีย!”

พลังที่มู่เฉินแสดงออกมาทรงศักยภาพอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งอยู่ในระดับที่พวกนางไม่สามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นหากพวกนางสามารถได้รับบางสิ่งจากมู่เฉิน ก็จะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญ

ด้วยวิธีนี้พวกนางจะไม่ไร้พลังในการประจันหน้ากับเผ่าเสี่ยเสียอีกต่อไป

มู่เฉินอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะส่ายหัวพลางจิบชา “พลังของข้าไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าเข้าใจได้”

เขาทรงพลังเพราะได้รับการฝึกฝนขุมพลังหลิงซึ่งเป็นพลังเอกลักษณ์ของมหาพันภพ ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเพาะบ่มได้ในพิภพเขตล่าง

เมื่อไป๋ซู่ซู่ได้ยิน นางก็คิดเองเออเองว่ามู่เฉินไม่ต้องการสอน ดังนั้นนางจึงคุกเข่าลงด้วยใบหน้าซีดเซียว “ท่านเทพโปรดช่วยเราด้วยเถิด!”

ขณะที่พูดนางก็กัดริมฝีปากถอดมงกุฎดึงสายรัดเอวสีม่วงลง

ชุดงดงามร่วงหล่นลง เรือนร่างขาวโพลนสั่นระริกราวกับลูกแกะน้อย

นางคุกเข่าต่อหน้ามู่เฉิน เรือนผมแผ่สยายเน้นโค้งร่างยั่วยวนจากแผ่นหลังลงไปที่เบื้องล่าง

“ท่านเทพ ถ้าท่านยอมสอนพวกเรา ข้ายินดีที่จะเป็นทาสไปชั่วนิรันดร์!”

ร่างกายบอบบางสั่นสะท้าน เสียงอ้อนร้องฟังดูน่าสงสารยิ่งนัก

ฟู่

มู่เฉินอึ้งไปกับฉากนี้ ก่อนที่จะอดพ่นน้ำชาออกจากปากไม่ได้

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท